เรื่องราวของคนเหงาๆ สองคนที่ต่างมาพบกันเพื่อจะเติมเต็มความรักให้ล้นหัวใจ
+++++++++++
เริ่มต้นเรื่องราวทั้งหมดล้วนเกิดขึ้นเพราะเหตุบังเอิญครั้งแล้วครั้งเล่าราวกับสวรรค์แสร้งแกล้งให้หัวใจของฉันได้เติมเต็มด้วยสิ่งที่เรียกว่า ความรัก
หัวใจที่แห้งแล้งและห่อเหี่ยวกับโลกแห่งความจริงซึ่งต้องยืนหยัดบนสองขาของตนเอง นานๆ ครั้งจึงจะมีแสงสว่างแห่งความหวังแค่เพียงรำไร
โลกของฉันได้ดับลงตั้งแต่สองปีที่แล้ว เมื่อพ่อแม่เสียชีวิตลงเพราะอุบัติเหตุ ฉันก็สิ้นหลักพยุงและกำลังใจ ทั้งๆ ที่อีกแค่สี่เดือนหรือหนึ่งภาคเรียนก็จบการศึกษา พ่อแม่ซึ่งมีความหวังเต็มเปี่ยมอยากจะเห็นลูกในงานรับปริญญากลับไม่มีโอกาสจะได้กระทำดังใจปรารถนา
ฉันเริ่มเขียนบันทึกลงสมุดครั้งแรกหลังจากผู้ให้กำเนิดเสียชีวิตประมาณสี่เดือนและจบการศึกษาระดับปริญญาตรีได้เพียงไม่กี่วัน
ฉันต้องอาศัยอยู่ในบ้านเช่าหลังเล็กๆ ท้ายซอยกับเงินประกันจากการเสียชีวิตของพ่อแม่ ส่วนญาติพี่น้องก็ดูเหมือนจะไม่มี พ่อกับแม่ไม่ได้ติดต่อญาติๆ มานาน พวกท่านกล่าวเพียงว่าพวกเรายากจนเกินกว่าจะไปรบกวนใคร ฉันจึงไม่เคยใส่ใจต่อสิ่งรอบกาย โลกของฉันมีเพียงพ่อกับแม่เท่านั้น ดังนั้นโลกจึงมืดดับตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้รับข่าวร้าย
ท่ามกลางชีวิตที่เคว้งคว้างไร้หลักยึดเหนี่ยว ฉันยังโชคดีที่มีเพื่อนรักอย่างระริน ผู้แนะนำให้ฉันลองจดบันทึกเพื่อระบายความในใจ อีกทั้งยังยัดเยียดตำแหน่งงานในบริษัทของครอบครัวให้ฉันทำ
เริ่มจดบันทึกได้สองวันก็มีเรื่องน่าสนใจทำให้หัวใจเต้นแรง เป็นเหตุบังเอิญครั้งแรกที่ทำให้หัวใจกระตุก สมองฟุ้งซ่านน่าดู
วันนั้นเป็นวันแรกที่ระรินให้ฉันลองแวะไปทดลองทำงานที่บริษัท เพื่อนรักแสนดีมาคว้าตัวฉันถึงบ้านตั้งแต่เช้าตรู่ เราขึ้นรถไฟฟ้าไปด้วยกัน แต่ที่สำคัญคือเหตุการณ์ต่อจากนั้นต่างหาก
วันที่... มีนาคม พ.ศ...
ฉันกับระรินอยู่บนรถไฟฟ้า ขณะที่รถไฟฟ้าจอดรับส่งผู้โดยสารที่สถานีสยาม เพื่อนรักของฉันก็ทำท่าขยุกขยิกชี้ให้ฉันมองไปยังประตูฝั่งตรงข้ามพร้อมทั้งลากฉันขยับไปใกล้ประตู
ชายหนุ่มสามคนที่ฉันแน่ใจว่าใครเห็นก็ไม่มีทางมองข้ามไปได้ ผู้ชายร่างกายสูงใหญ่เหมือนกำแพงถึงสามคน และที่สำคัญทั้งหมดหน้าตาดีมากๆ ๆ ๆ
ชายคนแรกหน้าตาแบบลูกเสี้ยว ตะวันออกและตะวันตก หน้าตาซึ่งรวมส่วนดีจากสองซีกโลกไว้ด้วยกัน อีกทั้งนัยน์ตาสีฟ้าซึ่งมองเหมือนท้องฟ้าสดใสกับรอยยิ้มอบอุ่นละมุน
ชายคนที่สองรูปร่างหน้าตาดีแบบหนุ่มยุโรป ผมเกรียน เคราสีน้ำตาลเข้ม ดวงตาสีฟ้าเบิกบานเต็มไปด้วยอารมณ์ขันและมองโลกในแง่ดี
ชายคนที่สามหล่อประณีตแบบผู้ดีทั้งเนื้อทั้งตัว ท่วงท่าสง่างามและไว้ตัว ดวงหน้าเคร่งขรึม ดวงตาสีฟ้าอมเทาเคร่งเครียดจริงจัง
ธราชอบคนไหนล่ะ แหม...หล่อชวนกรี๊ดทุกคนเลย เพื่อนสาวนักจัดการแอบกระซิบถามข้างหู ขณะที่ฉันยืนกระสับกระส่ายเพราะสายตาสีฟ้าอมเทาซึ่งจ้องอย่างเอาเป็นเอาตาย
ฟังสิ ฟัง ระรินกระซิบอีกที
ใช่สิ... พวกเขากำลังคุยกันด้วยภาษาอังกฤษซึ่งฉันฟังออกแบบกระท่อนกระแท่นเต็มที
ปีบ หายงอนนายหรือยังล่ะเบน ชายหนุ่มดวงตาอบอุ่นถามหนุ่มไว้เครา
อลัน นายไม่ต้องห่วงหรอก ห่วงคนสำคัญที่ภูเก็ตของนายดีกว่า ปล่อยทิ้งไว้คนเดียวได้ยังไง? ระวังจะถูกโทนี่ตีท้ายครัวเอา
ชายหนุ่มหน้าเคร่งหันมองผู้ร่วมทางทั้งสอง ก่อนจะแค่นหัวเราะในลำคอเบาๆ
พวกนายตั้งใจแกล้งฉันใช่ไหม? พวกหัวใจมีเจ้าของแล้ว แต่ฉันคงไม่ชอบคนต่างชาติต่างภาษาเหมือนพวกนาย
เอ๋... พวกเราแกล้งอะไรคุณหรือครับ คุณทอม อังเคิ้ลสุดที่รัก หนุ่มเคราสีน้ำตาลทำเหมือนแสร้งถามเพราะดวงตาพราวระยับด้วยอารมณ์ขันอย่างซ่อนไม่อยู่
พวกนายอยากให้อังเคิ้ลแก่ๆ คนนี้แต่งงานสักทีใช่ไหม? ก็แต่ละคนที่พวกนายแนะนำให้...ไม่ไหว ฉันเห็นอีตาฝรั่งหน้าเครียดส่ายศีรษะปฏิเสธ แต่ดวงตาไม่วายจะเหลียวมาจ้องทางฉันกับเพื่อน
ท่าทางเขาจะไม่ชอบคนไทย คนต่างชาติต่างภาษากับเขา จึงจ้องเอาเรื่องไม่เลิกลา ระรินไม่น่าจะไปยืนใกล้ๆ ฟังคนเหล่านี้คุยกันเลย
หึ... ฉันก็ไม่ชอบคนต่างชาติต่างภาษาเหมือนกันนั่นแหละ แถมรู้สึกแปลกๆ ทุกครั้งที่เห็นผู้หญิงไทยควงแขนกับหนุ่มชาติตะวันตก เสียดุลการค้าน่าดู!
ทว่าฉันก็อดขาสั่นๆ ใจหวิวๆ ไม่ได้ เมื่อเห็นแววตาเคร่งๆ มองมาด้วยสายตาแปลกๆ
นั่นเป็นเหตุบังเอิญครั้งแรกที่ทำให้ใจฉันกระตุกขึ้นมา เอ... หรือเพราะว่ารู้สึกหมั่นไส้นายฝรั่งตัวโย่งหน้าบูดคนนั้น แน่นอน... ฉันไม่เคยคาดว่าจะเจอใครในกลุ่มนี้อีก
วันที่... เมษายน พ.ศ....
หนึ่งเดือนต่อมาฉันกลับพบกับเหตุบังเอิญอีกครั้ง หลังจากเข้ามาทำงานในบริษัทของครอบครัวระรินอย่างเต็มตัว หลังเลิกงานเพื่อนสาวกับวัฒน์คู่หมายซึ่งเป็นผู้ช่วยผู้จัดการแผนกบัญชีก็ชวนฉันไปทานอาหารเย็นเพื่อฉลองเงินเดือนออกครั้งแรก
คุณวัฒน์นำฉันกับระรินไปที่ร้านอาหารกึ่งผับแห่งหนึ่งย่านสุขุมวิท ในบรรยากาศสลัวเล็กน้อยกับเสียงเพลงคลอเพียงเบาๆ เพื่อนรักกับแฟนหนุ่มนั่งจิบไวน์ละเลียดอาหารมองตากันราวกับอยู่กันแค่เพียงสองคน
แหม... ช่างเหลือเกินจริงๆ รู้ไหมคนนั่งใกล้เริ่มตาร้อนผ่าวด้วยความอิจฉาแล้วล่ะซี
ฉันกวาดตามองโต๊ะรอบข้างไปเรื่อยๆ แต่สายตาเจ้ากรรมดันเหลือบไปเห็นผู้มาใหม่ นายฝรั่งตัวโย่งหน้าบูดคนนั้นฉันจำได้แม่นยำ และเขากำลังดิ่งตรงมาทางนี้
ระริน ฉันรีบหันไปเรียกและสะกิดเพื่อนทันที ทว่าไม่ทันที่ระรินจะพูดอะไรออกมาขายาวๆ ก็นำฝรั่งร่างสูงมาถึงโต๊ะ
ไฮ! ทอม แฟนของระรินร้องทักพร้อมจับมือทักทายแขกที่ฉันไม่ต้องการ และตลอดเวลาที่พวกเขาคุยกันนัยน์ตาสีฟ้าอมเทาก็จ้องมาทางฉันไม่ละสายตา
โอย...รู้ไหมฉันเกลียดขี้หน้านายน่าดู!
ดีที่เขาแวะคุยกับคุณวัฒน์อยู่สองสามคำแล้วก็เดินจากไป
วันนี้เองฉันจึงได้รู้ประวัติของนายฝรั่งหน้าเคร่งท่าเนี้ยบคนนี้แบบเต็มๆ จากปากของคุณวัฒน์ซึ่งตั้งใจเล่าให้ระรินฟัง
ทอม หรือโธมัส โกรเซอร์ เป็นอาของอลัน เพื่อนของวัฒน์อีกที อลันผู้ชายตาสีฟ้าสดใส และโธมัสยังเป็นน้าชายของหนุ่มหล่อเคราสีน้ำตาลที่ชื่อเบน แน่นอนนั่นก็คืออีกสองหนุ่มที่เคยเจอในรถไฟฟ้า
วัฒน์เล่าว่าทั้งอลันและเบนจะแต่งงานกับสาวไทย ทำให้อาหนุ่มหัวอนุรักษ์นิยมอย่างโธมัสเดินทางมาถึงประเทศไทยเพื่อบุกมาดูว่าที่หลานสะใภ้ทั้งสองคน
โธมัส เป็นศาสตราจารย์มีชื่อด้านโบราณคดีคนหนึ่งของอังกฤษ หัวดีเข้าขั้นอัจฉริยะ เรียนจบปริญญาเอกตั้งแต่อายุยี่สิบสองปี เพราะความที่เป็นอัจฉริยะสมบูรณ์แบบในทุกด้านทำให้ไม่ลงเอยกับผู้หญิงคนใด ไม่มีผู้หญิงคนไหนจะสมบูรณ์แบบเหมาะกับอังเคิ้ลทอม
ถ้าให้ฉันสรุป ฉันคิดว่าเพราะอีตาทอมขี้เก๊กมีหัวใจเย็นชาไม่รู้จักรักใครต่างหากเล่า มองอะไรก็เคร่งครัดเคร่งเครียดไปหมด ใครจะทนอยู่กับคนแบบนี้ได้ ฉันคิดไม่ออกจริงๆ
จากคุณ :
samita
- [
31 พ.ค. 49 10:26:41
]