สวัสดีครับท่านผู้อ่านที่น่ารั๊ก...ก...ก...
>>>>>>>>>>.. k. ก๊อตซิลล่า : คิดว่าคงไม่รู้สึกผิดหวังในตัวนายปราบศึกซะจนเกลียดเขานะครับ
..........................
>>>>>>> K.มด : โทษทีครับคราวก่อนลืมตอบข้อสงสัย...เรื่องปากกาเจ้าปัญหานั่นนะหรือครับ...
เอางี้...ถ้าคุณมดมีปากกาด้ามโลหะอยู่ในมือสักด้ามตอนนี้...ลองหมุนเกลียวดูนะครับจะพบว่ามันเป็นเกลียวลดหลั่นเหมือนขั้นบันได้ แล้วถัดไปนิดนึงก็จะมีพื้นที่สีเงินว่าง ๆ นิดหน่อย...ถ้าไม่มีแล้วจริง ๆ ก็ให้จินตนาการว่ามีก็แล้วกัน แฮะ ๆ ...
..........................
>>>.. K.พีทคุง : มาถึงตอนนี้แล้วตัวละครแต่ละตัวกำลังจะแสดงตัวตนที่แท้จริงออกมาแล้วล่ะครับ
..............................................
ความเดิมตอนที่แล้ว
http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W4404404/W4404404.html
....................................................................
ตอนที่ ๑๐ ไม่เข้าใจ
ทันทีที่รถของปราบศึกแล่นผ่านแนวป่าเขาสู่เขตเมือง เสียงเรียกเข้าจากโทรศัพท์มือถือของรักเดียวก็ร้องขึ้นกระชากเธอหลุดออกจากอาการเหมื่อลอยให้กลับมามีสติอีกครั้ง
สวัสดีค่ะบ.ก. รักเดียวรีบขานรับน้ำเสียงอ่อนหวาน ขณะที่ปลายสายนั้นเสียงเข้มดุราวกับมีเรื่องร้ายแรงอะไร
คุณเดินทางถึงไหนแล้ว รีบกลับเข้าออฟฟิศด่วนเลยนะ ผมมีเรื่องสำคัญจะคุยด้วย เสียงนั้นดังจนลอดออกมาให้ชายหนุ่มข้าง ๆ เธอได้ยิน เขานึกแปลกใจว่าคุณลุงธีระมีเรื่องอะไรสำคัญถึงต้องรีบเจอตัวรักเดียวให้ได้ทั้ง ๆ ที่เธอเพิ่งไปทำงานกลับมา ไม่คิดจะให้เธอได้พักผ่อนให้หายเหนื่อยบ้างเลยหรือ
รักเดียวรับคำธีระอย่างว่าง่าย เธอแอบกังวลนิด ๆ ว่าเรื่องอะไรกันนะที่สำคัญมากถึงขนาดจะต้องเรียกพบด่วน...จะเป็นเรื่องร้ายแรงอะไรหรือเปล่า...สีหน้าเธอดูแย่ลงฉับพลัน ปราบศึกจึงเริ่มต้นบทสนทนาที่คิดว่าจะช่วยเธอให้ดีขึ้น
มีปัญหาเรื่องงานเหรอครับ
ก็นิดหน่อยค่ะ
บังเอิญว่าเสียงคุณลุงธีระดังไปหน่อยผมก็เลยได้ยิน...ผมว่าคงไม่มีอะไรมากหรอก นิสัยท่านก็ขี้โวยวายไปอย่างนั้นเอง บางเรื่องเล็กนิดเดียวก็จะพูดซะใหญ่โต...คุณอย่าคิดมากนะครับ คำพูดของเขาช่วยได้มากทีเดียว เขาโล่งใจที่เห็นสีหน้าเธอดีขึ้นและแย้มยิ้มจนเห็นรอยบุ๋มเล็ก ๆ ที่มุมแก้ม
ขอบคุณนะคะที่ช่วยปลอบใจ ความจริงฉันโดนบ.ก.ตำหนิอยู่บ่อย ๆ จนชินซะแล้วล่ะ
นิสัยคุณลุงก็แบบนี้ล่ะครับ ชอบตำหนิติเตียนคนอื่นไปทั่ว แต่ใจจริงแล้วท่านไม่มีอะไรหรอก ที่ตำหนิก็คงเพราะเป็นห่วงอยากให้ทำงานออกมาดี
เวลาเกือบสองชั่วโมงกว่าที่รถจะผ่านถนนหลายสายและแยกไฟแดงมากมายมาถึงสำนักงานวารสารการท่องเที่ยว รักเดียวลงรถก็รีบเข้าไปหาหัวหน้าทันที ปราบศึกไม่ได้ขนสัมภาระของเธอลงจากรถของเขาเพราะตั้งใจจะรอรับเธอและขออาสาไปส่งที่บ้าน
ทันทีที่ธีระเห็นหน้าเธอเขาก็ดีใจแต่ยังแกล้งตีหน้าเข้ม เชิญเธอนั่งแล้วหันหน้าจอคอมพิวเตอร์LCDให้ดูโฮมเพจที่เปิดอยู่
นี่ฝีมือคุณใช่ไหม เขาซึ่งยืนในในองศาที่เหนือกว่าเธอกำลังชี้นิ้วมาที่บทกลอนซึ่งลงชื่อคนเขียนว่า รักเดียว รัตนขจี บนโฮมเพจสีชมพูอ่อน รักเดียวยิ้มแหย ๆ อย่างกลัวความผิดเพราะทั้งชื่อและนามสกุลก็บ่งบอกว่าเป็นเธออย่างไม่มีทางปฏิเสธ
ค่ะ...รักเขียนเอง เธออ้อมแอ้มตอบ
ทำไมคุณไม่บอกว่าเขียนกลอนหวาน ๆ แบบนี้ได้ ฮึ...คุณรู้ไหมว่าคณะกรรมการบริหารกำลังประชุมจะทำนิตยสารตัวใหม่ที่นำเสนอเกี่ยวกับธรรมชาติและความรัก...แล้วคุณรู้ไหมว่าเรากำลังต้องการนักเขียนประจำคอลัมน์กลอนที่สอดคล้องกับธรรมชาติและความรัก...แบบที่คุณเขียนนี่แหละ
รักเดียวหน้าซีดเกือบจะหยุดหายใจไปชั่วขณะ งานเขียนที่ดูไร้สาระที่เธอโพสต์เข้าไปในเว็บไซต์วัยรุ่นชื่อดังกลับเข้าตาหัวหน้าได้อย่างไม่น่าเชื่อ เธอไม่ทันได้อ้าปากตอบคำถามยืดยาวเหล่านั้น หัวหน้าจอมดุก็ตวาดใส่หน้ากลับมาอีก
คุณรู้ไหมว่าผมต้องเสียเวลามากแค่ไหนกว่าจะเจองานเขียนพวกนี้ของคุณ...ผมต้องให้พวกเจ้าหน้าที่ช่วยกันค้นหานักเขียนกลอนดี ๆ ในเว็บวัยรุ่นยอดนิยมตั้งเยอะแยะ เสียเวลามาเป็นเดือน ๆ ทำไมคุณไม่บอกผมสักคำว่าคุณมีความสามารถในการเขียนกลอน ฮึ... รักเดียวหัวเราะหึ ๆ ในลำคอ นึกถามตัวเองว่า...นี่เธอควรจะดีใจ เสียใจ หรือสำนึกผิด หรืออะไรดี เธอทำตัวไม่ถูกเลย
เอ่อ... ไม่ทันที่เธอจะได้เอื้อนเอ่ยอะไร ธีระก็นั่งลง ถอนใจยาวด้วยความเหนื่อยหลังจากระบายอารมณ์ใส่ลูกน้องสาวจนเธอหน้าเหวอไปชั่วขณะ
ไม่ต้องพูดอะไรอีกแล้วล่ะ เตรียมตัวรับตำแหน่งใหม่ได้เลยคุณรักเดียว เขาบอกทั้ง ๆ ที่รักเดียวยังไม่ได้เอ่ยอะไรสักคำ
ผมจะให้คุณเป็นคอลัมนิสต์ประจำนิตยสารใหม่ของบริษัทเรา...โอเค้ พูดจบธีระก็ยักคิ้วให้ยิ้ม ๆ ก่อนจะกอดอกเอนหลังพิงพนักอย่างสบายใจ
คุณกลับไปได้แล้วล่ะ กลับไปพักผ่อนให้หายเหนื่อย รีบเขียนสกู๊ปชาวเขาให้เสร็จแล้วค่อยมาเริ่มงานใหม่กัน ธีระคลี่ยิ้มละมุน รักเดียวพยักหน้ารับด้วยหัวใจที่เบิกบาน
เธอเดินกลับออกมาจากห้องทำงานของธีระพบว่าสายตาของพี่ ๆ ในบริษัทหลายคนกำลังมองมาอย่างชื่นชมและยินดีด้วย
ดีใจด้วยนะจ๊ะน้องรัก สาวใหญ่มาดทอมร่างบึกบึนเข้ามากอดคอเธอเพื่อแสดงความยินดี
ขอบคุณค่ะ เธอกอดและหอมแก้มฝ่ายนั้นฟอดใหญ่ก่อนจะวิ่งกลับไปที่รถซึ่งมีปราบศึกนั่งรออยู่
ฉันได้เป็นนักเขียนตัวจริงแล้วค่ะ...ฉันจะมีคอลัมน์เป็นของตัวเองด้วย เธอพูดพร้อม ๆ กับดึงมือเขามาเขย่าแรง ๆ อย่างตื่นเต้นดีใจ
ผมดีใจด้วยครับ...งั้นผมขอฉลองความสำเร็จให้คุณด้วยมื้อเที่ยงวันนี้ก็แล้วกันนะ เขาเสนอ
ไม่ได้สิ...ฉันต่างหากต้องเป็นฝ่ายเลี้ยงคุณ ตอบแทนที่คุณช่วยเป็นกำลังใจให้ไงล่ะคะ อีกอย่างฉันจะพาคุณไปร้านประจำที่แม้แต่ยายพลอยก็ชมว่าอาหารอร่อยและติดงอมแงมจนต้องชวนไปบ่อย ๆ เลยล่ะ เธอสรุป
ร้านที่รักเดียวบอกเป็นอาหารไทยเล็ก ๆ ริมแม่น้ำปิงซึ่งเธอกับพลอยสีมาทานอยู่บ่อย ๆ ทั้งสองคนพากันไปนั่งตรงโต๊ะริมแม่น้ำที่ค่อนข้างปลีกตัวจากโต๊ะอื่นเป็นพิเศษ
ในระหว่างรออาหารรักเดียวชวนคุยเรื่องสัพเพเหระและถือโอกาสถามเรื่องความรักของเขากับพลอยสี จนได้รู้ว่าความจริงแล้วเขาอยากบอกรักและขอพลอยสีแต่งงาน แต่ยังไม่กล้าและไม่รู้จะเริ่มต้นพูดอย่างไร
............................................................................................................................
สายตาของพรานรบเฝ้ามองชายหญิงคู่หนึ่งอยู่นานแล้ว ตั้งแต่ที่ทั้งคู่เดินเคียงกันเข้ามาในร้านและพากันไปนั่งที่โต๊ะริมน้ำ...นั่นปราบศึกน้องชายของเขานี่นา ส่วนผู้หญิงผมยาวมาดคุณหนูไฮโซคนนั้นก็ไม่ใช่คุณพลอยซะหน่อย...เขาพึมพำกับตัวเองอย่างใช้ความคิด
นึกอยากเดินเข้าไปหาปราบศึกแล้วถามตรง ๆ ว่ามากับใคร แต่อย่าดีกว่าเผื่อว่าบางทีผู้หญิงคนนั้นอาจเป็นเพื่อนที่ทำงานหรือลูกค้าของบริษัททัวร์ก็ได้
เหตุการณ์ที่เขาเฝ้ามองอยู่นั้นยังดำเนินต่อไป คนทั้งสองพูดคุยกันอย่างสนิทสนม แต่ภาพต่อมาที่ทำให้เขาแน่ใจว่าผู้หญิงคนนั้นไม่ใช่แค่เพื่อนร่วมงานหรือลูกค้าของปราบศึกแน่ ๆ ก็เพราะปราบศึกจับมือเธอไว้และพูดอะไรสักอย่างที่น่าจะหวานเสียจนฝ่ายหญิงถึงกับหน้าแดงและนัยน์ตาชวนฝันทีเดียว
ผู้หญิงอะไรทำตัวน่าเกลียดชะมัด คนเค้ามีแฟนอยู่แล้วไม่รู้รึไงนะ เขาบ่นกระฟัดกระเฟียดกับตัวเองอย่างขุ่นเคือง
ไอ้น้องจอมกะล่อน ปากก็บอกว่าจะขอคุณพลอยแต่งงาน เราหรืออุตส่าห์หลีกทางให้แล้วดันแอบมาคั่วสาวไฮโซอยู่นี่ เขาฮึดฮัดต่อยกำปั้นลงบนฝ่ามือตัวเองอย่างเหลืออด ก่อนจะเรียกเก็บเงินแล้วรีบออกจากร้านไปอย่างรวดเร็ว
จุดหมายแรกที่พรานรบมุ่งมั่นจะไปในตอนนี้ก็คือโรงเรียนที่พลอยสีสอนอยู่ เขาจะบอกเรื่องนี้กับเธอ เพื่อที่เธอจะได้เลิกเชื่อมั่นในตัวน้องชายสุดแสบของเขาสักที
รถจี๊ปคันเก่าบุโรทั่งของพรานรบจอดสนิทที่หน้าโรงเรียนในเวลาเที่ยงเศษ เขาแลกบัตรกับพนักงานรักษาความปลอดภัยเรียบร้อยแล้วก็เดินเข้าไปตามหาพลอยสีด้วยหัวใจที่พองโต
ภาพแรกที่ปรากฏแก่สายตาเขาในตอนนี้คือพลอยสีกำลังเล่นอยู่กับเด็ก ๆ ที่ลานหญ้าหน้าโรงอาหารอย่างสนุกสนาน เขาไม่ควรทำให้หัวใจบอบบางของเธอต้องเจ็บปวด บางทีเขาน่าจะหาวิธีจัดการกับปราบศึกและผู้หญิงคนนั้นเอง
รบ...พลอยอยู่นี่ค่ะ พลอยสีโบกไม้โบกมือเรียก เขาก้าวยาว ๆ ถึงเธอในพริบตา
กลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่คะ...แล้วจะอยู่ที่นี่นานไหม...จะต้องกลับไปอีกเมื่อไหร่คะ...แล้วตอนนี้พักอยู่ที่ไหน อยู่ที่บ้านหรือเปล่า พลอยสีป้อนคำถามใส่เขาไม่ยั้งด้วยความดีใจที่ได้เจอ
แหม...เล่นถามผมซะเยอะแยะแบบนี้ ผมจะเริ่มต้นตอบคำถามไหนก่อนดีล่ะ ฮึ เขายิ้มหวานจนแววตาอ่อนโยนนั้นสามารถแทรกผ่านหนวดเคราเฟิ้มรุงรังไปถึงเธอ
เอาเป็นว่าพลอยอนุโลมให้คุณพักเหนื่อยก่อนแล้วค่อยทยอยตอบทีละคำถามก็ได้ค่ะ ว่าแล้วเธอก็เชื้อเชิญเขาไปนั่งหาอะไรทานกันที่โรงอาหาร
พลอยยังไม่ได้ทานข้าวเที่ยงเลยมัวแต่เล่นกับพวกเด็ก ๆ แล้วรบล่ะคะทานอะไรมาหรือยัง ทั้ง ๆ ที่พรานรบเพิ่งจะทานกลางวันอิ่มมาเมื่อกี้นี้เอง แต่เขาก็ยังตอบเธอไปได้เต็มปากเต็มคำว่า
ยังเลยครับ หิวใจจะขาดอยู่แล้ว...ฟังสิ ท้องร้องใหญ่แล้วเนี่ย เขาแกล้งลูบท้องให้อีกฝ่ายแน่ใจว่าหิวจริง ๆ เธอจึงรีบจัดแจงสั่งอาหารมาจนเต็มโต๊ะ
ไม่ได้เจอคุณเสียตั้งนาน ดูคุณมอมแมมขึ้นเยอะเลยนะคะ เธอบอกขำ ๆ หยิบแก้วน้ำขึ้นดื่มก่อนจะเห็นอีกฝ่ายอมยิ้ม
โธ่...เป็นเจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่าก็ต้องทำตัวให้กลมกลืนกับป่าหน่อยสิครับ เขากล้อมแกล้มตอบไปแบบขำ ๆ
ต้องทำตัวให้กลมกลืนกับป่าถึงขนาดไว้หนวดเครารกรุงรังแบบนี้เชียวเหรอคะ แหม...ถ้ามียุงสักตัวเผลอบินมาเกาะแก้มคุณมีหวังต้องหลงทางบินกลับออกมาไม่ได้แน่ ๆ เธอพูดพลางหัวเราะและเขาเองก็อดหัวเราะไปด้วยไม่ได้
การได้นั่งอยู่ใกล้ ๆ พลอยสีอย่างนี้ ได้เห็นเธอหัวเราะร่าเริงได้ยินน้ำเสียงสดใสของเธอ ทำให้เขารู้สึกอิ่มเอมใจจนบอกไม่ถูก
แก้ไขเมื่อ 28 พ.ค. 49 10:57:16
จากคุณ :
บุตรของเดือนและดาว
- [
28 พ.ค. 49 10:33:02
]