CafeTech-ExchangePantip MarketChatPantownBlogGangTorakhongGameRoom


    นกกระจอกนอกหน้าต่าง

    “อ้ายนกชั้นต่ำ นกสถุลไร้สกุลรุณชาติ”    
    ปากว่ามือตะเพิด ตาจ้องนกขนสีน้ำตาลหัวดำหน่อยๆ นั่นตาไม่กระพริบ ทำเอานกน้อยฉีกปีกบินออกจากกรอบหน้าต่าง เส้นฟางที่คาบอยู่เหนือจะงอยปากหล่นคว้างหมุนเคว้งเต้นรำกับสายลมเพียงระยะสั้นๆ  เสียงนกร่ำร้องจ๊อกๆ แจ๊กๆ หายไปชั่วฝุ่นผงเข้าตาเนื้อ  
    “นึกว่าแน่ ที่แท้ก็นกกระจอก อิอิ”    เขาหัวเราะชอบใจเมื่อขับไล่มันไปได้ หลังจากเห็นมันมาวนเวียน เป็นพวกถ้ำมองอยู่นอกกรอบหน้าต่างตั้งแต่เมื่อวันวาน และเขาสังเกตเห็นมันคาบเส้นหญ้าเล็กๆ บินวนเวียนไปมาทั้งวัน มันทำให้สมาธิของเขาสั้นลงอย่างเห็นผลทันตา เวลาที่เขาเพลิดเพลินกับเสียงเพลง มันพลันส่งเสียงร้อง อารมณ์ที่ละเมียดต่อบทเพลงกระเจิงหายไปในพริบตาและเขาต้องการใช้สมาธิในการอ่านหนังสือ…

    บนโซฟาบุนวมสีดำ เพียงเห็นปกหนังสือเผยร่างกายเปลือยเปล่าของหญิงสาวนางแบบจากต่างประเทศ โชว์เว้าแหว่งได้ยวนตาถึงหัวใจ  มันเป็นหนังสือต้องคำสาปที่ผู้ชายทั่วโลกปรารถนาจะพลิกชม   เมื่อนกกระจอกหายลับไปแล้ว เขากลับมานั่งที่โซฟาอีกครั้ง

    เปิดภาพเปลือยด้วยดวงตาแห่งความอยากรู้อยากเห็น ในอำนาจแห่งหยินและหยางพลังแห่งเต๋าเพิ่มขึ้นเป็นกอง ทำให้ร่างกายร้อนผ่าวบางคราวมีหนาวเหน็บ อักษรเพียงไม่กี่แถวในหนังสือนั่นคล้ายมีพลังมวลสารแห่งปรมาณูพอที่จะระเบิดร่างกายของเขาออกเป็นล้านๆ เสี่ยงส่งไปสวรรค์และนรกพร้อมๆกัน  ในภาวะแห่งจิตเคลิ้มผสมโซดาแห่งจินตนาการ ภาพนางแบบคล้ายออกมาเต้นเย้ายวน  สลัดผ้าผ่อนอาภรณ์สีฉูดฉาดออกทีละชิ้นเริ่มจากด้านบนลงสู่ล่าง

    เธอไม่รีบร้อนที่จะเปลื้องผ้านัก ดวงตาฉาบรักเว้าวอน มือของหญิงสาวเหล่านั้นโอบกอดเพียงผ่านเลยและหัวเราะเสียงใส ใสกว่าหยาดน้ำค้างของฤดูหนาว มือเรียวไร้กระดูกอ่อนนิ่มค่อยๆ แตะไปที่ใบหน้า สันจมูก ริมฝีปากของเขาไล่ต่ำลงมาช้าๆ

    แต่…เสียงนกกระจอกร้องลั่นกรอบหน้าต่างอีกครั้ง จ๊อกๆๆๆๆๆ  มันตอกย้ำถ้อยคำเดิมอยู่อย่างนั้น  ให้ตายเถอะมันพูดประโยคอื่นไม่เป็นหรือไง อ้ายนก[^_^]! และเพ่งดวงตาคู่เล็กมายังเขา ผงกหัวพร้อมหาง ยิ่งทำให้คิดว่ามันดูถูกเหยียดหยามชาติสกุลแห่งเผ่าพันธุ์มนุษย์ที่มีจินตนาการเป็นอาหารว่างและที่สำคัญไปกว่านั้นมันละเมิดเสรีภาพส่วนบุคคล

    เขากำหมัดแน่นหากนกกระจอกเป็นเหมือนเด็กหนุ่มรุ่นราวคราวเดียวกัน เขาจะตะบันหน้ามันด้วยหมัดซ้ายและย้ายไปกระแทกเข่าใส่ยอดอกสักสองดอก หญิงในจินตนาการหายวับไปเหลือเพียงแต่อารมณ์ครุโกรธต่อเสียงนกกระจอก
    “ออกไปจากบ้านของกูได้แล้ว อ้ายพวกนกบ้าที่นี่ไม่ใช่สวนสาธารณะหรือชมรมคนรักนกนะเฟ้ย”
    เขาตะเพิดมันด้วยน้ำคำที่กลั่นออกมาจากดวงไฟแห่งแววตา แล้วนกกระจอกคู่นั้นก็บินหายวับไปอีกครั้งเหมือนอย่างที่มันเคยทำ

    บ่ายสามโมงแดดผ่อนความแข็งกร้าวเปลี่ยนมาอ่อนโยนต่อยอดหญ้าและใบไม้ ปลอบโยนแม้กระทั่งสายน้ำครำสีดำริมคูเมือง หมาเน่าลอยน้ำนั่นก็พลอยได้อาบแดดสบายยิ่ง ที่กรอบหน้าต่างบานเดิมกั้นเอาไว้ระหว่างคนกับนก(กระจอก) ยังคงเต็มไปด้วยความขัดแย้งรุนแรง รุนแรงกว่าความขัดแย้งทางอุดมคติของนักการเมืองและรุนแรงกว่าการเหยียดเย้ยสีผิวในอดีต

    แต่อย่างไรชายหนุ่มก็ยังไม่ตัดสินใจวางระเบิดหน้าต่างบ้านตัวเอง เขาเพียงไม่สบอารมณ์ต่อนกอยู่บ้าง มันไม่เจียมตัวทั้งๆที่รู้ว่าเป็นนกกระจอก เขาลุกขึ้นไล่นกเป็นรอบที่เท่าไหร่ก็ไม่รู้ได้ นั่งสักพักบินมาอีกแล้ว มาจับที่เดิมมองหน้าเขาด้วยสิ ก็สายตากระจอกอีกนั่นแหละวอกแวกไม่มั่นคง กิริยาท่าทางกระจอกอย่างนั้นพวกนกไม่เจียมใจ ไม่บินผ่านกะโหลกแล้วชะโงกดูเงาตัวเองเสียบ้าง ถ้ามันมีคิ้วเหมือนคนคงยักคิ้วใส่และเหยียดด้วยเสียงจ๊อกๆๆแจ๊กๆๆ เขาด่านกกระจอกร้อยพันแห่งรำพันอันหยาบคาย  
    “แน่จริงมากินน้ำก่อนเซ่  ไม่แน่นี่หว่า”    
    เขาร้องท้าทายนกและคิดไปถึงสุภาษิตไทยนกกระจอกไม่ทันกินน้ำ ทำท่าทางกวักมือเรียกเหมือนอันธพาลข้างถนนและคล้ายเด็กแนวแถวถนนข้าวสารเขาทำกัน    
    “ตัวต่อตัวก็ได้ ไม่นักเลงจริงนี่หว่า อย่างนี้แหละว้าพวกกระจอก”  

    เขาเสยผมที่ตั้งโด่ชูชันนั่นเผยเห็นยันต์ต้นไหล่ทั้งสองข้างเป็นรูปร่างนามธรรม ขยับเคลื่อนไหวราวจะกระโดดออกมากินนก น่าเสียดายที่เขาไม่ได้สักรูปแมวป่าเอาไว้ ไม่งั้นนกกระจอกเสร็จแน่  และยิ่งร้ายไปกว่านั้นเขารู้ตัวว่าจะพูดและกระทำอะไรบ้าๆ ออกมาอย่างไม่รู้ตัวเสียแล้ว เพราะปัญหาเรื่องนกกระจอกนั่นเทียว

    เสียงโทรศัพท์มือถือร้องเพลงฮิตฮอตดังขึ้น เท่านั้นดวงตาที่ขุ่นเคืองก็ฉายแววเจ้าเล่ห์เต็มก้านสมองและหับห้องแห่งหัวใจ  
    “พี่ไม่สบายจ๊ะ”
    มันหวานยิ่งกว่าน้ำผึ้งเดือนห้าที่ยโสธร และเสียงตอบกลับมานั้นเต็มไปด้วยความอาทรร้อนรัก เขายิ่งได้ใจ ดัดจริตให้เสียงฟังประหนึ่งพระเอกในละครอ้อนรักผู้ชม    
    “มาดูแลป้อนยา อาบน้ำเช็ดเนื้อเช็ดตัวให้พี่ด้วยนะ”
    ตาเพ่งไปยังภาพหวิวที่คลี่กลางเอาไว้นั่นริมฝีปากแสยะยิ้มเหมือนเสือเห็นกวางน้อยหลงทางมา  มืออีกข้างก็ลูบริมฝีปากทำตาโต  กระโดดเหมือนจิงโจ้  
    “อย่าให้พี่รอนานนะจ๊ะ อาการป่วยของพี่มันกำเริบตามอารมณ์คิดถึง”
    “พี่จะรอจ๊ะ รอน้องแพรวทุกภพชาติ รอจนกว่าฟ้าดินสลายเป็นพริกป่น”  
     “รีบมานะจ๊ะ ถ้าช้ากว่านี้สักครึ่งของวินาที แพรวต้องพบศพพี่นอนตายคราห้องแน่”  
    เขากระโดดโลดเต้นแหกปากร้องลั่นบ้าน  อีกไม่นานนักหรอกแพรวจะมา เมื่อมาถึงตอนนั้นเขาจะ… หึหึ

    ชายหนุ่มเปิดภาพเหล่านั้นดูอีกรอบ น้องแพรวกิ๊กคนใหม่ที่หลงเข้ามาในวัฏสงสารของเขากำลังจะมาช่างเป็นความยินดียิ่งกว่าคนถีบสามล้อถูกเลขท้ายสามตัว เขาพบน้องแพรวเมื่อคราไปเที่ยวร้านอีสานคาราโอเกะ เธอเป็นดาวเด่นของที่นั่น ใครๆ ก็ต้องการให้เธอไปนั่งบนตักและกระซิบคำรัก

    แต่ก่อนเขาเคยผิดหวังกับร้านคาราโอเกะเมื่อต้องเจอแต่สาวทึนทึก ไม่ก็หน้าตาเหมือนผ่านสงครามอินโดจีนมา และร้ายไปยิ่งกว่านั้นหุ่นเหมือนหมูใส่กระโปรงสีชมพู  เขาเหยียดเย้ยและถากถางให้เพื่อนๆ ในกลุ่มฟังเสมอว่า
    “อีโธ่จะให้ไปเสียเงินกับหมูใส่กระโปรงสีชมพูล่ะก็กู….(ถ้อยคำหยาบคายและไม่ควรตีแผ่หมายถึงกิริยาอาการที่ผู้ชายสำเร็จความใคร่ด้วยตัวเอง)”  

    แต่เมื่อได้เจอน้องแพรวในชื่อร้านที่ไม่ควรเจอ ทุกอย่างเปลี่ยนไป น้องแพรวทำให้เขากลายเป็นแมวเชื่องและกระหายที่จะร่วมรักอยู่ตลอดเวลา เธองามเหมือนดารามีนัยตาเหมือนสาวแขก อกโตเป็นภูเขาจำลอง มีเรียวขางามยิ่งกว่ามิสไทยแลนด์เวิลด์

    จากคุณ : เดอะแหลม - [ 31 พ.ค. 49 10:23:36 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป