CafeTech-ExchangePantip MarketChatPantownBlogGangTorakhongGameRoom


    [เรื่องสั้นตอนเดียวจบ]พร้อบพะกันด้า


    นายประสาน กอบจิตหอบเอกสารหนาแปดสิบแผ่นกว่าไว้แนบอก สาวเท้าขึ้นบันไดกระทรวงอย่างรวดเร็ว เขายื่นมือสัมผัสที่บานจับไม่ถึงเสี้ยววินาทีก็ปล่อยมือ ให้ประตูเปิดออก กระทรวงยังวุ่นวายเหมือนเดิม ทั้งคนทั้งหุ่นยนต์เคลื่อนไหวไม่ยอมหยุด คะเนทิศทางและจุดหมายไม่ได้ รอไม่นานนักประสานก็ได้รับหุ่นผู้ช่วยหนึ่งตัว มันเข้ามาขอรับเอกสารไปถือ แล้วแหวกทางฝูงชนให้นายประสานเดินไปขึ้นลิฟต์แก้วได้

    ลิฟต์พานายประสานพร้อมหุ่นยนต์ขึ้นไปถึงชั้นบนสุด เลขานุการเป็นผู้หญิงสวยที่เขาเคยเจอหน้าด้วยหลายครั้งแล้ว เธอแตะหูฟังโทรศัพท์ให้กั้นเสียงแล้วยิ้มให้นายประสานอวยพรให้เขาโชคดี

    ประตูเปิดออก ปลัดกระทรวงวิทยาศาสตร์หันหลังให้เขาพร้อมเอกสารสีน้ำตาลที่จำได้ว่าเป็นรายงานความคืบหน้าต่อกระทวงเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว

    ท่านปลัดกระทรวงผายมือให้นั่ง หุ่นผู้ช่วยวางเอกสารของเขาไว้ที่โต๊ะเตี้ยข้างๆ แล้วมันก็ถอยหลังออกไป


    “ผมอ่านผลประมวลล่าสุดของคุณแล้ว” นายประสานนั่งนิ่งสบสายตาอันแน่วแน่ของท่านปลัด “คุณประสาน คุณรู้ดีว่าชาติเราไม่เคยปิดบังเรื่องประวัติศาสตร์ เพราะถือว่าความผิดพลาดใดๆต่างเป็นบทเรียน แต่ถ้าปล่อยเรื่องนี้ออกไปต่อสาธารณชนแล้วเรื่องมันจะไม่จบดีนะครับ”

    “ผมมั่นใจ ทีมสำรวจของผมก็มั่นใจ ตัวอย่างจากแหล่งขุดค้นที่บางกอกนำไปสู่ข้อสรุปเพียงข้อเดียว ผมไม่มีทางบิดเบือนข้อสรุปของผมและทีมของผมแน่นอน”

    “ไม่จบดีนี่หมายถึงคุณอาจจะตายก็ได้นะ”

    “ผมเข้าใจดี แต่หลักฐานย่อมเป็นหลักฐาน ไม่อาจบิดเบือนเป็นอย่างอื่นได้ เราอาจจะอ้างว่าพยานโกหก แต่หลักฐานย่อมเป็นหลักฐาน”

    “คุณประสาน ชาติของเราเป็นชาติที่ยิ่งใหญ่ ย้อนรอยไปได้ถึงสมัยมนุษย์ยังอยู่เป็นเผ่า เราเรียกผู้ปกครองของเราว่าบิดา เราเริ่มปั้นเครื่องดินเผา แล้วสร้างชาติด้วยที่ดินอันสมบูรณ์ ผู้คนของเราพูดภาษาที่มีความศักดิ์สิทธ์และเก่าแก่ เรารักชาติของเรายิ่งชีพ ผลการวิเคราะห์ของคุณจะทำให้ผู้คนแตกตื่น คุณกำลังจะดึงเอาส่วนหนึ่งของชีวิตพวกเราไป”

    นัยน์ตาของท่านคลอด้วยหยาดเล็กๆ ประสานเริ่มพูดตะกุกตะกัก ปล่อยคำขอโทษออกมาอย่างไม่แน่ใจ

    "ขอโทษครับ ผมไม่สามารถปล่อยให้ผู้คนเพียงหยิบมือหนึ่งขัดขวางความจริงทางวิทยาศาสตร์ได้ครับ"

    ท่านถอนหายใจ "ผมไม่มีสิทธ์อะไรที่จะห้ามเรื่องนี้ แต่ผมมีสิทธ์ในฐานะมนุษย์คนหนึ่งขอเตือนคุณว่าคุณอย่าตีพิมพ์เรื่องนี้ดีกว่า โยนมันทิ้งหลุมไปเสีย แล้วอย่าคิดถึงมันอีก"



    นายประสานนึกถึงใบหน้าของทีมงานทั้งสามสิบหกชีวิต ตลอดเวลาสองปีที่ทำงานด้วยกันมา ตั้งแต่วันแรกที่ตกลงพร้อมใจจะทำงานนี้เพื่อค้นหาความเป็นมาของชาติ จนกระทั่งเขารู้จักครอบครัวของทุกคนเป็นอย่างดี เขานึกถึงตอนที่ลุยโคลนในชุดป้องกันรังสี ตอนที่เครื่องขุดเจาะร่างของเพื่อนร่วมงานไปสองคน เขานึกถึงตอนที่ติดค้างอยู่ในโบราณสถานนั้นแล้วทีมงานลุยซากคอนกรีตเข้ามาช่วย เขานึกถึงใบหน้าเมื่อเขาประกาศให้ทุกคนทราบว่าสิ่งที่พวกตนค้นพบคืออะไร ใบหน้าช่างหลายหลากด้วยอารมณ์







    อารมณ์ดีใจและตกใจพร้อมความกลัว





    เขาตีพิมพ์ผลการสำรวจ โดยมีกระทรวงวิทยาศาสตร์รับรองเช่นผลการสำรวจทั่วๆไป อิสระทางปัญญาและความคิดย่อมมาก่อนผลประโยชน์ส่วนตัว กระทรวงออกมากล่าวทีหลัง

    ชาติที่อ่านหนังสือปีละหกสิบเล่มและไม่เคยตกเป็นทาสของชาติใด สองวันหลังจากผลการสำรวจเผยแพร่ออกไป ชาติเดียวกันนั้นตกใจและงงงวย คนที่ได้อ่านต่างรู้สึกเหมือนโดนค้อนทุบ ผลการสำรวจนั้นตรงไปตรงมาอย่างน่าตกใจพร้อมทั้งเข้าใจได้ง่ายแต่ตรงกันข้ามกับทุกสิ่งที่เคยเชื่อ

    "นี่มันไม่ใช่นิสัยของเรา" ศาสตราจารย์ด้านมนุษยศาสตร์ท่านหนึ่งกล่าวหลังอ่านผลการสำรวจ "หากกลับด้านกันผมจะเชื่ออย่างสนิทใจ แต่นิสัยคัดลอกและเลียนแบบไม่ใช่นิสัยของชาติเราเลย"

    ตามาด้วยกระแสหนึ่งเริ่มด้วยศาสตราจารย์อีกท่านจากคณะวิทยาศาสตร์มหาวิทยาลัยดัง โจมตีผลการสำรวจ

    "ผลการสำรวจเป็นของเก๊และเราได้มาถึงจุดสิ้นสุดของกระทรวงวิทยาศาสตร์แล้ว"



    จากชาติที่ไม่เคยโกรธเคืองสิ่งใดง่ายๆก็ลุกฮือขึ้น ผู้คนรุมล้อมบ้านพักของนายประสานหลายหมื่นคน ด่าทอด้วยคำโบราณที่ค้นมา หมายให้ผลโดยตรงกับนักโบราณคดี ไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้นนอกจากคำผรุสวาทอยู่สองอาทิตย์ จึงมีคนเริ่มปาสิ่งของเข้าไปในบ้าน ตามด้วยการจับนายประสานออกมาให้กล่าวขอโทษ

    นายประสานไม่อาจทำเช่นนั้นได้ ฝูงชนจึงเตะและกระทืบถึงแก่ชีวิต แบบที่คนสมัยโบราณเรียกรุมประชาทัณฑ์


    ก่อนนั้นนายประสานได้นำตัวอย่างของสิ่งที่ค้นพบฝากไว้กับผู้ช่วย ส่วนหนึ่งของมีรายการดังนี้


    หนังสือภาพ

    นิยาย

    เครื่องแต่งกาย

    วีดีทัศน์บนจอภาพ

    เครื่องประทินโฉม

    เครื่องหน้าของสาวรุ่น

    พาหนะ

    อุปกรณ์สื่อสาร

    อาหาร

    เครื่องกลและสมองกล

    สื่อสารนิเทศน์



    จากหนังสือ ”ผลการสำรวจจากบางกอก” โดยประสาน กอบจิตและคณะ หน้าที่๘๐ ย่อหน้าสุดท้าย นายประสานกล่าวว่า

    " จากหลักฐานทั้งหลาย สรุปได้ว่าในบริเวณภูมิภาคนี้ไม่เคยมีกลุ่มชนชื่อไธยมาตั้งแต่ปีสองพันห้าร้อยห้าสิบ แต่เป็นชนชาวจาปัน หรือ ยีปุน คำที่ออกเสียงว่าไทนั้นอุปโลกน์ขึ้นมาตามเรื่องเพ้อฝัน ไม่เคยมีอยู่จริง ต่อไปถูกนำไปใช้จนแพร่หลาย ซึ่งจำเป็นต้องศึกษากันต่อไป”


    -----------------------------------------------------------------------------------







































    ขอบคุณที่เข้ามาอ่านค่ะ
    อยากให้คิดว่า คุณประสานก็คนๆหนึ่งเหมือนกัน
    อยากพูดมากกว่านี้แต่ไม่ดีแล้ว

    แก้ไขเมื่อ 28 พ.ค. 49 08:27:54

    จากคุณ : Xenophobia - [ 28 พ.ค. 49 08:20:20 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป