CafeTech-ExchangePantip MarketChatPantownBlogGangTorakhongGameRoom


    >> ครัวของมีนา : บทที่ 14 - อย่าไว้ใจทาง อย่าวางใจคนมา

    Meena’s Kitchen : Chapter 14.
    -----------------------------------------------------------

    “ มีนา …  มีนา !  อย่าเหม่อสิครับ ”  


    คริสจับไหล่ฉันเขย่าเบา ๆ  เรียกสติให้ฉันละสายตาจากปลายไม้และณัชกลับมา …

    “ พูดเบา ๆ ก็ได้หนิ ” ฉันพูดเสียงอ่อย รีบคนซุปในหม้อตรงหน้า  ที่เริ่มส่งกลิ่นไหม้ติดก้นหม้อแล้ว

    “ เวลาทำอาหารต้องตั้งใจและมีความสุข  เพราะมันจะส่งผ่านให้รสชาติ  รู้ไหมครับ ”

    “ ฉันก็ทำดีมาตลอด  … แค่หม้อนี้หม้อเดียวเอง  บ่นอะไรนักหนา ”  

    ฉันเถียงอย่างดื้อดึง  พยายามเอาเหตุผลค้าง ๆ คู ๆ เข้าแถกเต็มที่

    “ สำหรับคุณอาจจะเป็น 1 ในร้อยจานที่คุณทำ  แต่สำหรับลูกค้าเป็นจานเดียวที่เขาจ่ายเงินมากิน ”

    คริสเทศน์อะไรต่ออีกยาวเหยียด  แต่คนโดนว่ากลับเอาแต่ชำเลืองมองคนคู่นั้น  …


    เขาอาจจะแค่คุยกันเรื่องงานก็ได้ … แต่ฉันก็วิตกจริตไปซะแล้ว   ช่วงนี้เวลาเห็นสองคนนี้อยู่ด้วยกันทีไรต้องแอบมองอย่างระแวงสงสัยทุกครั้งไป

    “ คุณฟังผมอยู่หรือเปล่า ! ”

    “ เปล่า … พูดยาวยืดน่าเบื่อเหมือนคนแก่  ใครจะอยากฟัง ”

    “  … ณัชกับปลายไม้ตามใจคุณจนนิสัยเสียแล้ว รู้ตัวไหม”

    ฉันส่งยิ้มยิงฟันกลับไป   คริสจึงหัวเราะอย่างเหนื่อยใจหันกลับไปทำงานของตัวเองเหมือนเดิม  รู้ว่าพูดไปก็ไร้ประโยชน์    


    อันที่จริงช่วงนี้ฉันมีความสุขการที่ได้ต่อปากต่อคำกับนายสมคิดมากเลย  ช่วงนี้เขาไม่ทำอะไรให้รู้สึกอึดอัดหรือไม่สะดวกใจอีกแล้ว   ฉันเลยสบายใจที่ได้อยู่ใกล้   พูดคุยกับคริสหรือแม้แต่การหาเรื่องมาทะเลาะกัน ( นายนั่นเป็นผู้ชายแถมยังพูดไทยไม่เก่ง  มีรึจะเถียงสู้มีนาได้ … )

     ว่าง ๆ ก็เข้าไปนั่งเล่นห้องคริสกับณัช  ดูโน่นนี่รื้อของเล่นในห้องแบบไม่เกรงใจเจ้าของห้องก็บ่อยไป


    เจ๊เพิ่งเดินนวยนาดเข้าร้านมา  ท่าทางสดชื่นร่าเริงผิดปกติ

    “ วันนี้เจ๊เพิ่งซื้อกระเป๋าใบใหม่มา   เบื่อใบเก่าละ  มี่เอาไปใช้มั้ยจ๊ะ พี่ให้ยืม ”

    แคนหยิบถุงกระเป๋าคริสเตียนดิออร์มาจากหลังรถ  … สภาพมันไม่ได้เก่าเลยซักนิด   นี่เป็นคอลเลคชั่นใหม่ล่าสุดที่เพิ่งวางขายด้วยซ้ำ

    “ ให้มี่ยืมจริง  ๆ เหรอคะ ! ”  

    ฉันแทบจะลงไปกอดเท้าเจ๊แคนดี้กราบขอบคุณน้ำตาไหลพรากอยู่ตรงนั้น

    “ เห็นว่าหาเงินเองได้แล้วไม่กล้าซื้อไม่ใช่เหรอ  แลกกับณัชบ้างก็ได้  รายนั้นก็ยืมกระเป๋าเจ๊ไปใช้บ่อย ๆ รักษาให้ดีแล้วกัน ”

    ทีนี้ฉันเลยเข้าใจว่าทำไมณัชถึงมีของแบรนด์เนมสับเปลี่ยนไปใช้ทุกวัน  ในที่สุดปริศนาของณัชก็ไขกระจ่างอีกข้อแล้ว …

    “ เจ๊ไปเปลี่ยนชุดดีกว่า   วันนี้ไปเจอหน้าเพื่อนเก่าต้องแอ๊บแมนทั้งวันน่าเบื่อมั่ก มาก ก  จะเป็นเจ๊แคนดี้กลางวันครับ  กลางคืนค่ะ  ว้าย~ย  เก๋เนอะ ”  

    ว่าแล้วยัยเจ๊ก็กรี๊ดกร้าดกระโดดหมุนตัวขึ้นไปอาบน้ำเปลี่ยนชุด … เธอคนนี้ไฮเปอร์พลังล้นเหลือได้ทั้งวันจริง ๆ


    บ่อยครั้งที่ฉันคิดว่าการเปิดร้านของเจ๊แคนดี้เหมือนกับ “ คนรวยเล่นขายของ ”  ได้ยินจากณัชว่าตระกูลของแคนเป็นเศรษฐีพันล้านระดับต้น ๆ ของไทย  มีโรงแรมใหญ่หรูหราห้าดาวหลายสาขาทั้งในและต่างประเทศ    แค่อยู่เฉย ๆ กินเงินปันผลของบริษัทก็มากมายนั่งกินนอนกินก็ใช้เงินทิ้งขว้างไปได้สามชั่วโครตร    ตัวเจ๊เองเที่ยวเล่นโผล่ตัวตามปาร์ตี้ไฮโซหรูหราไม่เท่าไหร่ก็เบื่อ  เผอิญว่าแคนชอบอาหารอิตาลีเป็นทุนอยู่แล้วเลยเปิดร้านทำกินเองไปเลย  ประหยัดดี

    ตั้งแต่ร้านนี้เปิดมาก็ไม่มีกำไรเท่าไหร่   เพราะใช้วัตถุดิบอย่างดีและสดใหม่  ขั้นตอนการทำก็ละเอียดปราณีต  เรียกว่าทำด้วยใจรักล้วน ๆ  

    แต่ฉันว่าเรื่องเงินสำหรับแคนมันจิ๊บ ๆ  เขาคงไม่เดือดร้อนเท่าไหร่หรอก …


    “ แต่วันนี้เจ๊คงต้องออกจากร้านก่อนเวลานะ แบบว่าเจ๊มีธุระล่ะ ส่วนตั๊ว ส่วนตัว ”
     
    เจ๊เดินวนเวียนไปมารอบตัวฉัน

    “ อืม … ”  

    ฉันบอก พยายามทำท่าไม่สนใจ

    “ เรื่องนี้เป็นความลับจริง ๆ น้า  อย่ามาถามเซ้าซี้ซะให้ยาก  เจ๊ไม่บอกหรอก ”  

    ถึงจะพูดอย่างงั้นแต่ท่าท่าทีเจ๊ภูมิใจอยากอวดเต็มที่ … ขัดกับคำพูดสุดฤทธิ์
     
    “ เฮ้อ … อยากจะเล่าก็เล่ามาเถอะ มี่ฟังอยู่  ”

    “ วันนี้น้องอ๊อฟจะมารับเจ๊ไปเที่ยวล่ะ !! ” เจ๊พูดสวนมาทันทีที่ฉันพูดจบ

    “ ว่าแล้ว … ” (-____-)


    ลองยัยเจ๊ระริกระรี้เป็นปลากระดี่ได้น้ำอีหรอบนี้ละก็  มีอยู่เรื่องเดียวเท่านั้นแหล่ะ …  

    ทั้งที่เมื่อกี๊บอกว่าเป็นความลับแท้ ๆ แต่ตอนนี้เจ๊แกพล่ามไม่หยุด  พรรณนาถึงความหล่อล่ำ  น่ารักน่ากิน  เคี้ยวกรุบ  สดกรอบ ( เจ๊พูดถึงคนหรือผักกาดแก้วอยู่เนี่ย ) ของน้องอ๊อฟ  หนุ่มน้อยสังกัดโมเดลลิ่งแห่งหนึ่ง  ที่เจ๊ซองจู เทียวรับเทียวส่งประเคนทรัพย์สินข้าวของให้ได้ระยะหนึ่งแล้ว

    วันนี้แหล่ะ  เป็นวันที่น้องอ๊อฟได้ฤกษ์โดน “ อ๊อฟ ” ซักที ( ฤกษ์นี้เจ๊แกตั้งเอง )


    เจ๊ขึ้นไปแต่งตัวอยู่เป็นนานสองนาน  กลับมาด้วยชุดสวยเก๋ไก๋นั่งหน้าชื่นบานที่เคาท์เตอร์ในร้าน  พวกฉันทำงานได้ซักพักก็ยินเสียงเพลงโอเปร่าดังโหยหวนที่คุ้นเคยดังมาจากมือถือของเจ๊แคนดี้

    “ สงสัย น้องอ๊อฟจะโทรมาแล้วละมั้ง ”  

    ฉันพูดลอย ๆ    กำลังนึกจินตนาการถึงหน้าหนุ่มน้อยคนใหม่ของเจ๊

    “ ใครเหรอ ”  ปลายไม้ถาม    

    “ คนที่เมื่อกี๊เจ๊เล่าให้ฟังไงพี่ไม้  ว่าเค้า … ”


    “ แอร๊~~~~  มันหลอกชั้น !  มันหลอกช้าน~น  !! ! ”


    .

    จากคุณ : อันปังแนน - [ 27 พ.ค. 49 13:59:23 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป