CafeTech-ExchangePantip MarketChatPantownBlogGangTorakhongGameRoom


    ชินกับชุน ตอน 9

    ตอน 9

    เรียนเสร็จแล้วชินเดินออกมาจากห้องเรียนตรงไปที่มอเตอร์ไซด์ของเขาซึ่งจอดอยู่

    “ชิน”

    เสียงเรียกดังมาจากทางด้านหลัง ชินรีบหันไปทางเสียงนั้น
    เขามองหาเจ้าของเสียง แต่ก็ไม่แน่ใจนักว่าใครที่เรียกเขา

    ชินหันกลับมา เขาส่ายหัว คิดว่าตัวเองคงหูฝาดไป

    “ชิน”

    เสียงเรียกนั้นดังชัดเจนขึ้น ชินหันกลับไปมองอีกครั้ง คราวนี้เขาเห็นหน้าใครคนนั้นชัดเจน แต่เขายังนึกหน้านี้ไม่ออกว่าคือใคร

    ร่างนั้นก้าวเข้ามาใกล้เขา ชุนกวาดสายตามองชินอย่างสำรวจ ทั้งสองต่างยืนประจันหน้ากัน

    “เกิดอะไรขึ้นรึเปล่าทำไมฉันติดต่อนายไม่ได้เลย” ชุนเอ่ยขึ้นก่อน

    ชินยังคงนิ่ง และมองใครคนนั้นเหมือนคนแปลกหน้า

    “แม่ดีใจมากและแม่ก็ชอบสิ่งที่นายทำให้มากด้วย”

    ชุนบอกชินแต่เขาไม่สบตาพี่ชาย

    “ชุน”
    เอ่ยเบาๆ แล้วเขาก็หลบสายตาบ้าง

    “นายเป็นอะไรหรือเปล่า” ชุนเป็นห่วงชิน

    ชินส่ายหน้า

    “ เปล่า พอดีฉันยุ่งๆน่ะ เลยไม่ค่อยได้ใช้โทรศัพท์”

    “แม่อยากคุยกับนาย แม่มาเชียงใหม่ด้วย เราสองคนหวังว่าจะได้พบนายพร้อมกัน”

    ชุนมองหน้าชิน

    ชินยังคงนิ่ง เขามองหน้าชุนแล้วยิ้มให้นิดหนึ่งก่อนหลบสายตาชุนอีกครั้ง ด้วยการเดินห่างออกไปอีกสองสามก้าว แล้วเขาก็ไม่พูดอะไรอีก ชุนยังคงยืนนิ่งอยู่กับที่ เขามองดูชินก่อนก้มหน้านิ่งคิดบางอย่าง

    "ฉันคิดไว้ว่าภาพที่เราได้เจอกันครั้งแรกมันจะเป็นภาพที่น่าประทับใจ แต่นายทำเหมือนไม่อยากเจอฉันซักเท่าไรเลยนะ” ชุนพูดขึ้น เขาน้อยใจชิน

    “ทำไมนายถึงคิดอย่างนั้นล่ะ มันไม่ใช่อย่างนั้นเลยนะ” ชินบอก

    “นายไม่อยากเจอแม่เหรอชิน” ชุนถาม

    “ฉันดีใจนะที่แม่จำฉันได้” ชินถอนหายใจ

    “นี่นายพูดอะไรน่ะ แม่ไม่มีวันลืมนายหรอก ฉันเล่าเรื่องนายให้แม่ฟังด้วย แม่พยายามโทรหานายตลอดเวลาเลยนะ”

    “ถ้าแม่ถามถึงฉัน บอกแม่ด้วยว่าฉันคิดถึงแม่ แม่อยู่ในความคิดถึงของฉันเสมอ ฉันหวังว่าแม่คงสบายดีและมีความสุข ฝากบอกแม่แค่นี้ก็แล้วกัน”

    “ทำไมนายไม่บอกเองล่ะชิน”

    ชินไม่ยอมตอบคำถามนี้ของชุน

    “นายไม่อยากเจอแม่เหรอชิน แม่อยากเจอนายมากเลยนะ แม่บอกให้ฉันพานายมาเยี่ยมบ้าง”

    “ชุน บางทีมันก็พูดยากนะ ก็เหมือนนาย นายอยากเจอพ่อบ้างมั้ยล่ะ ฉันคงจะทำตัวลำบาก ถ้าได้เจอแม่ ฉันยังไม่พร้อมที่จะเจอกับสถานการณ์นั้นเลย ขอเวลาฉันอีกหน่อยนะ แต่ฉันสัญญาว่าต้องไปเจอแม่สักครั้งให้ได้แน่ แต่ตอนนี้ฉันยังไม่พร้อมจริงๆ”

    “ฉันกับแม่จะรอวันนั้นนะ นายสัญญาแล้วอย่าให้เราสองคนต้องรอเก้อล่ะ อย่าให้แม่ต้องเสียใจนะชิน แล้วก็อย่าให้แม่ต้องรอนานด้วย” ชุนย้ำกับพี่ชาย

    ชุนเดินเข้ามาใกล้ชินอีกครั้ง

    “แม่ฝากนี่ให้นาย”

    ชุนบอกพร้อมกับยื่นเงินจำนวนหนึ่งให้ชิน ชินหันมามองเงินในมือของชุนนั้น แล้วเขาก็หันหน้ากลับไปอย่างไม่ใยดี

    “ ฉันรับไม่ได้หรอก” ชินบอกกับชุน

    “แม้แต่เวลาที่พูดกับฉันนายก็หันหลังคุย นายกลัวอะไรเหรอชิน นายไม่กล้าที่จะนองหน้าฉันเหรอ” ชุนพูดประชดชิน

    “เงินนี้แม่ฝากฉันให้นาย ฉันมีหน้าที่นำเงินนี้มาให้กับนาย นายมีหน้าที่รับ ถ้านายไม่อยากได้ นายก็ควรเป็นคนคืนแม่เอง แม่ไม่ได้ให้นายเพราะแม่สงสาร เพราะแม่เห็นว่าเป็นหน้าที่ที่แม่ควรทำ แม่ไม่ได้หยิบยื่นเงินนี้ฝากมาให้กับนายด้วยความจำใจหรอกนะ”

    “ฉันไม่ได้คิดอย่างนั้นเสียหน่อย แต่ฉันรับไม่ได้จริงๆ ฉันไม่ได้เดือดร้อนอะไร”

    ชินหันมาบอกกับชุน

    “ฟังฉันก่อนสิ” ชุนพูดเสียงดัง

    “เงินนี้แม่ฝากมาให้นายด้วยความรักความเป็นห่วงที่แม่มีต่อนาย เพราะมันเป็นสิ่งเดียวที่แม่จะส่งผ่านความรู้สึกของแม่ให้นายได้รู้ นายรังเกียจเงินนี้ นายจะไม่รับความรักที่แม่ฝากมาให้เหรอชิน ถึงนายไม่เดือดร้อน นายก็เก็บไว้ก็ได้นี่ แม่จะเสียใจแค่ไหนถ้าฉันเอาเงินนี้กลับไปคืนแม่”

    “นายก็เก็บไว้ใช้เองก็แล้วกัน”

    “นี่เหรอ คำพูดของนาย ฉันผิดหวังมากเลยนะ ฉันไม่นึกเลยจริงๆว่าจะได้ยินนายพูดแบบนี้ ฉันเสียความรู้สึกจริงๆ” ชุนพูด

    ในมือของเขากำเงินนั้นแน่น

    เขาเอาเงินนั้นยัดใส่มือของชิน ด้วยความโมโห แล้วเดินฝ่าความมืดจากไปทันที

    ชุนมองตามร่างของชินจนเขาหายลับไป จากนั้นก็ก้มหน้ามองธนาบัตรที่ยับยู่ยี่อยู่ในมือของเขา ก่อนทรุดตัวลงนั่งอย่างไร้เรี่ยวแรงอยู่ตรงนั้น
    ........................................................................

    ชุนเดินย่ำเท้าไปตามทางจ๊อกกิ้ง ทอดสายตามองไปตามทางยาวที่เลือนหายไปในความมืดของทางจ๊อกกิ้ง มือที่ล้วงอยู่ในกระเป๋ากางเกงข้างหนึ่งกำลังกำเศษเหรียญไว้แน่น สักพักเขาก็ตะโกนร้องออกมาอย่างบ้าคลั่ง เสียงนั้นก้องกังวานมากพอที่จะได้ยินอย่างชัดเจนท่ามกลางความเงียบสงบตรงนั้น

    ชุนลนลานก้มลงเก็บก้อนหินตามพื้นสนามแถวนั้น แล้วขว้างหินพวกนั้นออกไปจนสุดแรง เขาทำอยู่อย่างนั้นจนแขนล้า แล้วทิ้งตัวลงนอนลงบนพื้นกรวด

    เขาได้ยินเพียงเสียงหายใจที่หอบเหนื่อยของตัวเอง เขากำลังคิด ว่าที่เขากำลังเป็นเช่นนี้เป็นเพราะเขาคาดหวังในตัวชินมากเกินไป

    เขากำลังนึกถึงคำพูดของชิน ที่ว่าชินก็เป็นเพียงแค่คนธรรมดาคนหนึ่ง ไม่ได้ดีเลิศอะไรอย่างที่เขาคิดหรอก ชุนหลับตาลงด้วยความอ่อนแรง

    เขาไม่ใส่ใจกับโทรศัพท์มือถือที่กำลังสั่นอยู่ในกระเป๋ากางเกง มันยังคงสั่นอยู่อย่างนั้น

    ชุนลืมตาขึ้นพลางเอามือล้วงไปหยิบเอามันขึ้นมารับ

    "ฮัลโหล”

    “นายกลับหอรึยัง” ชินถามชุน

    “ยัง” ชุนตอบเสียงไม่ดังนัก จนฟังเหมือนแหบพร่า

    “ชุน ฉันขอโทษ ฉันเสียใจ”

    “นายไม่ผิดหรอก” ชุนบอกกับชิน

    “ฉันรู้ นายไม่ต้องมาทำเป็นงอนเลย ผู้ชายเขาไม่งอนแบบนี้หรอก”

    ชินแสร้งคุยหยอกล้อชุน เขาหวังว่ามันจะทำให้บรรยากาศการสนทนาดีขึ้น

    ฉันไม่โกรธนายหรอก จริงๆ”

    ชุนเน้นเสียง ชินได้ยินเสียงถอนหายใจของเขา

    “ฉันฝากขอบคุณแม่ด้วยนะ”

    “นายจะไม่โทรไปหาแม่จริงๆน่ะเหรอ”

    “ฉัน...ก็อย่างที่ฉันบอกนาย ฉันยังไม่พร้อม”


    "ชิน ถ้าไม่มีครั้งแรก แล้วมันจะมีครั้งต่อๆไปได้ยังไง แล้วเมื่อไหร่นายถึงจะชินกับการพูดคุยกับแม่ล่ะ หากนายมัวแต่กลัวความรู้สึกครั้งแรกที่ต้องพบหน้าและคุยกับแม่ นายก็รู้ดีไม่ใช่เหรอว่าถ้าไม่มีครั้งแรก ก็ย่อมไม่มีครั้งต่อๆไป”

    “ฉันรู้น่า เอาเป็นว่าสักวันฉันจะโทรไป แล้วตอนนี้นายอยู่ไหนทำไมยังไม่กลับ” ชินเปลี่ยนเรื่องถามชุน

    “ไม่ต้องห่วงฉันหรอก ฉันโตแล้ว” ชุนบอก

    “ถึงนายจะโตยังไงนายก็เด็กกว่าฉันอยู่ดี” ชินแย้ง

    “ชินนายคงรู้สึกลำบากใช่มั้ย ที่ฉันคาดหวังในตัวนาย ฉันก็ขอโทษนายเหมือนกัน ถ้าฉันไม่หวังว่านายจะต้องเป็นแบบที่ฉันคิดไว้ ฉันเองก็คงไม่ต้องเกิดความรู้สึกแบบนี้”

    “อย่าคาดหวังอะไรกับฉันเลยชุน ฉันอาจไม่ใช่พี่ชายที่ดีนักหรอก”

    "ฉันคิดว่านายเป็นคนดีนะ” ชุนบอกกับชิน

    “ชุน ฉันไม่ใช่คนดีอะไรมากมายหรอกนะ ฉันก็มีด้านที่ไม่ดีเหมือนกัน นายอย่าตัดสินคนที่ภายนอกสิ อย่าตัดสินคนจากคำพูดของเขา เพียงแค่ได้ฟังเขาพูด นายก็เหมาเอาว่าเขาเป็นคนดีทั้งหมด สิ่งที่คนพูดมันก็ไม่ใช่สิ่งที่เขาทำเสมอไปหรอกนะ แม้ว่าการพูดมันจะบอกถึงความรู้สึกนึกคิด หรือนิสัยที่เรามี แต่มันก็ไม่ใช่ทุกกรณีหรอก นายต้องแยกแยะให้ออกว่าเมื่อไหร่ที่เขาพูดจริง หรือเมื่อไหร่ที่นายควรชั่งใจเมื่อได้ฟังคำโกหก บางทีมันก็ไม่ใช่อย่างที่นายคิดหรอกนะ อย่างฉันนายก็ไม่ควรคาดหวังว่าฉันจะต้องเป็นคนดีมากมาย”

    “ฉันรู้ว่า คนทุกคนต้องมีทั้งดีและเลวอยู่ในตัวเอง ฉันไม่คิดว่านายจะเป็นคนดีมากมายหรอก ที่ฉันบอกว่านายเป็นคนดีน่ะ ฉันหมายถึงด้านที่ดีของนาย ส่วนอีกด้านที่ไม่ดีของนายก็ช่างเถอะ ฉันไม่ใส่ใจ ฉันไม่อยากรู้”

    ชุนพูด แล้วขยับตัวลุกขึ้นนั่ง

    “ทุกคนมีดี เลวอยู่ในตัวเอง เพียงแต่จะดีมากหรือเลวมากเท่านั้นเอง ใครเขาจะดีเลวช่างก็เขา เพราะฉันเลือกเอาส่วนดีของเขา เราอาจจะศึกษาเขาทั้งหมด แต่เราต้องรู้จักเลือก สิ่งดีที่เขามีเราก็เอามาเป็นแบบอย่าง ส่วนสิ่งที่ไม่ดีก็รู้เอาไว้เสียเพื่อเตือนตัวเองไม่ให้ทำอย่างเขา” ชุนบอกกับชิน

    “แล้วนายเอาอะไรมาวัด ว่าใครดีหรือเลวหือ ตอบซิ” ชินถามชุน น้ำเสียงคาดคั้นต้องการคำตอบ ชุนนิ่งคิดทอดสายตามองออกไปในความมืดอีกครั้ง ก่อนพูดผ่านโทรศัพท์ออกไป

    “ ก็ดูว่าคนๆนั้นควรคบ หรือไม่ควรคบไง พูดอย่างนี้ใช้ได้มั้ย”

    “ แล้วควรคบหรือไม่ควรคบนี่ล่ะ เอาอะไรมาตัดสิน” ชินยังคงถาม

    “ก็...เอาการที่เรายอมรับเขาได้มาก หรือยอมรับเขาได้น้อย มาบอกว่าคนๆ นั้นน่าคบหรือไม่น่าคบ”

    “ก็คือเอาการยอมรับของตัวเรา ว่าเรายอมรับเขาได้แค่ไหน มาบอกว่าคนนั้นควรคบหรือไม่ควรคบ ฉันสรุปอย่างนี้ถูกไหม” ชินถาม

    “ใช่” ชุนบอก

    “ อือ...ชอบนะ นายคิดได้เองเหรอ”

    “นี่คิดว่าฉันคิดอะไรแบบนี้เองไม่เป็นหรือไง ฉันก็โตเป็นผู้ใหญ่แล้วนี่ ถึงจะเป็นน้องนายก็เหอะ” ชุนพูด

    เขารู้สึกภูมิใจที่ชินบอกว่าชอบคำพูดของเขา

    ชินกรอกเสียงหัวเราะของเขาใส่โทรศัพท์อย่างมีความสุข

    จากคุณ : seem - [ 30 พ.ค. 49 19:30:54 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป