CafeTech-ExchangePantip MarketChatPantownBlogGangTorakhongGameRoom


    เพราะฉันไม่ใช่นางเอก ตอนที่ 6

    http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W4292042/W4292042.html

    ตอนที่แล้ว

    ==========  

    ตะเกียงใช้ทัพพีคนน้ำเฮลบลูบอยสีแดงในกระติกใบใหญ่ให้เข้ากัน   น้ำแข็งก้อนกลม ๆ ถูกเทใส่ตามลงไป   หยิบแก้วมาเทน้ำสีทับทิม   แล้วยกขึ้นดื่ม  รสหวานเย็นชื่นใจผ่อนคลายอากาศร้อน ๆ  ยามบ่ายได้ดี   จริง ๆ รสชาดของน้ำแดงในแก้วก็หวานพอดีแล้ว  แต่เธอกลับอยากเติมน้ำหวานใส่อีก  จึงหยิบขวดที่ยังเหลืออยู่มาเทใส่แก้วตัวเอง   แล้วใช้นิ้วจับน้ำแข็งในแก้วนั้นคนไปมาให้น้ำหวานที่ลงไปนอนอยู่ก้นแก้วเข้ากับน้ำแดงในแก้ว  ยกนิ้วขึ้นมาดูด ๆ น้ำหวานที่เปื้อนนิ้วมืออย่างเอร็ดอร่อย  ก่อนที่จะยกน้ำสีทับทิมขึ้นดื่มอย่างสบายใจ

    “อ้าว…ระบิล  ทานน้ำแดงมั้ย”  หลานสาวเจ้าของไร่ชวน  เมื่อมองเห็นเขาเดินมา

    “รสชาดเค็ม ๆ หรือเปล่าครับ”  เขาแกล้งแหย่  ที่เห็นเธอดูดนิ้วเหมือนเด็ก ๆ อย่างเอ็นดู

    “บ้า….!!  เค็มเคิ้มอะไรกัน”  เด็กสาวขมวดคิ้ว  

    ตาดีจริง ๆ  นี่เขามองเห็นหรือไงว่าเธอดูดนิ้วเมื่อครู่นี้

    “ตกลงจะกินหรือเปล่า”

    “ครับผม  ขอบคุณครับ”  เขามองหน้าคนเอาแต่ใจ  ริมฝีปากเธอแดงจัดจากน้ำแดง  บวกกับแก้มแดงจากความร้อนระอุของไอแดด  ทำให้ใบหน้าเธอน่ารักน่ามองราวกับตุ๊กตาญี่ปุ่น

    ทั้งคู่ช่วยกันยกกระติกน้ำแดงไปแจกคนงานในไร่

    “คุณตะเกียงดูสิครับใครมา”  เมื่อยกกระติกน้ำแดงไปถึง   ชายมีอายุท่าทางใจดี  แต่ทว่าดูน่าเกรงขามยืนอยู่ใต้ร่มไม้  สายตาเอ็นดูมองมาหยุดอยู่ที่สาวน้อย

    “คุณตา!!”

    เด็กสาวอุทาน

    “สวัสดีค่ะ คุณตา   กลับมาแล้วหรือคะ”  รวิวารรีบเดินเข้าไปทำความเคารพ

    “เป็นไงบ้างล่ะเราน่ะ  ทำไมไม่ไปอยู่กับตาในเมือง”

    “อยู่ที่นี่ก็สนุกดีค่ะ  ต้นไม้โตขึ้นตั้งเยอะนะคะ  พืชผักผลไม้งามมาก ๆ ค่ะ  มองแล้วมีความสุขจังเลย”

    ชายมีอายุยิ้มอย่างพอใจ

    “แล้วดื้อทำให้ระบิลหนักใจมากหรือเปล่า”

    “โห…คุณตาไมพูดแบบนี้ละคะ”  เด็กสาวเริ่มทำหน้างอ

    “ขอบใจมากนะ  ระบิล  ที่ช่วยดูแลหลานสาวจอมป่วนให้”  ผู้สูงวัยหันไปทางผู้จัดการไร่

    “โธ่…คุณตา…ตะเกียงไม่ได้มาป่วนซักหน่อยนะ  มาช่วยต่างหาก”

    “ไม่เป็นไรครับท่าน”  พลางพยักหน้ารับอย่างนอบน้อม

    “แล้วคุณท่านตรวจสุขภาพเสร็จแล้วหรือครับ”

    “ยังหรอก  แต่เป็นห่วงระบิล  กลัวเอาตะเกียงไม่อยู่  เลยแวะมาดู  หมอนัดฟังผลตรวจเลือดอาทิตย์หน้า”  เจ้าของไร่พูดพลางหัวเราะอย่างอารมณ์ดี

    “แหม…คุณตาก้อ…เข้าข้างแต่นายระบิลนะคะ”

    “ยังไงก็คงต้องฝากระบิลดูแลหลานสาวฉันด้วยนะ  ในช่วงที่มาอยู่บ้านไร่”

    “ครับท่าน”  เขารับคำแต่โดยดี  แม้ในใจจะไม่สงบนัก  ด้วยนึกว่าคุณท่านกลับมาแล้วจะได้หมดภาระที่จะต้องคอยดูแลสาวน้อยโจมโวยวายเสียที  แต่หาเป็นเช่นนั้นไม่

    “ไม่ต้องลำบากระบิลเขาหรอกค่ะ คุณตา  ตะเกียงดูแลตัวเองได้”

    “ไม่ได้หรอก  ตาจะให้เราหัดทำงาน  ฝึกงานกับระบิลเขา”  ผู้สูงวัยพูดเสียงจริงจัง

    “แต่…”  ยังพูดไม่ทันจบ  คุณตาก็ชิงพูดทับขึ้นมาก่อน

    “ไม่มีแต่”  เสียงคุณตาเน้นคำอย่างดุ ๆ อยู่ในที

    “ก็ได้ค่ะ   แต่ต้องมีข้อแลกเปลี่ยนนะคะ“  หน้าหงอย ๆ  เปลี่ยนเป็นรื่นเริงขึ้นมาทันที  เมื่อนึกอะไรบางอย่างได้

    “อะไรอีกล่ะ   เอ้า!  ว่ามาซิ”  คุณตายิ้มกับความไม่ยอมแพ้ของหลานสาว

    “จะยอมเป็นนักเรียนที่ดีของนายระบิลก็ได้  แต่ว่า…ต้องให้นายระบิลพาไปเที่ยวในเมืองก่อนนะคะ  คุณตา”  พูดพลางยิ้มแป้น

    ระบิลมองหน้าคุณหนูตะเกียง  นึกไม่ถึงว่าเธอจะใช้แผนนี้

    คุณตาเลิกคิ้วกับแผนการของหลานสาว   คิดว่าหลานสาวคงขอร้องระบิลให้พาไปเที่ยวแล้วแต่คงไม่สำเร็จ

    ผู้สูงวัยหัวเราะเบา ๆ  มองไปทางผู้จัดการไร่

    “ได้…วันไหนล่ะ”

    ผู้จัดการไร่เริ่มขมวดคิ้วกับคำอนุญาตของคุณท่าน

    “วันนี้เลยค่ะ คุณตาขา….”  หลานสาวเจ้าของไร่ลางเสียงยาว  รีบเข้าไปบีบนวดให้คุณตาอย่างประจบ

    “ได้รึเปล่าล่ะ  ระบิล”  เจ้าของไร่หันไปถามผู้จัดการหนุ่ม

    “วันนี้หรือครับ   รถไม่ว่างครับท่าน  เกรงว่าจะไม่สะดวก  ลุงสีเอารถของท่านไปเช็คสภาพที่อู่แล้วครับ  ส่วนคันขาวก็ส่งไปซ่อมอยู่ครับ”

    “มอร์เตอร์ไซด์ก็ได้ค่ะ  คุณตา”   ตะเกียงไม่ยอมแพ้  แอบหันไปทำหน้ายิ้มน้อยยิ้มใหญ่ใส่ผู้จัดการไร่ตะเกียงไพร

    “แน่ใจนะ”  คุณตาถามย้ำในความรั้นของหลานสาว

    คนถูกถามรีบพยักหน้าทันทีทันใด

    “งั้น…ก็พาตะเกียงไปเที่ยวในเมืองหน่อยละกันนะ  ระบิล”  เจ้าของไร่ตัดสินใจ  ที่สำคัญเขาไว้ใจเชื่อใจผู้จัดการไร่

    “ครับท่าน”  ผู้จัดการไร่รับคำอย่างเสียไม่ได้

    “แต่พอกลับมาแล้ว  ต้องเชื่อฟังระบิลเขานะ”

    “รับทราบ!”  สาวน้อยรับคำเสียงหนักแน่น  พร้อมกับทำท่าตะเบ๊ะแบบทหาร  พลางยิ้มแย้มอย่างร่าเริง

    =============  

    ผู้จัดการไร่ละสายตาจากรถมอร์เตอร์ไซด์คู่ใจเมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าคนเดินมา  มองเห็นหลานสาวเจ้าของไร่ในชุดเสื้อเชิ้ตสบาย ๆ  กับกางเกงสามส่วนดูคล่องแคล่วทะมัดทะแมง  พร้อมกับรองเท้าผ้าใบคู่เก่ง

    “รอนานมั้ยคะ  ผู้จัดการ”  เด็กสาวดัดเสียงเชิงหยอกล้ออย่างอารมณ์ดี   มองเห็นผู้จัดการหนุ่มสวมเสื้อยืดสีขาวสะอาดตา  ดูเท่เป็นพิเศษ  เพราะปกติจะเห็นแต่เขาใส่เสื้อผ้าเก่า ๆ  สีซีดมอซอเสมอ

    เขาส่งหมวกกันน็อคให้เธอ

    เด็กสาวรับมาสวมอย่างรวดเร็ว  แล้วขึ้นนั่งซ้อนท้ายทันที

    “เดี๋ยวครับ  ล็อคหมวกด้วยครับ”  เขาเห็นเธอใส่อย่างลวก ๆ ไปอย่างนั้น

    “ไม่เป็นไรหรอกน่า…ไปเหอะ”

    “ไม่ได้ครับ”  เสียงเรียบธรรมดาเมื่อสักครู่ดุเข้มขึ้นมาทันที  ความปลอดภัยของเธอเป็นสิ่งสำคัญที่เขาจะละเลยไม่ได้

    สีหน้าเธอบอกอาการเบื่อ ๆ เล็กน้อย  แต่ก็ยอมทำตาม  แต่ทว่าดันหาที่ล็อคหมวกไม่เจอนี่สิ!  จนเขาต้องหันมาจัดการล็อคให้

    ตะเกียงจ้องหน้าชายหนุ่ม  ดวงตาคู่นั้นที่อยู่ตรงหน้าดูธรรมดา  แต่กลับเต็มไปด้วยพลังความมุ่งมั่นมุมานะ   แวบหนึ่งที่สายตาของเขาเลื่อนขึ้นมาประสานสายตากับเธอ  ไม่รู้ทำไมรู้สึกหน้าชาขึ้นมาทันที  มันพาลจะยิ้มอย่างเขินอาย  แต่ไม่ได้หรอก  มันเสียฟอร์ม  รีบกลบเกลื่อนด้วยการฉีกยิ้มให้กว้าง ๆ  เข้าไว้

    “ขำอะไรครับ”  ผู้จัดการหนุ่มสงสัยเมื่อเธอมองหน้าเขาแล้วยิ้มแปลก ๆ แบบนี้ต้องมีอะไรแน่ ๆ

    “ฮึ!”  เด็กสาวส่งเสียงแหลมอยู่ในลำคอ  พลางยักไหล่   สั่นหัวเบา ๆ  
    “เปล่า….”  พลางตีหน้าตายเหมือนไม่มีอะไรจริง ๆ

    “บอกมา”  ชายหนุ่มย้ำ  เขารู้สึกเหมือนตัวเองกำลังกลายเป็นตัวตลกในสายตาเธออยู่หรือเปล่า…?

    “ไม่มีจริง ๆ  ไม่เชื่ออีก”

    “จะบอกหรือเปล่าครับ”  เขาเน้นเสียง

    “ไม่  เอ้ย!  ไม่มีอะไรจะบอก”

    “งั้นผมไม่พาไปในเมืองนะ  ถ้าไม่บอก”  ชายหนุ่มพูดพลางดึงกุญแจรถมอร์ไซด์ออกทันที

    “นี่…ไม่ได้นะ  อย่าขี้โกงดิ”

    “งั้นก็บอกมา”  เขาหันหน้ากลับมาจ้องหน้าสาวน้อยตรง ๆ

    “ก็ได้!”   เธอไม่เข้าใจทำไมต้องเป็นฝ่ายยอมเขาทุกที

    แล้วจะให้บอกอะไรเล่า    ก็แค่………เขิน…………  แต่เป็นเหตุผลที่บอกไม่ได้เด็ดขาด!

    เด็กสาวเม้มริมฝีปากแน่นอย่างครุ่นคิด

    “ก็…แค่…อยากขอบใจที่จะพาไปเที่ยวน่ะ  ก็แค่นั้น”

    “ไม่เป็นไรครับ  เพราะผมต้องทำตามคำสั่งคุณท่านอยู่แล้ว”

    “ลำบากใจมากเหรอ”  เสียงเธออ่อนลงเมื่อเขาเน้นว่าเป็นแค่การทำตามหน้าที่เท่านั้น

    น้ำเสียงนั้นของเธอทำให้เขาไม่กล้าตอบอะไรมากกว่าการนิ่งเงียบ

    “ถ้าลำบากใจ….”  เธอหยุดพูดเล็กน้อยก่อนจะพูดต่อไป

    “ก็ทนเอาหน่อยนะ”  แล้วระเบิดเสียงหัวเราะดังลั่นใส่

    คำพูดของเธอทำให้เขาชะงัก!  อยู่ ๆ ก็เปลี่ยนอารมณ์อย่างกระทันหันทันทีแบบนี้  อยากหันไปเขกกะโหลกเธอจริง ๆ  ทำเป็นพูดน่าสงสาร  แต่ยังไม่มีโอกาสพูดอะไรต่อคนข้างหลังก็ส่งเสียงโวยวายให้สตาร์ทรถออกได้แล้ว  เขาเลยต้องรีบทำตาม  ได้แต่ส่ายหัวให้กับความเจ้าเล่ห์ของคนซ้อนท้าย  

    ผู้จัดการไร่ตะเกียงไพรจอดรถมอร์เตอร์ไซด์ไว้ที่ห้างสรรพสินค้ายักษ์ใหญ่ของตัวจังหวัด  เขาไม่อยากพาเธอมาเที่ยวห้างเลย  แต่…ก็ทนเธอรบเร้าไม่ได้   เพราะเขาอยากสนับสนุนร้านค้าเล็ก ๆ ให้ลืมตาอ้าปากได้  มากกว่านายทุนใหญ่ ๆ  ที่ร่ำรวยอยู่แล้ว  มองเธอเดินดูโน่นดูนี่อย่างสนอกสนใจ  เด็กสาววัยเดียวกับเธอแต่งตัวรัดรูปมองเห็นส่วนเว้าส่วนโค้งส่วนนูนชัดเจน   เสื้อแสงตัวเล็กกระจิ๊ดริด  แถมกางเกงยังเอวต่ำเผยให้เห็นสีผิวเนื้อหนังใต้ร่มผ้าอย่างง่ายดาย  หรือแม้แต่กางเกงในสีอะไรก็มองเห็นได้อย่างชัดเจน  เขารู้สึกดีกับหลานสาวเจ้าของไร่ขึ้นมาบ้างที่เธอไม่ได้เป็นอย่างนั้นเลย

    “ระบิลหิวแล้วล่ะ “ เธอหันมาบอก

    “กินไก่เคเอฟซีกัน”

    “คุณรู้รึเปล่าว่า  เคเอฟซีเป็นของต่างชาติ  สมมุติว่า  ไก่ราคา 100 บาท  ถ้าต่างชาติถือหุ้นอยู่ 49%  เขาก็ขนเงินออกนอกประเทศไทยไป 49 บาทนะครับ”

    “ขนาดนั้นเลยหรอ”  เธอไม่เคยรู้มาก่อนเลย

    “ช่วยกันกินของไทยใช้ของไทยดีกว่า  ให้เงินไหลอยู่ในประเทศไทยนะครับ”

    “ก็ได้  งั้นกินไอสกรีมแทนนะ”

    แก้ไขเมื่อ 30 พ.ค. 49 23:21:24

    จากคุณ : ริเศรษฐ์ - [ 30 พ.ค. 49 23:17:00 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป