เจ้าเหมียวอย่าซนนักสิ นั่งเฉยๆ ได้ไหม
ฉันร้องบอกเจ้าเหมียว แมวตัวโปรดที่อยู่กับฉันมาตั้งแต่จำความได้
เปล่า....เจ้าเหมียวไม่ได้ซนอะไร .....มันไม่มีทางวิ่งไปใต้เตียง กระโดดขึ้นไปบนโต๊ะ กระโจนออกไปทางประตู มันไม่สามารถขยับตัวได้เสียด้วยซ้ำ เพราะมันเป็นเพียงตุ๊กตาแมวเก่าๆ สีซีดๆ ตัวหนึ่งเท่านั้น หูข้างหนึ่งหลุดหายไป ขาหน้าช้างหนึ่งบิดเบี้ยวผิดรูป เพราะผลงานของเครื่องซักผ้าครั้งแล้วครั้งเล่า
แม่บอกว่าฉันติดเจ้าเหมียวตั้งแต่แบเบาะ ฉันก็รักเจ้าเหมียวที่สุด ฉันจะนอนไม่หลับถ้าไม่ได้มีเจ้าเหมียวอยู่ในมือ จับหูจับหางมันเล่นจนกว่าจะหลับไป เวลาไปเรียนหนังสือฉันมักจะเอาเจ้าเหมียวใส่กระเป๋าไปด้วยเสมอ และจะหยิบขึ้นมาจับเล่นในยามว่าง ไม่สนใจว่าใครจะว่าล้อเลียน แมวสกปรก..แมวขยมอมแมะ...สารพัดจะสรรหามาว่า แต่ฉันไม่สนใจ และคิดว่าจะขาดมันไม่ได้ โดยเฉพาะในช่วงหลังของชีวิต
ฉันพูดราวกับว่ามันชีวิต เพราะฉันต้องการให้มันมีชีวิตจริงๆ จะได้หายเหงา มันเป็นความฝันแบบเด็กๆ ที่รู้ว่าไม่มีทางเป็นไปได้ แต่จินตนาการมันเป็นอีกเรื่องหนึ่งที่คู่ขนานไปกับความเป็นจริง
ก่อนฉันจะอายุครบสิบขวบ ฉันมีความทรงจำที่งดงาม... ครอบครัวของฉันอบอุ่นเหลือเกิน
คุณพ่อที่แสนใจดี ขออะไรก็มักจะไม่ขัด คุณแม่ที่ยิ้มง่าย บ่นเก่งแต่ใจดี และเด็กผู้หญิงน่ารักอย่างฉัน... เราสามคนจูงมือกันไปอย่างมีความสุขตามสถานที่ต่างๆ ชายทะเลสดงาม ภูเขาเขียวขจี ห้างสรรพสินค้าน่าตื่นตาตื่นใจกับผู้คนสิ่งของมากมายและของเล่นที่ถูกใจ มือน้อยๆของฉันทั้งสองข้างมักจะถูกเกาะกุมด้วยมืออบอุ่นของพ่อและแม่เสมอ ในตอนที่ฉันตื่นเต้นและไม่แน่ใจขณะนั่งอยู่บนม้าโยก สายตาของพ่อและแม่จะมองมาอย่างให้กำลังใจจนฉันหายจากอาการหวาดกลัว และคิดว่าชีวิตฉันจะอบอุ่นมั่นคงเช่นนั้นตลอดไป
แต่ฉันคิดผิด
ฉันเองก็ไม่ทราบว่าเกิดอะไรขึ้น พ่อแม่ เริ่มพูดคุยกันน้อยลง ทั้งสองคนเริ่มกลับบ้านช้ากว่าที่เคยเป็น บรรยากาศในบ้านค่อยๆ ทวีความเย็นชาและตึงเครียดขึ้นเรื่อยๆ รอยยิ้มและเสียงหัวเราะหายไปกับกาลเวลาอันโหดร้าย จากที่เคยนั่งรถยนต์ไปโรงเรียนกับพ่อกลายเป็นนั่งรถโรงเรียน หลังอาหารเช้าจืดชืดที่แม่เตรียมไว้ให้ หลายครั้งที่ฉันกลับจากโรงเรียนโดยพ่อแม่ยังไม่กลับบ้าน ฉันต้องเป็นคนเปิดประตูบ้านเอง และอยู่กับทีวี แน่นอน..กับเจ้าเหมียวตัวโปรดด้วย
พอฉันเรียนมัธยมต้น สามารถเดินทางไปโรงเรียนเองได้แล้ว ความห่างเหินระหว่างพวกเราก็มากขึ้นจนน่ากลัว คุณเคยเห็นครอบครัวซึ่งพ่อแม่ลูกอยู่ในบ้านหลังเดียวกันแต่แทบไม่เจอกันไหม..มันเป็นเรื่องที่น่ากลัวมากกว่าจะน่าหัวเราะ บางครั้งที่บังเอิญอยู่ด้วยกันพร้อมหน้า แต่หน้ากากแห่งความเย็นชากางกั้นพวกเราออกจากกันราวอยู่คนละฝั่งของฟากแม่น้ำ ฉันอยากกอดคนทั้งสอง อยากเห็นรอยยิ้มของท่าน อยากให้พวกท่านมองหน้ากันด้วยรอยยิ้มและจูงมือฉันไปไหนต่อไหนอย่างเช่นเคย อยากได้อ้อมแขนที่อบอุ่นกลับคืนมา อยากได้สิ่งที่ดีๆคืนมา.. แต่ฉันทำได้เพียงนั่งเฉยๆเท่านั้น
บางครั้งคุณพ่อกลับบ้านเร็ว แต่ฉันแทบไม่มีโอกาสพูดคุยกับท่าน
คุณพ่อมักจะหลบไปดื่มเหล้าเงียบๆ อยู่คนเดียวในห้องครัว สีหน้าท่าทางเต็มไปด้วยความทุกข์จนกระทั่งเด็กอย่างฉันสังเกตได้
และคำพูดที่ฉันไม่เคยลืม
คุณพ่อรักหนูนะลูก อยากจะอยู่กับหนูนานๆ แต่......
จากนั้นคุณพ่อก็น้ำตาซึม ไม่พูดอะไรอีกต่อไป
ใช่แล้ว...ฉันไม่เคยสงสัยความรักของพ่อเลย คุณพ่อไม่เคยตีฉัน อย่างมากก็พูดอะไรหนักๆไม่กี่คำ แต่มีผลและมีความหมายมากกว่าเสียงบ่นของคุณแม่ครึ่งวัน ฉันยังจำได้วันที่ฝนพรำฉันเผลอบ่นกับคุณพ่อว่าอยากกินราดหน้าร้านปากซอย ท่านหายไปตอนไหนไม่ทันสังเกตแต่กลับมาพร้อมด้วยห่อราดหน้าและเสื้อผ้าที่เปียกชื้น นั่นคือคุณพ่อของฉันที่สามารถทำได้ทุกอย่างเพื่อลูก
พ่อหายไปครั้งละหลายๆวัน และเริ่มนานขึ้นเรื่อยๆ แม่กลับบ้านหลังจากที่ฉันขึ้นนอนแล้ว และเมื่อฉันออกจากบ้านแม่ยังไม่ตื่นนอน กระนั้นหลายครั้งที่ฉันตื่นกลางดึกเมื่อได้ยินเสียงประตูรั้วเปิด คุณแม่กลับบ้านโดยมีใครบางคนมาส่ง น่าเศร้าที่คนๆนั้นไม่ใช่คุณพ่อ
คุณแม่เริ่มหายไปทีละหลายวันเหมือนคุณพ่อ และทอดระยะห่างออกไปเรื่อยๆ ฉันมักเจอแต่กระดาษโน๊ตข้อความสั้นๆ ...ดูแลตัวเองนะลูก....อะไรประมาณนี้ ไม่น่าเชื่อว่าฉันต้องอยู่อย่างโดดเดี่ยวอ้างว้างแบบนี้ พวกผู้ใหญ่เขาเป็นอะไรกัน
ฉันได้แต่มองคืนวันที่ผ่านไปอย่างหม่นมัว นอนกอดเจ้าเหมียว และร้องไห้อยู่คนเดียว เพราะเริ่มรู้ว่าฉันกำลังจะสูญเสียพวกท่านไปแล้ว สูญเสียสิ่งดีๆที่เคยได้รับ คุณพ่อคุณแม่ขา..หนูรักพ่อรักแม่ กลับมาหาหนูได้ไหม...อย่างทิ้งหนูไว้แบบนี้ หนูจะเป็นเด็กดีจะตั้งใจเรียนให้มากกว่าเดิม ยิ้มและหัวเราะให้กัน จูงมือหนู กอดหนูอย่างที่เคยทำได้ไหมคะ....กรุณาเถอะ..พระผู้เป็นเจ้าหรือภูตผีปีศาจตนใดก็ได้..ฉันเฝ้าภาวนาแบบนี้จนหลับไปกับเจ้าเหมียว....และแทบทุกคืน
คุณครูเคยบอกว่าคนเราถ้ามุ่งมั่นอะไรสักอย่างมันจะประสบผลสำเร็จ ฉันไม่อยากเชื่อแต่มันก็เป็นสิ่งที่น่าลองทำดู ฉันพร่ำภาวนาอธิษฐานทุกวันทุกคืน ขอให้ชีวิตครอบครัวที่อบอุ่นกลับคืนมา โดยแลกกับการที่ฉันจะเป็นเด็กดีไม่เกเร จะขยันทำการบ้าน จะช่วยคุณแม่กวาดบ้านถูบ้านทำกับข้าว จะช่วยคุณพ่อล้างรถและตัดหญ้าบริเวณสนามหน้าบ้าน ทำงานทุกอย่างให้คุณพ่อคุณแม่ชื่นใจ
+++++++
ลูกจ๋า....ตื่นได้แล้ว เดี๋ยวจะไปโรงเรียนสาย
ฉันลุกขึ้นจากเตียง ขยี้ตาอย่างงุนงง นั่นมันเสียงคุณแม่ชัดๆตอนแรกยังคิดว่าฝันไปเลย
คุณแม่ตัวจริงเสียงจริง ท่านจ้องมองมาด้วยสายตาอบอุ่นอย่างที่เคยเห็นเมื่อนานมาแล้ว และมือที่กำลังลูบหัวฉันอย่างนุ่มนวลนั่นก็เป็นมือของท่านจริงๆอย่างไม่ต้องสงสัย
คุณแม่กลับมาแล้วหรือคะ
ฉันหลุดปากถามออกไปแบบไม่ตั้งใจ ความปลาบปลึ้มใจประทุขึ้นมาจนโลกทั้งโลกเหมือนสว่างไสวและอบอุ่นสวยงามขึ้นมาแบบทันทีทันใด แม่ยิ้มขณะค่อยๆดึงตัวของฉันให้ลุกขึ้นจากเตียง
แม่กลับมาแล้วลูกรัก อะไรก็ไม่รู้ดลใจให้แม่คิดถึงลูกขึ้นมาอย่างไม่มีสาเหตุ ทำไมแม่ถึงลืมเด็กดีแบบลกไปได้นะ
ขณะที่พูด แม่น้ำตาคลอ ฉันรู้ว่าท่านสำนึกเสียใจ สิ่งที่ทำได้นั้นนั้นคือโผเข้ากอดคุณแม่อย่างแสนรักแสนดีใจ คุณแม่กลับมาแล้ว.....
คุณพ่อล่ะคะ
ฉันนึกถึงคนสำคัญอีกคนขึ้นมาได้ คุณแม่มีสีหน้าสลดลงวูบหนึ่งก่อนส่ายหน้าช้าๆ ซึ่งถึงท่านไม่ตอบฉันก็พอจะรู้ว่าคุณพ่อยังไม่กลับมา โอ..คุณพ่อของหนู อยู่ไหนนะ....ทำไมไม่กลับมาหาหนู คุณแม่ก็กลับมาแล้ว หรือว่าพ่อลืมพวกหนูไปแล้ว ไม่เป็นไร คืนนี้หนูกับเจ้าเหมียว และคุณแม่..พวกเราจะตั้งจิตภาวนาอธิษฐานให้คุณพ่อกลับมาหาพวกเรา ทำให้ครอบครัวอบอุ่นอีกครั้ง ในเมื่อคุณแม่กลับมาแล้วทำไมคุณพ่อจะกลับมาไม่ได้
แต่ความจริงฉันและแม่ไม่ต้องรอนานเลย คืนนั้นเสียงกริ่งหน้าประตูดังขึ้น อะไรบางอย่างบอกว่าสิ่งดีๆกำลังจะกลับมา ใช่แล้ว คุณพ่อของฉันกลับมาจริงๆ สายตาที่เต็มไปด้วยความอ่อนโยนและมืออุ่นๆของท่าน
พ่อคิดถึงลูก
นั่นเป็นคำพูดคำแรกของท่านกับใบหน้าเศร้าหากแฝงแววปลาบปลื้มดีใจที่ได้กลับมาหาครอบครัว มันราวกับเป็นความฝันในขณะที่ยังตื่นอยู่ คุณพ่อที่แสนดีของฉันกลับมา ยังจะมีอะไรที่น่าดีใจมากกว่านี้
ความอบอุ่นกลับมาอีกครั้ง ฉันมีความสุขเหลือเกินที่เห็นคุณพ่อคุณแม่หันหน้าเข้าหากัน ยิ้มและพูดคุยกันอีก บรรยากาศที่หนักอึ้งหายไปตั้งแต่บัดนั้น หลายคนไม่ได้โชคดีอย่างฉัน ทำไมผู้ใหญ่หลายคู่จนทนทานไม่ได้กับปัญหาชีวิตคู่จนถึงกับทิ้งลูกๆไว้อย่างโดดเดี่ยวอ้างว้าง บางทีฉันจะได้คำตอบนี้เมื่อโตเป็นผู้ใหญ่ก็เป็นได้ แต่ฉันก็ตั้งใจว่าจะไม่ให้ปัญหาแบบนี้เกิดขึ้นเป็นอันขาด อย่างน้อยฉันก็ตั้งใจแบบนั้น
แม่กลับบ้านเร็วพอๆกับพ่อ ทุกครั้งที่ฉันกลับมาจะเจอท่านทั้งสองอยู่ด้วยกันพร้อมหน้าเสมอ วันหยุดพวกเราไปเที่ยวนอกบ้านด้วยกัน ไปกินอาหารแพงๆ ในบางครั้ง หรือบางทีก็ไปค้างคืนชายทะเลตามที่คุณแม่ชอบ เพราะท่านเป็นคนชอบทะเลเป็นชีวิตจิตใจ ในขณะที่คุณพ่อก็พร้อมเสมอกับครอบครัวและมาหายกลับบ้านดึกๆ หรือไปค้างคืนที่อื่นอีกเลย พวกเรากำลังชดเชยสิ่งที่ขาดนานกันมานาน
++++++
เจ้าเหมียวอย่าซนนักสิ นั่งเฉยๆ ได้ไหม
ฉันร้องบอกเจ้าเหมียว แมวตัวโปรดที่อยู่กับฉันมาตั้งแต่จำความได้ มันนั่งทำตาปริบๆ ครู่หนึ่งแล้วเดินมาเคลียคลออย่างประจบประแจง แม้ว่าหูจะแหว่งไปข้างและขาเป๋ไปข้างหนึ่งมันก็ยังสามารถวิ่งเล่นได้อย่างสนุกสนานภายในบ้านที่อบอุ่น ตอนเช้าคุณแม่จะเตรียมนมอุ่นๆให้มันเสมอ นับว่าเจ้าเหมียวเป็นตุ๊กตาแมวที่มีความสุขตัวหนึ่งเลยทีเดียวแม้ว่าจะมีปัญหากับการลากถุงเท้ารองเท้าของคุณพ่อมากัดแทะเล่นบ้าง ท่านก็ไม่ได้ว่าอะไรมากนัก ตรงกันข้ามท่านกลับเป็นคนจัดซื้ออาหารแมวมาให้ด้วยซ้ำ ไม่มีใครเกลียดมัน เจ้าเหมียวก็จัดว่าเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวเราเหมือนกัน
เห็นไหมว่าครอบครัวฉันอบอุ่นเพียงใด คำพูดของคุณครูพูดถูก ถ้าตั้งใจจริงอะไรก็เกิดขึ้นได้เสมอไม่ว่าจะเป็นผลงานของพระผู้เป็นเจ้าหรือภูติปีศาจตนใดก็ตาม
จะมีก็เรื่องแปลกๆ ที่ฉันไม่สนใจหรือให้ความสำคัญมากนัก ในคืนที่ฝนพรำๆ คืนหนึ่ง เสียงกริ่งหน้าบ้านดังขึ้น ตอนนั้นคุณพ่อและคุณแม่กำลังช่วยกันทำอาหารในห้องครัว ฉันจึงเป็นคนกางร่มเดินไปดูตรงประตูหน้าบ้าน เห็นชายหญิงคู่หนึ่งยืนถือร่มอยู่กลางสายฝนข้างรถเก๋งซึ่งจอดอยู่ใกล้ๆ รูปร่างหน้าตาคลับคล้ายคลับคลาเหลือเกิน
ลูกรัก พ่อกับแม่กลับมาหาหนูแล้ว
เสียงสั่นๆ ของผู้หญิงคนนั้นพูดขึ้นคล้ายจะร้องไห้
พ่อกับแม่คิดดีแล้ว ที่จะคืนดีกันเพื่อเห็นแก่ลูก พวกเราไม่ควรทิ้งลูกให้อยู่ตามลำพังแบบนี้เลย
พวกเราจะอยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตากันอีกครั้ง เป็นครอบครัวที่อบอุ่นเหมือนเดิม
ฉันมองพวกเขาอย่างแปลกใจครู่หนึ่ง ทั้งสองคนดูคุ้นหน้าคุ้นตา แต่กลับรู้สึกห่างเหินโดยไม่มีเหตุผล
หนูไม่รู้จักพวกคุณ
ฉันบอกกับพวกเขา และแปลกใจกับน้ำเสียงที่เฉยชาของตัวเอง สังเกตเห็นสีหน้าท่าทางที่แปลกใจตกใจอย่างชัดเจน
นี่แม่ของหนูนะ หนูจำพ่อกับแม่ไม่ได้เลยหรือ
พ่อกับแม่หนูอยู่ในบ้าน
เราคงจะมีเรื่องอธิบายมากกว่านี้ เคราะห์ดีที่คุณพ่อคุณแม่จูงมือกันเดินออกมาจากบ้านเพื่อดูเหตุการณ์ พวกเราพากันมองผู้มาเยือนอย่างแปลกใจ ในขณะที่ผู้มาเยือนทั้งสองคนเมื่อมองเห็นพวกเราชัดเจนต่างพากันกรีดร้องขึ้นสุดเสียงจนดังไปไกลในค่ำคืนมืดมนฝนพรำและเยือกเย็น...
+++++
จบ
แก้ไขเมื่อ 02 มิ.ย. 49 14:06:50
จากคุณ :
GTW
- [
2 มิ.ย. 49 13:36:58
]