วันที่ฉันเดินทวนเข็ม
...คนดี
ประกาศขาย นาฬิกาโบราณ ตัวเลข โรมัน ข้างบนเป็นรูปม้า และตุ๊กตาโรมัน สนใจพร้อมดูสินค้าอื่นๆได้ที่WWW.XXXXXXXXXXXXXX
เป็นข้อความโฆษณาจากเว็บไซต์ขายของเก่าที่โผล่มาทักทายบนหน้าจอคอมพิวเตอร์ระหว่างทำงาน คุณเคยเห็นนาฬิกาโบราณไหมคะ เป็นนาฬิกาไขลาน ตีบอกเวลาทุกชั่วโมง ตอนเด็กเคยเรียกมันว่า นาฬิกาที่น่ารำคาญที่สุดในโลก ไม่แน่ใจในอายุที่แน่นอนของมันนัก เอาเป็นว่า ตั้งแต่เกิดมาประสาทการได้ยิน ก็สัมผัสกับเสียงแก๊ง แก๊งของมันแล้วล่ะค่ะ คาดคะเนจากสายตาแล้ว น่าจะไม่ต่ำกว่าสี่สิบปี เป็นนาฬิกาไม้ใกล้ฝั่งที่แข็งแรงพอดู นาฬิกาอะไรก็ไม่รู้ ไม่รู้จักเหน็ดจักเหนื่อย สามทุ่ม ก็จะ แก๊ง แก๊ง แก๊ง แก๊ง แก๊ง แก๊ง แก๊ง แก๊ง แก๊ง ไม่แก๊งธรรมดานะคะ เป็นแก๊งที่ก้องกังวาน ได้ยินทั้งบ้าน นอกจากความรู้สึกที่หลอนแล้ว ที่สำคัญ มันน่ารำคาญมาก เคยถามย่าว่าทำไมไม่ทำให้นาฬิกามันหยุดตี มันดังเกินไป หลับไม่เคยสนิท เพราะเล่นดังทุกชั่วโมง คำตอบของคำถามนี้ วันนี้ยังตรึงในความรู้สึก
ถ้ามันไม่ดัง ก็แสดงว่ามันตาย ดีแล้วที่มันดัง เพราะมันยังบอกได้ว่ายังมีคนอยู่เพื่อที่จะไขลาน
ถ้าฟังตอนนี้ คงจะคิดแซวย่าแน่ว่า แหม คมเชียวนะย่าฉัน แต่ด้วยภาวะอ่อนด้อยภาวะทางปัญญาในตอนนั้น ทำได้แค่เพียง พยักหน้า แล้วเดินออกไปด้วยสีหน้างงๆ ด้วยเหตุนี้จำต้องเติบโตมากับเสียงแก๊ง แก๊ง จนถึงชั้นมัธยม ในครอบครัวนอกจากปู่กับย่าแล้ว ก็ไม่มีใครสามารถที่จะไขลานนาฬิกาได้ เหตุผล อาจจะเป็นเพราะปู่กับย่ามีเทคนิคส่วนตัว หรืออาจจะเป็นเพราะไม่มีใครใส่ใจที่อยากจะต่อทางเดินของเวลากันแน่ ประเด็นนี้ เคยลองคิดเล่นๆ ฉันเดาเป็นเหตุผลหลังค่ะ ...
เสียงแก๊ง แก๊ง หายจากชีวิตฉันไปพักใหญ่ การใช้ชีวิตในช่วงมหาวิทยาลัย ทำให้ฉันห่างเหินกับครอบครัวพอสมควร การได้เจอกับโลกใหม่ๆผู้คนใหม่ๆ ทำให้ฉันลืมความอบอุ่นจากอ้อมกอดของย่าไปได้อย่างสนิทใจ ลืมไปว่าอ้อมกอดนั้นเป็นอ้อมกอดที่ฟูมฟักร่างกายและจิตใจฉันมาตั้งแต่เกิด เป็นอ้อมกอดที่แทนอ้อมกอดของผู้ที่ให้กำเนิดได้อุ่น โดยที่ฉันไม่ต้องเรียกร้องหรือโหยหามันเพิ่มเติม
จนเมื่อกลางเดือนตุลาคม 2546 มีโทรศัพท์จากย่า บอกว่า ให้กลับมาเยี่ยมปู่ด้วย ท่านไม่สบายพักอยู่ที่โรงพยาบาลได้สักสัปดาห์แล้ว การกลับบ้านครั้งนั้น เสียงแก๊ง แก๊ง ของเจ้านาฬิกาโบราณเรือนเดิม แต่เสียงกังวานแบบเดิมดูว่าจะลดความอหังการ์ไป ฟังแล้วอ่อนแรงเหมือนจะสื่ออะไรบางอย่าง โดยปรกติแล้วปู่เป็นคนที่ดุ เข้มงวดกับลูกและหลานทุกคน ดังนั้นในสายตาของทุกคน ภาพพจน์อันน่าเกรงขามที่ฉาบปู่ไว้ จึงเป็นอะไรที่ลบเลือนยากจริงๆ แต่ภาพที่ปรากฏต่อหน้าฉันวันนั้น สายตาปู่เลื่อนลอย ร่างกายไร้การตอบสนอง แม้ว่าย่าจะส่งต่อความรักผ่านมือที่เกาะกุมปู่ไว้มากมายขนาดไหน แต่ดูเหมือนความพยายามจะไร้ผล ไม่มีใครสังเกตว่าน้ำใสๆเริ่มเอ่อเมื่อไหร่ แต่มาพรั่งพรูเอาตอนที่ขอร้องให้พยาบาลหยุดความพยายามในการปั๊มหัวใจ เพราะปั๊มหัวใจแต่ละครั้ง บุรุษพยาบาลต้องขึ้นไปบนตัวปู่ ย่าบอกว่าไม่อยากเห็นปู่เจ็บอีกแล้ว ...
หลังจากงานศพเสร็จสิ้น วิถีทางการดำเนินชีวิตของแต่ละคนก็กลับมาเหมือนเดิม นอกเหนือจากความเสียใจในการสูญเสียคู่ชีวิต ฉันก็ไม่แน่ใจว่าย่าจะรู้สึกเช่นไรอีก ที่ทำได้ดีที่สุด คือ หากมีเวลาว่างแทนที่จะใช้ชีวิตที่มหาวิทยาลัย ฉันก็จะเบนเส้นทางเพื่อกลับไปเยี่ยมย่าทันที ทุกครั้งที่กลับบ้าน ย่ามักจะพูดว่า อีกไม่นานฉันก็จะจบและรับปริญญาแล้ว ปู่น่าจะรออีกนิด ไม่น่าไปก่อนย่าเลย ย่าพูดด้วยน้ำเสียงปกติ แต่เส้นเสียงและแววตา ทำให้ฉันเศร้าสุดกำลัง และในช่วงนั้นมีสิ่งหนึ่งที่รู้สึกได้ คือ เสียงแก๊ง แก๊งที่คุ้นเคย เริ่มอ่อนลง
คิดว่าด้วยความชราของนาฬิกาโบราณหรือเปล่า ถึงทำให้ความสม่ำเสมอ ความขยันในการตีบอกเวลาของมันเปลี่ยน ไม่อยากจะนึกว่าเป็นเพราะใจคนไขลานต่างหากที่หมดแรงไป
อาจจะเพราะความเศร้าในใจไม่ตกค้างอยู่นาน หรืออาจเพราะด้วยภาระงานที่มากขึ้น เนื่องด้วยเป็นปีสุดท้ายในรั้วมหาวิทยาลัย ทำให้ความตั้งใจว่าจะกลับไปเยี่ยมย่าทุกครั้งที่มีโอกาสก็หายไป ต้นเดือนกรกฎาคม 2547 ฉันป่วยหนักมากต้องหยุดเรียนเพื่อพักรักษาตัว ย่าดูแลฉันเป็นอย่างดี ทั้งๆที่ตอนนั้นสภาพร่างกายก็คงไม่ต่างจากฉันสักเท่าไหร่เลย นิสัยเสียอย่างหนึ่งติดตัวฉันมา อยากจะเลิก แต่ก็เลิกไม่ได้ นั่นคือ อารมณ์น้อยใจที่เกิดขึ้นบ่อยจนน่ารำคาญ มีอยู่วันนึง ฉันกับย่าคุยกันเรื่องพ่อ ย่าบอกว่าทำไมฉันถึงไม่พูดกับพ่อดีดีบ้าง ไม่ว่าพ่อจะพูดยังไง จะว่ายังไง แต่ถ้าเราเป็นลูก เราก็ต้องเป็นฝ่ายยอม ตอนนั้นจำได้ว่าฉันร้องไห้อยู่นาน อารมณ์มันน้อยใจที่ว่าเราเจ็บกับคำพูดของคนที่เป็นพ่อมาแล้ว แต่ทำไมย่าถึงไม่เข้าใจเราอีก งี่เง่านะคะ แต่ตอนนั้นคิดแบบนั้นจริงๆ น้อยใจไม่พูดกับย่าเป็นเดือน จนเมื่อหายดี และจะกลับไปมหาวิทยาลัย รู้ไหมคะว่าฉันเลือกที่จะกลับมหาวิทยาลัยวันไหน วันที่ 12 สิงหาคม ค่ะ วันแม่ ไม่มีดอกมะลิ ไม่มีการกราบเท้าเพื่อซาบซึ้งในพระคุณอันล้นเหลือ การกระทำที่น่ารังเกียจที่แสดงออกในวันนั้นคือ ไม่แม้จะสบตาและบอกลาย่าว่าจะกลับไปเรียนแล้วนะ ภาพสุดท้ายในวันนั้น คือ เดินสวนทางกัน แต่ไร้การพูดคุย เรื่องนี้ฉันเล่าให้เพื่อนสนิทฟัง แต่ละคนพูดเหมือนกันว่า รีบไปขอโทษซะ ย่าน่ะเค้าเสียใจมามากพอแล้ว ไอ้เราก็ได้แต่บ่ายเบี่ยงบอกว่า เออ เดี๋ยวก่อน...
เคยอ่านฟอร์เวิดเมล์ไหมคะ ที่เนื้อหาบอกเล่าถึง ให้รีบบอกความรู้สึกของเราต่อใครสักคนก่อนที่จะสายเกินไป อ่านผ่านๆแถมนึกเยาะว่าไร้สาระ แต่คนดีคะ เช้าตรู่วันที่ 13 สิงหาคม โทรศัพท์สายแรกของวัน บอกฉันว่า ทำใจดีดี ย่าไปแล้ว ...
ทุกอย่างผ่านไปรวดเร็ว ไม่มีคำร่ำลา ไม่มีคำขอโทษ ไม่รู้ว่าตัวเองเสียน้ำตาไปเท่าใด ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าโลกหมุนไปกี่รอบตัวเอง มันมากกว่าเสียใจ ความสำนึกผิดมารุมเร้าฉันจนแทบไม่อยากจะยืนเพื่อรอความเสียใจอีกต่อไป
กราบเท้าย่าในพิธีรดน้ำศพ เป็นสิ่งที่ฉันการกระทำที่แสดงออกเพื่อให้เห็นถึงความรู้สึกทั้งหมด แต่สิ่งที่อยู่ภายในไม่แสดงออก ย่าคงจะรู้ได้ ว่าฉันเสีย และรอการให้อภัยจากย่าเสมอ
หลังจากงานศพเสร็จสิ้น วิถีทางการดำเนินชีวิตของแต่ละคนก็กลับมาเหมือนเดิมอีกครั้งก่อนกลับไปมหาวิทยาลัย ฉันแวะกลับไปเก็บของที่บ้าน ชุดที่ย่าตัดไว้ แล้วบอกว่านี่ชุดแหละจะใส่ไปงานรับปริญญาที่อยู่ในตู้ ยังรอเจ้าของมาสวมใส่ ฉันลูบไปบนเนื้อผ้า นึกถึงว่าในวันนั้นที่น่ายินดีอย่างนั้น ผู้สวมคงสวยและสง่าที่สุดแน่ๆ เข็มนาฬิกาเลื่อนไปเป็นสัญญาณว่าครบชั่วโมงแล้ว ความเงียบเข้ามาครอบคลุม เสียงแก๊ง แก๊ง หายไป มันคงจะไว้อาลัยให้กับผู้ที่ต่อชีวิตของมัน และตั้งแต่วันนั้น ก็ไม่มีใครได้ยินเสียงมันอีกเลย
ประกาศขาย นาฬิกาโบราณ ตัวเลขโรมัน ข้างบนเป็นรูปม้า และตุ๊กตาโรมัน สนใจพร้อมดูสินค้าอื่นๆได้ที่ WWW.XXXXXXXXXXXXXX
ข้อความดังกล่าว ทำให้ฉันซึ่งไม่ติดต่อกับครอบครัวมาเป็นเวลานาน ต้องกดโทรศัพท์ไปพูดคุย เจตนาไม่ใช่ถามสารทุกข์สุกดิบ แต่เจาะจงถามไปว่า ตอนนี้นาฬิกาโบราณที่น่ารำคาญที่สุดในโลกเรือนนั้น เป็นอย่างไรบ้าง
ขายไปแล้ว มีคนมาดูแล้วชอบ เค้าขอซื้อ ก็เลยขายไป ตั้งไว้ก็เท่านั้น มันตายไปแล้ว ที่นี่ไม่มีใครไขลานเป็นเลย
ความรู้สึกของลูกโป่งที่ลอยไปในอากาศนี่ ไม่ได้อิสระเสมอไป ต้องมีสักใบที่ลอยไปพร้อมกับแรงอัดภายในที่หวิวๆ
บางทีพรุ่งนี้ถ้าว่าง ฉันอาจจะไปที่ร้านนาฬิกานั่นก็ได้ ไม่ได้คาดหวังว่าจะพบเจอเรือนเดิมหรอกค่ะ แค่หวังไว้ว่าอยากเดินทวนเข็มนาฬิกาบ้าง ก็เท่านั้น
แก้ไขเมื่อ 29 พ.ค. 49 09:02:45
แก้ไขเมื่อ 29 พ.ค. 49 09:00:53
จากคุณ :
บึงกาฬ ที่นั่นมีรัก
- [
28 พ.ค. 49 18:07:23
]