
๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐
อบอุ่นดั่งดวงตะวัน
๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐
ตอนที่แล้ว
http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W4394186/W4394186.html
๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐
หลายวันมาแล้ว แต่ดวงตะวันก็ยังสาดแสงร้อนแรงอย่างไม่ปรานีใครมายังโลก
ข้าวหอมไม่อาจเรียกแสงแดดอ่อนยามเช้าอย่างที่เคยเรียกมันว่า อบอุ่น ได้เลย
จะเพราะเรื่องราวสับสนในใจหรือเปล่านะ ที่ทำให้เธอไม่อาจดึงเอาความสดชื่นสดใสของดวงตะวันยามเช้ามาเป็นกำลังใจเพื่อการทำงานเหมือนก่อน
เรื่องราวของการบอกรักที่เธอเองไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่าจะได้ยินจากปากของเพื่อนสนิท
ภาพยนตร์เรื่อง เพื่อนสนิท เธอก็ไม่เคยดูเสียด้วยสิ ไม่รู้ว่าเรื่องราวมันจะออกมาอีหรอบไหน พระเอกจะเป็นอย่างไร เมื่อบอกรักเพื่อนสนิทแล้วเพื่อนคนนั้นพูดตัดเยื่อใย หรือนางเอกจะเป็นอย่างไรเมื่อบอกปัดเพื่อนสนิทไปอย่างนั้นแล้ว
วุ้ย
นี่เธอคิดถึงขั้นเป็นนางเอกเชียวเหรอ
ข้าวหอม
ไม่ต้องเป็นนางเอกภาพยนตร์อย่างเรื่อง เพื่อนสนิท หรอก แต่ข้าวหอมอยากเป็นนางเอกในชีวิตจริงของเจ้านายเธอมากกว่า
คิดแล้วก็เหมือนจะมีสองเรื่องกลุ้มคอยกลุ้มรุมเธออยู่ไม่รู้หาย เรื่องแรกก็แน่ละ เรื่องของเคี้ยงที่มาเผยความในใจให้เธอตกใจเล่น และเรื่องที่สอง เป็นเรื่องที่เธอไม่กล้าเผยให้เขารู้มาก่อน และก็จะเก็บมันไว้เป็นความลับตลอดไป
เธอแอบชอบเจ้านาย...
เลือดในร่างกายสูบฉีดแรง หัวใจของข้าวหอมก็คอยแต่จะเต้นไม่เป็นส่ำทุกครั้งที่ได้พบเจอคุณฉธา
แม้ว่ามันจะเป็นเพียงอาทิตย์ละครั้งเท่านั้นก็ตาม ทุกวันศุกร์...ทั้งแผนกของเธอมีนัดประชุมคุยกับผู้จัดการใหญ่ของบริษัท ซึ่งก็คือคุณฉธา
ส่วนอีกสี่วันที่เหลือ หญิงสาวต้องนั่งทำงานหัวฟู เป็นเซลขายเครื่องกรองน้ำที่บริษัทสั่งซื้อเข้ามาจากต่างประเทศแล้วเป็นตัวแทนจำหน่าย หลายเดือนมานี้ ยอดขายเครื่องกรองน้ำตกฮวบอย่างน่าใจหาย ไม่รู้ว่าเป็นความผิดพลาดของเธอเองที่ไม่อาจหาลูกค้ารายใหม่ๆ เข้ามา พอๆ กับไม่สามารถรักษาลูกค้ารายเก่าได้ หรือเป็นความผิดของบริษัทที่ตัดสินใจสั่งนำเข้าเครื่องกรองน้ำที่ไม่ได้มาตรฐานเข้ามาแล้วดันทุรังขายไปทั้งๆ ที่ไม่ได้กำไรเลยสักนิด
ก็ไม่รู้
แต่แน่ละ เรื่องนี้จึงเป็นประเด็นในที่ประชุมทุกสัปดาห์ ข้าวหอมไม่รู้ว่ามันดีหรือไม่ดีกันแน่กับการที่คุณฉธามีเรื่องคุยกับเธอ
นั่นนับเป็นโอกาสครั้งเดียวในรอบสัปดาห์ที่จะได้มีโอกาสได้สนทนากับเขา แต่มันจะดีกว่านี้ ถ้าหากมันจะเป็นบทสนทนาที่จะสร้างให้เธอดูมีค่าในสายตาเขา ไม่ใช่เป็นคนที่ไร้น้ำยาอย่างนี้
กะอีแค่ขายเครื่องกรองน้ำยังขายไม่ได้ แล้วเขาจะมาสนใจอะไรกับเธอ
พนักงานขายต๊อกต๋อย นี่ก็ดีถมไปแล้วที่ไม่ต้องไปเคาะตามประตูบ้านแล้วร้องทักไปว่า
มิสเครื่องกรองน้ำมาแล้วค่า ทำนองนั้น
สิ่งเดียวที่ข้าวหอมทำได้ก็คือรับฟัง หน้างุ้ม ก่อนจะบอกออกไปอย่างขลาดๆ ว่า
แล้วดิฉันจะพยายามทำยอดให้ได้ค่ะ
ฉันก็เห็นเธอพูดอย่างนี้มาทุกครั้ง มันกี่ครั้งแล้วหา
ตลก
ตลกก็หัวเราะสิคะป้าติ๋ม...
ไม่หรอก ข้าวหอมไม่ได้ตอบโต้ออกได้อย่างใจนึกเช่นนั้น เพราะนั่นเป็นเสียงบ่นว่าที่ไม่รู้ว่ากี่ครั้งแล้วเหมือนกันของ ป้าติ๋ม หรือกิตติมาหัวหน้างานของเธอเอง
เอาน่าคุณกิตติมา ผมว่าก็ให้คุณข้าวหอมเขาลองทำยอดอีกสักพัก ถ้ามันไม่ไหวจริงๆ
ผมหมายถึงคุณภาพสินค้าของเรานะครับ
ประโยคนั้นเขาหันมาหาเธอ ตำแหน่งที่เขานั่งตรงหัวโต๊ะกับเกือบสุดท้ายปลายโต๊ะของข้าวหอมช่างดูห่างไกลกันเหลือเกิน
ผมคงจะติดสินใจไม่นำเข้าเครื่องกรองน้ำยี่ห้อนี้อีก
ถ้าจะทำให้ได้ดังใจ ข้าวหอมอยากจะตะโกนร้องขอบคุณคุณฉธาออกไปดังๆ แล้ววิ่งเข้าไปหอมแก้มฟอดใหญ่ ให้สมกับการที่เขาช่วยเธอไว้จากการรุมจิกของป้าติ๋มทุก และอยากจะกราบที่อกของเขางามๆ สักสามที เพื่อขอบคุณที่เขาเห็นใจเธอ และไม่ด่าว่าว่านั่นเป็นความผิดของเธอ
แต่...ให้ทำจริงๆ ก็คงทำไมได้หรอก ก็ข้าวหอมน่ะ ออกจะเป็นกุลสตรีไทย เรือนสามน้ำสี่พร้อม ให้ไปทำอะไรอย่างนั้นไม่ได้หรอก วุ้ย
เขินค่ะ
ข้าวหอม
ฝันหวานไกลไปถึงไหนยะ เลิกประชุมแล้ว กลับไปทำงานของเธอได้แล้ว
เสียงเฮี้ยบๆ ของป้าติ๋มนั่นเองที่ทำให้เธอต้องสะดุ้งออกมาจากภวังค์
โดยทันที ข้าวหอมหันไปมองหัวโต๊ะ ก็ทันได้เห็นเพียงหลังไวๆ ของคุณฉธาเท่านั้นเอง
โธ่
ช่วงเวลาแห่งการพบหน้ากันก็หมดอีกหนึ่งครั้งแล้ว
เอ้า มัวแต่นั่งอยู่นั่นแหละ ฉันบอกให้กลับไปทำงานไงล่ะ จะนั่งให้รากงอกเหรอไง อ้อ
กลัวว่าจะไม่ได้เปลี่ยนงานใช่ไหม งั้นก็เชิญซ้อมนั่งไปเถอะนะ เผื่อจะได้ไปนั่งรอสัมภาษณ์หางานใหม่เร็วๆ นี้
๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐
เราขอบคุณข้าว ที่รับฟังเรา
เสียงพูดที่คุ้นเคย รูปลักษณ์ที่คุ้นตา ทำให้ข้าวหอมรู้สึกดีขึ้น ความกลัวที่ไม่กล้าเจอหน้ากันอีกครั้งก็หายไปแล้ว จากที่เคยกังวลกับเรื่องเคี้ยง พอมาพูดคุยอย่างเป็นกันเองเหมือนเดิม ความกังวลนั้นก็พลันหายไป
เธอชอบตีตนไปก่อนไข้จริงๆ
นึกๆ แล้วก็ขำนะ ไม่รู้เรานึกยังไงว่ะ ที่มาบอกชอบข้าวอย่างงี้ แต่มันอึดอัดมานาน
ข้าวหอมได้แต่นั่งฟังเคี้ยงเล่า เหมือนมานั่งฟังเด็กน้อยคนหนึ่งเล่าเรื่องราวของตัวเอง กลิ่นคาปูชิโน่ร้อนข้างหน้าเธอลอยอวล แต่หญิงสาวยังไม่ได้แตะต้องมันเลย
เราชอบข้าวมาตั้งนานแล้วนะ ตั้งแต่เรียนนั่นแหละ ถ้าจะพูดให้ถูกก็คงตั้งแต่ปีหนึ่งแรกเข้ามาเลย ข้าวคงไม่รู้ตัวหรอก ว่าเราแอบชอบตั้งแต่ตอนที่เราทำกิจกรรมรับน้องด้วยกันแล้ว
ข้าวหอมฟังเพื่อนเล่า แล้วนึกย้อนไปยังอดีตวัยเรียนพร้อมๆ กัน ไม่สนใจผู้คนในร้านกาแฟที่เคี้ยงนัดออกมาเจอกันอีกครั้ง หลังจากที่หญิงสาวลังเลอยู่นาน จึงตัดสินใจมา ก็งานไม่มีทำแล้ว มาเจอเพื่อนสักหน่อยคงไม่เสียหลาย
เราเอาตัวมาสนิทกับข้าว เข้ามาอยู่กลุ่มเดียวกันเพื่อจะได้อยู่ใกล้
ขี้โกงนี่หว่า นี่แกแอบมานอนกะฉันด้วยนะเนี่ย ตอนไปออกค่ายที่ลำปาง
นั่นเป็นประโยคแรกที่ข้าวหอมพูดขึ้นหลังจากปล่อยให้เคี้ยงร่ายยาวเสียนาน และนั่นก็สร้างรอยยิ้มให้กับทั้งคู่ เมื่อนึกถึงกิจกรรมต่างๆ ที่ทำด้วยกันในหนหลัง ไม่มีความสงสัยหรือคลางแคลงในใจอีกแล้ว
เพื่อน...ยังไงก็ยังเป็นเพื่อน
พอเรียนจบ เราก็ยังไม่รู้จำทำยังไงกับความรู้สึกนั้น เราบอกตัวเองว่าข้าวคงไม่ได้มีใจให้เราหรอก เพราะดูจากพฤติกรรมต่างๆ แล้วเราพอจะเดาได้ แม้ว่าข้าวเองก็ยังไม่มีใครเข้ามา เราก็เลยตัดสินใจ เอาวะ
ไปดีกว่า อย่าได้มาเจอหน้ากันให้แทงใจเลย ไปอิตาลี อย่างน้อยมันก็ได้ตามฝันของเราที่อยากไปเที่ยวด้วย
ข้าวหอมเอามือเท้าคาง ฟังเพื่อนเล่า เธอไม่เคยนึกถึงความลับนี้ของเพื่อนมาก่อนเลย ได้ยินได้ฟังอย่างนี้แล้วก็นึกสนุกเสียมากกว่า
แต่มันทนไม่ไหวรู้ไหมข้าว ยิ่งเราหนี ก็เหมือนอารมณ์ความรู้สึกที่ว่าเราควรจะทำอะไรไปสักอย่างมันยังตามรังควานเราอยู่
เราเลยกลับมาไง
กลับมาบอกฉันเนี่ยนะ
ใช่
มันไม่มีอะไรที่จะดีไปกว่าการเปิดใจแล้ว เรารู้สึกดีนะ มันโล่งและโปร่งอย่างบอกไม่ถูกเลยนะ ที่ได้บอกว่าเราคิดยังไงกับข้าวไปแล้ว แม้ว่าข้าวจะคิดกะเราแค่เพื่อนก็ตาม
ฉันก็เสียใจที่ให้แกได้แค่นั้นนะ ข้าวหอมเสียงอ่อน
เรารู้
เราเข้าใจตั้งนานแล้ว ก่อนที่เราจะไปอิตาลีซะอีก แต่มันรู้สึกอึดอัดมาตลอดที่ไม่ได้บอกอะไรไป เหมือนมีอะไรคาอยู่ที่ใจ แต่พอได้บอกแล้วเราก็สบายใจมากๆ
ฉันก็ดีใจที่แกยอมรับได้ ข้าวหอมยิ้ม แต่ที่ทำให้เธอต้องหุบยิ้มคือคำพูดของเคี้ยงในประโยคต่อมา
แล้วข้าวล่ะ บอกอะไรไปกะคนที่อยากจะบอกหรือยัง
หมายความว่าไง
เราเดาได้จากสายตาของข้าววันนั้น วันที่เราไปหาข้าวที่บริษัท สายตาของข้าวที่มองเจ้านายน่ะ มันคือสายตาแบบเดียวกับของเราที่มองข้าวนั่นแหละ เราก็เลยถามข้าวดูว่าได้ทำ อะไร ไปอย่างที่เราทำหรือยัง
ฉ
ฉัน ไม่
หญิงสาวสับสน พูดตะกุกตะกัก
อย่าปฏิเสธใจตัวเองเลยข้าว
ทำอย่างที่ใจอย่างจะทำเถอะ แล้วข้าวจะได้รู้ว่า มันโล่งขนาดไหน แม้ว่าเขาจะไม่ได้ตอบรับรักเรามา แต่มันจะรู้สึกอบอุ่นที่ใจนะ ว่าเขาได้รู้แล้ว
๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐ๆ
แก้ไขเมื่อ 27 พ.ค. 49 11:42:04
จากคุณ :
Roy_พิม
- [
27 พ.ค. 49 11:40:51
]