CafeTech-ExchangePantip MarketChatPantownBlogGangTorakhongGameRoom


    “รักแตกต่าง...ที่เติมเต็ม”

    “ตอนเย็นจัดงานแบบค็อกเทลริมสระว่ายน้ำนะวี”
    “แบบบุพเฟ่ ในห้องจัดเลี้ยงน่าจะดีกว่า เพื่อน ๆ จะได้สังสรรค์กันเต็มที่  หาวงดนตรีเล่นมันส์ ๆ หน่อย”
    “แหม สนามข้างสระว่ายน้ำก็ตั้งวงดนตรีเล่นได้นี่”
    “แถวสระว่ายน้ำในโรงแรมใช้เสียงดังมากไม่ได้นะ แขกคนอื่น ๆ รำคาญแย่”
    “งานแต่งงานนะวี  ไม่ใช่งานเลี้ยงรุ่นซะหน่อย ไม่รู้ละนุชจะจัดแบบค็อกเทลข้างสระว่ายน้ำ”
    “เอาแต่ใจตัวเองทุกทีเลย ฟังเหตุผลคนอื่นบ้างสิ งานแต่งผมเหมือนกันนะ”
    “เชอะ ตัวเองก็เหมือนกันแหละ เคยยอมรับความคิดเห็นนุชบ้างหรือเปล่า”

    ตลอดระยะเวลาห้าปีที่คบกันมา จะมีเรื่องไหนสักกี่ครั้งที่ความเห็นเราตรงกันบ้างนะ  ตั้งแต่แรกเริ่มได้รู้จักกับปวีร์  ชายหนุ่มร่างสูงโปร่ง หน้าคมเข้มแบบไทย ๆ  ผิวขาวราวไข่ปอก  บุคลิกโดดเด่นไม่เหมือนใคร  ช่างสะดุดตานุชนารถยิ่งนัก  มีหรือสาวมั่นอย่างเธอจะยอมให้เขาผ่านเลยไปได้ง่าย ๆ  หลังจากได้เจอกับปวีร์ครั้งแรกในงานวันเกิดของฟ้ารุ่ง เพื่อนที่ทำงานเดียวกัน โดยปวีร์เป็นเพื่อนเรียนมหาวิทยาลัยเดียวกันกับฟ้ารุ่ง  นุชนารถแอบขอเบอร์โทรของปวีร์จากฟ้ารุ่ง เธอเป็นฝ่ายเริ่มต้นสานสัมพันธ์ก่อน  เขาเองก็มิได้ปฏิเสธมิตรไมตรีนั้น

    “วันนี้กินพิชซ่ากันนะคะ วี”
    “แต่ผมไม่ชอบกินนี่นา”
    “โห นาน ๆ ที”  นุชนารถทำหน้าอ้อนวอนให้ปวีร์ยอมใจอ่อน
    “กินสุกี้ดีกว่า”
    “เบื่อแล้ว เพิ่งกินไปเมื่ออาทิตย์ก่อนเอง”  
    “แต่ผมว่ามันอร่อยกว่าตั้งเยอะ ไว้คราวหน้าค่อยกินพิชซ่าละกัน” ปวีร์กล่าวสัญญาทิ้งท้ายก่อนเดินจูงมือนุชนารถเดินตรงไปยังร้านสุกี้ชื่อดัง
    “ไม่ได้ดังใจเลยจริง ๆ วีเนี่ย”  เสียงคนถูกจูงบ่นต่อว่าคนรัก

    เหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นเสมอในการนัดเจอกัน ด้วยความชอบที่ต่างกันสุดขั้ว นุชนารถคาดไม่ถึงจริง ๆ ว่าระหว่างปวีร์และเธอ  มีความเห็นขัดแย้งถกเถียงกันในเรื่องจุกจิกอยู่เป็นประจำ

    เขาชอบกินไอติมวานิลา  แต่เธอชอบกินไอติมช็อคโกแลต…

    เขาชอบดูหนังแนวฆาตกรรม  แต่เธอชอบดูหนังผี…

    เขาชอบไปเที่ยวภูเขา  แต่เธอชอบไปเที่ยวทะเล…

    เขาสูบบุหรี่  แต่เธอเกลียดคนสูบบุหรี่…

    บางคนอาจมองว่าไม่ใช่เรื่องใหญ่  แต่สำหรับคนสองคนที่ใช้เวลาอยู่ร่วมกันเพื่อคบหาดูใจแล้ว นับว่าเป็นสาเหตุอันก่อให้เกิดการทะเลาะกันอยู่บ่อยครั้ง  

    “ทำไมต้องซื้อแต่ร้านนี้เท่านั้นด้วย  เสียเวลาวนหาที่จอดรถหลายรอบแล้วยังไม่ได้เลย”
    “ของเขาดีนี่  ไม่เหมือนที่อื่น”
    “แค่สบู่ล้างหน้าเนี่ยนะ”
    “ก็ใช่สิ  สำคัญสุดเลย ใช้แล้วหน้าใส สิวหายเกลี้ยง ดูหน้านี่สิเห็นมั้ย” นุชนารถเอียงหน้าเข้าไปใกล้ ๆ ให้เขาดู
    “ไร้สาระ”
    “ไร้สาระตรงไหน ว่ามาสิ”
    “ผมไม่เห็นต้องใช้อะไรยุ่งยากเลย สบู่ธรรมดาทั่วไปก็เหมือนกันแหละ ดูหน้าผมสิไม่เห็นจะเป็นไร”
    “นุชไม่ได้ผิวแห้งละเอียดอย่างวีนี่นา  หน้ามัน  สิวขึ้นง่ายจะตาย”
    “เฮ้อ.. คิดไปเองละไม่ว่า”  ปวีร์แสดงความเบื่อหน่ายในเหตุผลของเธอ
    “นี่วี  เคยเข้าใจอะไรนุชบ้างมั้ย”
    “ไม่ได้ว่าอะไรนี่ แค่รู้สึกว่ามันไร้สาระ”
    “อีกแล้วนะ คำก็ไร้สาระ สองคำก็ไร้สาระ ไม่เต็มใจมาส่งคราวหน้าบอกมาตรง ๆ สิ”
    “อ้าว คนเขาอุตส่าห์มาส่งแล้วยังไม่พอใจอะไรอีก”
    “ขอบใจนะที่อุตส่าห์เสียเวลามาส่ง  เดี๋ยวนุชกลับเองก็ได้ไม่รบกวนแล้ว”

    นุชนารถรีบก้าวลงจากรถทั้ง ๆ ที่ปวีร์ยังวนหาที่จอดรถไม่ได้  จากนั้นเธอไม่ยอมรับโทรศัพท์จากเขาอีก  ทำไมต้องมาทะเลาะกันด้วยเรื่องหยุมหยิมแบบนี้  ปวีร์ช่างไม่เคยเข้าใจในตัวเธอเลย

    “นั่งเหม่อ คิดอะไรอยู่ละ นุช”  ฟ้ารุ่งกล่าวทัก แล้วลากเก้าอี้ลงนั่งข้าง ๆ
    “อ้าวฟ้า มาตั้งแต่เมื่อไหร่”  นุชนารถแอบมานั่งดื่มกาแฟอยู่ในมุมกาแฟที่ทางบริษัทจัดไว้ให้พนักงาน ด้วยเพราะเธอกำลังกลุ้มใจคิดมากเรื่องระหว่างเธอและปวีร์
    “คิดเรื่องเจ้าวีอยู่ละสิ”
    “นิดหน่อยจ๊ะ แค่เราคิดว่าบางทีระหว่างวีกับเรา อาจไปกันไม่รอด”
    “เฮ้ย..ทำไมคิดแบบนั้น”
    “ฟ้าก็เห็นนะ  ตั้งแต่คบกันมาเราสองคนคิดอะไร ชอบอะไร ไม่เหมือนกันเลย ทะเลาะกันด้วยเรื่องพวกนี้ประจำ”
    “แต่ก็ใช่ว่าจะทุกครั้งทุกเรื่องเสมอไปนี่”
    “มันก็จริง แล้วถ้าต่อไปต้องอยู่ด้วยกันจะไม่ยิ่งกว่านี้เหรอ  ระหว่างนุชกับวี เราเข้ากันไม่ได้ในหลาย ๆ อย่าง”
    “แล้วนุชรักวีหรือเปล่า”
    “รักสิจ๊ะ ไม่งั้นจะคบกันมาจนป่านนี้เหรอ”
    “ฉันไม่รู้ว่าระหว่างเธอและวีจะเป็นอย่างไรต่อไปหรอกนะ”
    ฟ้ารุ่งหันมองหน้าใส ๆ เกลี้ยงเกลาของนุชนารถอีกครั้ง ก่อนที่จะพูดต่อ  
    “แต่ฉันมีเรื่องของคนข้างบ้านเล่าให้ฟังนะ  คู่สามีภรรยาคู่นี้เขาทะเลาะกันบ่อย ๆ  ตั้งแต่เริ่มแต่งงานจนมีลูกแล้วสองสามคน  ฉันก็เห็นเขาสองคนอยู่ด้วยกันจนถึงป่านนี้ไม่มีวี่แววจะเลิกราให้เห็น   ฉันเองไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมถึงทนอยู่กันได้  เคยแอบถามฝ่ายหญิงว่าไม่เบื่อบ้างเหรอเจอแบบนี้บ่อย ๆ แกบอกว่าเรื่องธรรมดาจะตาย   มันไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอะไร  ตราบใดสามีแกไม่นอกใจไปมีคนใหม่ ยังคงรักลูกรักแกเหมือนเดิม ที่สำคัญแกบอกว่า  บางอย่างบางเรื่องต้องมีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งยอม ๆ กันบ้าง มันไม่มีหรอกที่จะเข้าใจตรงกันทุกเรื่อง เห็นดีด้วยกันทุกอย่าง”
    “อืมม…”  นุชนารถนั่งนิ่งไปหลังจากฟังในสิ่งที่เพื่อนเธอเล่า  
    “อ้าวนั่น เงียบไปเลยเหรอ  งั้นฉันไปทำงานก่อนนะ”  
    ฟ้ารุ่งพูดขอตัวแล้วลุกขึ้นหันหลังกลับ กำลังจะเดินออกไป
    “ขอบใจนะฟ้า”
    “ไม่เป็นไรจ๊ะ แค่เล่าในสิ่งที่ได้รู้ได้เห็นมาเท่านั้นเอง”  ฟ้ารุ่งยิ้มให้กับนุชนารถ แล้วเอามือตบบ่าเบา ๆก่อนเดินออกไปจากตรงนั้น  ทิ้งให้นุชนารถยังคงนั่งคิดเงียบ ๆ ลำพัง  เธอทบทวนในสิ่งที่ได้ฟังแล้วจึงตัดสินใจเดินกลับไปยังโต๊ะทำงานแล้วหยิบโทรศัพท์กดโทรออก ลุ้นในใจระหว่างรอให้คนปลายสายรับ  แล้วส่งเสียงทักทายเธอ

    “สวัสดีจ๊ะคนดี  หายโกรธผมแล้วเหรอ”
    “เย็นนี้มารับนุชนะคะ หาอะไรอร่อย ๆ กินกัน”

    สิ่งที่ฟ้ารุ่งเล่ามาทั้งหมด มีให้เห็นทั่วไปในสังคมไม่ใช่หรือ  ทำไมเธอไม่นึกถึงมันมาก่อนเลย  คิดแค่ว่าถ้าคนรักกันควรจะต้องเข้าใจกันในทุกเรื่อง เห็นตรงกันในสิ่งที่ทำ ถึงจะสามารถอยู่ด้วยกันได้  ชีวิตจริงคงไม่มีใครสมบูรณ์แบบไปซะทุกอย่างเป็นแน่

    แค่เราเข้ากันไม่ได้…ใช่ว่าเราไม่รักกัน

    บรรยากาศงานเลี้ยงฉลองการแต่งงานสนุกครึกครื้น ตามความต้องการของคู่บ่าวสาว นุชนารถและ ปวีร์เลือกให้มีการจัดงานในห้องจัดเลี้ยงเล็ก ๆ ซึ่งมีส่วนเชื่อมต่อออกไปยังสระว่ายน้ำของโรงแรม   ทั้งคู่ตะเวนหาอยู่หลายที่กว่าจะเจอสถานที่ที่ถือว่าเหมาะสมและลงตัวในความต้องการของทั้งสองฝ่าย

    “ขอเชิญคู่บ่าวสาวกล่าวอะไรสักหน่อยครับ”  
    พิธีกล่าวเชิญคู่บ่าวสาว หลังจากการกล่าวอวยพรของแขกผู้ใหญ่จบลง  

    ปวีร์ยื่นมือรับไมค์จากพิธีกรแล้วเป็นฝ่ายเริ่มพูดก่อน
    “ขอบคุณทุกคนมากครับที่ให้เกียรติมาเป็นสักขีพยานในวันนี้  ผมถือว่าเป็นวันที่พิเศษสุดในชีวิตผมเลยครับ ขอบคุณจากใจจริงอีกครั้งครับ”  
    เสียงปรบมือดังขึ้นเมื่อปวีร์พูดจบ  จากนั้นเขาจึงส่งต่อไมค์ไปให้นุชนารถ
    “ขอบคุณเช่นกันคะ รู้สึกตื่นเต้นมาก  งานเลี้ยงวันนี้ถ้าขาดตกบกพร่องอะไรไปต้องขอโทษด้วยนะคะ”  ด้วยความตื่นเต้นทำให้นุชนารถกล่าวเพียงสั้น ๆ ทั้งที่เตรียมบทพูดมามากกว่านี้  เสียงปรบมือดังขึ้นอีกครั้งหลังสิ้นเสียงเธอ

    นุชนารถและปวีร์รู้สึกโล่งใจเมื่อเห็นการดำเนินงานพิธีการทุกอย่างราบรื่น ทั้งคู่จับมือกันเตรียมพร้อมก้าวลงจากเวที

    แต่...  พิธีกรยังไม่ยอมให้คู่บ่าวสาวลงจากเวทีในทันที  
    “ว่าแต่ทั้งคู่คิดไว้หรือยังครับว่าจะมีลูกสักกี่คน”

    นุชนารถและปวีร์ หน้าแดงด้วยความอาย  พร้อมทำหน้าเหรอหราคาดไม่ถึงว่าพิธีกรจะถามอะไรนอกบทที่เตรียมไว้
    “ว่าไงครับ เจ้าบ่าว”  พิธีกรไม่ถามเปล่า ยังยื่นไมค์มาจ่อปากของปวีร์ในทันที
    “เอ่อ ไม่ได้คาดหวังอะไรไว้ครับ แต่ถ้าเป็นไปได้ก็อยากมีสัก 3-5 คน”
    “พูดแบบนั้นได้ไง  แค่ 2 คนพอแล้ว”  เสียงเจ้าสาวแย้งขึ้นในทันที
    “ทำไมละมีแยะ ๆ ดีออก จะได้ไม่เหงา”  เจ้าบ่าวกล่าวแทรกโดยไม่รอรี
    “ไม่นะ เหนื่อยตายเลยแบบนั้น”

    เหตุการณ์เริ่มไม่สู้ดีนักเมื่อทั้งคู่เริ่มโต้เถียงขัดแย้งกันเอง  ท่ามกลางสายตาแขกเหรื่อนับร้อย และก่อนที่ทุกอย่างจะแย่ไปกว่านี้  พิธีกรจึงตัดสินใจทำให้พิธีการจบลงอย่างรวดเร็ว

    “ขอเชิญเจ้าบ่าวหอมแก้มเจ้าสาวครับ”  

    เสียงเฮดังลั่นขึ้นพร้อมกัน...

    จากคุณ : ใบเตยหอม - [ 1 มิ.ย. 49 09:07:17 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป