1
โทจิ เธอพาฉันมาที่นี่ทำไมหรอ
เด็กผู้หญิงผมยาวประบ่าในชุดนักเรียนพูด
อ๋อ คือผมมีเรื่องบางอย่างที่อยากจะบอกกับฮินาตะจังให้รู้เป็นคนแรกเลย
ผมพูดกับฮินาตะจังผู้หญิงซึ่งผมรู้มาว่าแอบชอบผม
ผมชอบฮินาตะจัง
ผมได้สารภาพรักครั้งแรกกับผู้หญิงที่ผมชอบ เป็นการสารภาพรักที่ดาดฟ้าของโรงเรียนในเวลาที่พระอาทิตย์ยามเย็นกำลังตก แสงแดดในยามเย็นทำให้ฮินาตะดูสวยขึ้นอย่างผิดหูผิดตา
อืม
จริงฉันก็แอบชอบเธอมาตั้งนานแล้วเหมือนกัน
เธอตอบรับผมด้วยรอยยิ้มที่ดูเขินอาย
วันรุ่งขึ้นผมก็ไปโรงเรียนตามปกติ ผมไปถึงโรงเรียนก่อนชั่วโมงโฮมรูมไม่นาน ซึ่งนั่นก็เป็นเวลาปกติของผมที่จะไปถึงโรงเรียนอยู่แล้ว ทุกครั้งครูมินามิจะเข้ามาพูดเรื่องๆต่างอยู่เสมอ ครูมินามิเป็นครูที่เพิ่งจะเข้ามาสอนได้มานาน ดังนั้นเธอจึงดูสาวและสวยที่สุดในบรรดาครูทุกคนที่ผมเคยเจอเลย
ทั้งผมและฮินาตะก็ต่างเรียนอยู่ที่ห้องเดียวกัน เราทั้งคู่อายุสิบหกปีเท่ากัน ปกติแล้วผมแทบจะไม่ได้คุยกับเธอเลย อาจจะพูดว่าไม่เคยคุยกันเลยก็ได้ เหมือนว่าคงจะเป็นครั้งแรกที่เราได้คุยกันจริงๆ
ผมเป็นคนที่จะเรียกว่ามีมนุษยสัมพันธ์ไม่ค่อยดีก็คงจะได้ เวลาที่ผมต้องคุยกับคนแปลกหน้าหรือแม้แต่กับคนสนิทเวลาที่ไม่ได้อยู่เป็นกลุ่มผมมักจะไม่พูดอะไร มันจึงทำให้ผมไม่ค่อยอยากจะมีความสัมพันธ์กับคนแปลกหน้าเท่าไรนัก คนส่วนใหญ่มักจะมองว่าผมเป็นคนเงียบๆซึ่งมันก็เป็นอย่างนั้นจริงๆ แต่เวลาที่มีคนมาชวนผมคุยหรือเล่นสนุกกันผมก็จะทำเป็นยิ้มแย้มเล่นสนุกไปด้วยทั้งๆที่บางครั้งผมไม่ชอบเลย
ที่โรงเรียนเวลาพักผมมักจะจับกลุ่มคุยเล่นเรื่องต่างๆกับเพื่อนๆ ถึงแม้จะเรียกว่าเพื่อนแต่ผมเองก็ไม่เคยคิดว่าพวกนี้เป็นเพื่อนกับผมเลย สิ่งที่ผมแสดงออกมาท่าทางสนุกสนานเป็นกันเอง คุยกันได้กับทุกคนเป็นแค่เปลือกนอกเท่านั้น ที่จริงแล้วผมกลับไม่ชอบขี้หน้าคนบางคนในกลุ่มที่ผมเรียกว่าเพื่อนด้วยซ้ำไป บางคนดูเหมือนจะนิสัยดีจริงใจแต่ภายในซ่อนความชั่วร้ายอยู่ จริงๆแล้วทุกคนก็มีไอ้ปีศาจร้ายอยู่ในตัวทั้งนั้นแหละแต่มันก็ขึ้นอยู่กับว่าเราจะเลือกจัดการมันอย่างไร บางคนก็กักมันไว้ในส่วนที่ลึกที่สุด แต่บางคนก็แค่สร้างเปลือกบางๆขึ้นมาปิดบังเท่านั้นเอง
พอถึงเวลาเลิกเรียนทุกคนก็แยกย้ายกันไป บางคนก็ไปเข้าชมรมบ้าง บางคนก็กลับบ้าน แต่ละคนก็มีจุดหมายแตกต่างกันไป สำหรับตัวผมนั้นไม่มีชมรมอยู่กับเขาหรอก นั่นก็เพราะว่าผมไม่ค่อยชอบที่จะคุยกับคนแปลกหน้าเท่าไรนัก ไม่ว่าจะรุ่นพี่หรือเพื่อนต่างห้องก็ตาม ผมเคยมีประสบการณ์อยู่ชมรมหมากล้อมเหมือนกันแต่อยู่ๆไปแล้วมันก็เบื่อ เพราะผมไม่คุยกับใครก็ทำได้แค่นั่งเล่นๆไปวันๆส่วนใหญ่ก็ออกจะแพ้ซะมากกว่าด้วย คนในชมรมเองก็คงจะไม่มีใครรู้จักผมด้วยซ้ำไปอย่างมากก็แค่จำหน้าได้ว่าไอ้นี่อยู่ชมรมหมากล้อมนิเท่านั้นเอง
โทจิ รอก่อนฉันกลับบ้านด้วย
เสียงของฮินาตะที่ดังมาจากข้างหลังของผม
ผมรอจนเธอวิ่งมาแล้วหยุดยืนอยู่ข้างๆผม
นี่ทำไมวันนี้ไม่เห็นเธอคุยกับฉันเลย
ฮินาตะที่ยืนข้างๆผม หันหน้ามามองหน้าผมแล้วถาม
ผมไม่ชอบคุยกับใครก่อนนะ
งั้นวันหลังฉันจะไปทักโทจิคุงก่อนทุกวันเลยแล้วกันนะ
ฮินาตะบอกผมแล้วยิ้มให้
เธอจับมือผมแล้วเราก็เดินออกจากโรงเรียนพร้อมกัน
ดูเหมือนว่าชีวิตประจำวันของผมจะค่อยๆเปลี่ยนไปทีละนิดๆ จากที่ปกติผมจะไม่คุยกับใครก่อนยกเว้นแต่การจะคุยกันในวงสนทนากลุ่มใหญ่ๆ ซึ่งเป็นการพูดคุยกันโดยไร้คู่สนทนาที่เป็นแบบตัวต่อตัว เป็นการคุยกันแบบแลกเปลี่ยนความคิดเห็นโดยไม่เรียงตัวใครอยากพูดอะไรก็พูดได้เลย แต่ตอนนี้ผมเริ่มคุยกันแบบตัวต่อตัวกับฮินาตะได้ดีขึ้น ช่วงเวลาพักก็เหมือนกันดูเหมือนว่าผมจะอยู่กับฮินาตะในทุกช่วงเวลาพักไปซะแล้ว ในตอนจะกลับบ้านจากที่ผมเคยกลับคนเดียวทุกวันก็กลายเป็นว่าผมต้องกลับบ้านพร้อมฮินาตะทุกวัน
ในวันหนึ่งหลังจากที่เราคบกันมาประมาณ 1 สัปดาห์ ในที่สุดวันนี้ผมก็ได้เดทกับฮินาตะ ผมนัดเธอเจอกันที่สวนสาธารณะT เวลาประมาณสิบเอ็ดโมง ซึ่งผมก็ไปนั่งรอเธอก่อนประมาณครึ่งชั่วโมง
อ้าว
.โทจิคุงรอนานไหม
ไม่นานหรอก
ผมลุกขึ้นจับมือเธอแล้วพาเดินไปที่ร้านอาหาร T เราสั่งอาหารมากินกันผมสั่งข้าวแกงกะหรี่ ส่วนเธอสั่งข้าวหน้าหมูทอดมากิน เรากินกันไปพลางได้ยินข่าวจากวิทยุที่เจ้าของร้านอาหารเปิดไว้ มันเป็นข่าวของฆาตกรต่อเนื่องที่ฆ่าคนโดยการชำแหละศพมาแล้วหลายรายโดยเหยื่อทั้งหมดเป็นหญิงวัยรุ่นทั้งนั้น
น่ากลัวจังเลยเนอะ
ฮินาตะบอกผมแล้วส่งยิ้มแหยๆให้
ฮินาตะเองก็ระวังตัวให้ดีแล้วกันอย่าไปไหนมาไหนคนเดียวมันอันตราย จะไปไหนมาไหนก็อย่าลืมพกมือถือไปด้วยนะ
ผมพูดเตือนฮินาตะ
อืม
เธอตอบแล้วก็ยิ้มให้ผมก่อนที่เราจะตั้งหน้าตั้งตากินกันต่อไป
หลังจากกินข้าวเสร็จเรายังไปดูหนังกันต่อ มันเป็นหนังที่น่าเบื่อมาก ผมไม่คงจะไม่ใช่คนที่ชอบดูหนังเท่าไรนักหรอก ปกติแล้วผมจะไม่มาดูหนังเลยยกเว้นแต่มีเรื่องที่อยากจะดูจริงๆก็จะมากับเพื่อนกลุ่มใหญ่ ในที่สุดก็ถึงเวลาที่จะต้องแยกย้ายกันกลับบ้าน ผมไปส่งฮินาตะที่บ้านก่อนแล้วผมจึงค่อยกลับบ้านผม
หลังจากวันนั้นความสัมพันธ์ของเราก็ก้าวหน้าไปเรื่อยๆ ผมยังคงไปเดทกับฮินาตะอีกหลายต่อหลายครั้ง ผมเริ่มจะรู้สึกดีเมื่อได้อยู่กับฮินาตะมากกว่าอยู่กับเพื่อนซะอีก
มีครั้งหนึ่งที่ผมได้ให้ของขวัญเธอไปชิ้นหนึ่งมันเป็นจี้รูปหัวใจ ถึงแม้จะไม่ได้แพงอะไรมากมายแต่ผมก็ได้ให้เธอไปจากใจ ผมใช้เวลานานเหมือนกันกว่าจะเก็บเงินซื้อให้เธอได้ แต่ผมก็รู้สึกไม่เสียดายเลยเมื่อเห็นรอยยิ้มของเธอเมื่อได้รับมัน
ช่วงเวลาที่อยู่กับฮินาตะมันช่างเป็นช่วงเวลาที่มีความสุขจริงๆ ถึงแม้ว่าผมเองจะเคยคิดมาก่อนว่าตัวเองคงจะไม่มีวันได้มีแฟนกับเขาเป็นแน่ก็ตาม ทว่าตอนนี้ผมกลับรู้สึกว่าฮินาตะเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตที่ขาดไม่ได้ไปซะแล้ว มันก็คล้ายๆกับว่าการที่เราเล่นกีฬาทุกวันแต่ถ้าวันไหนเราหยุดไปความอยากมันจะพลุกพล่านอยู่ในใจอะไรอย่างนั้นเลยทีเดียว
จากคุณ :
พระจันทร์สีเลือด
- [
29 พ.ค. 49 21:08:03
A:58.9.76.83 X: TicketID:006632
]