CafeTech-ExchangePantip MarketChatPantownBlogGangTorakhongGameRoom


    ชินกับชุน ตอน 16 ตอนจบ

    ตอน 16

    ชุนเอามือล้วงกระเป๋าเสื้อกันหนาวเดินย่ำเท้าไปตามทางใน

    สวนออกกำลังกาย เขาก้มมองเข็มนาฬิกาข้อมือชี้ที่เลข

    สิบ สายจนป่านนี้แต่อากาศก็ไม่ได้แตกต่างจากเมื่อตอน

    เช้าเท่าใดนัก รองเท้าผ้าใบของชุนเปียกน้ำค้างบนต้น

    หญ้าที่เขาเดินย่ำ แต่ชุนก็ไม่ได้ใส่ใจนัก

    หมอกลงหนาจริงๆ ชุนคิด ม่านหมอกบดบังอาคารตึกราม

    และยอดเขาที่เขาเคยเห็นอยู่จนมิด ราวกับว่าสนามแห่งนี้

    เป็นทุ่งโล่ง ไกลออกไปไม่มีอะไรนอกจากม่านสีขาว

    ใครกันจะบ้ามาเดินอาบหมอกตอนสายในสวนออกกำลัง

    กายเช่นเขาอีก เพราะคิดอย่างนี้ชุนถึงได้มาที่นี่ เขาต้อง

    การหาที่สงบเดินเล่น และพักผ่อนสายตาจากฝูงชน

    ไอระเหยของลมหายใจออกพวยพุ่งออกมาจกปากของชุน

    ทันทีที่เขาถอนหายใจ

    ชินเดินมาหยุดยืนเคียงข้างชุน ซึ่งชุนไม่ได้หันไปมองเขา

    เห็นแล้วจากเงาที่พื้น

    “นายให้รางวัลตัวเองหลังสอบเสร็จรึยัง” ชินเอ่ยกับชุน

    ชุนยังคงก้มมองเงาของตัวเอง

    “ฉันดีใจนะที่ตัวสูงพอกับนายเลย” ชุนพูด

    เขารู้สึกดี จากนั้นเขาก็ละสายตาจากสิ่งที่สนใจหันไป

    มองหน้าชิน เขายิ้มอย่างร่าเริง

    “หึ” ชินหัวเราะบ้าง

    เขารู้สึกขันในคำพูดที่ได้ฟัง

    “แต่ฉันเป็นพี่ก็ควรจะสูงกว่านายนะ”

    “เฮ่ย ไม่หรอก ฉันเกิดทีหลัง เกิดในยุคที่พัฒนากว่า

    โภชนาการดีกว่า น้องน่ะต้องสูงกว่าพี่ แต่นายก็ยังสูงพอๆ

    กับฉันแสดงว่าพ่อเลี้ยงนายมาดีนะ” ชินหันไปมองรอบๆ

    เขาไม่มีเหตุผลที่จะต้องเถียงชุน หมอกหนาเมื่อสายจาง

    ไปแล้วในเวลาเที่ยงวัน

    “นายเพิ่งสอบเสร็จเมื่อวานใช่มั้ย” ชุนถามชิน

    ชินหันมาพยักหน้า

    “อือ นายล่ะสอบเสร็จตั้งหลายวันแล้วนี่ทำไมยังไม่กลับ

    บ้านอีก ไม่คิดถึงบ้านรึไง” ชินถามต่อ

    “คิดถึงสิ คิดถึงบ้าน คิดถึงพ่อกับแม่ คิดถึงมากเลยล่ะ”

    ชุนหันมายิ้ม

    “คิดถึงแล้วทำไมไม่รีบกลับ”

    “ฉันจะกลับพรุ่งนี้แล้วล่ะ” ชุนบอก

    “งั้นเหรอ”

    “เพื่อนนายล่ะกลับรึยัง” ชินถาม

    “โอ๊ย มันกลับไปตั้งนานแล้วล่ะ” ชุนทำเสียงสูง

    “ร้อนแล้วไปนั่งตรงโน้นกันดีกว่า”

    ชินบอกกับชุนพลางหันหน้าไปทางม้านั่งหินอ่อนใต้ร่มไม้

    สักต้นขนาดกลาง

    ชุนเดินมาถึงเขาก็ก้มเก็บใบไม้แห้งที่ร่วงหล่นอยู่แถวนั้นมา

    ปัดม้านั่งให้พอสำหรับเขาและชิน

    “นั่งสิ” ชุนบอกกับชิน พลางนั่งลงก่อน

    "ชุน วันที่นายไปพบพ่อนายพูดอะไรกับพ่อบ้างเหรอ”

    ชินเอ่ยถาม สายตาเหม่อลอยไปข้างหน้า

    ชุนยิ้มเขาเงียบไปเหมือนกำลังนึก

    “ฉันบอกกับพ่อว่าฉันอยากเจอพ่อ ฉันดีใจที่วันนี้ฉันได้เจอ

    พ่อ ดีใจที่เห็นพ่อยังแข็งแรงและมีความสุขดี นอกจาก

    ฉันจะได้พบพ่อแล้ว ฉันยังได้เจอกับพี่ชายที่ดี ได้รู้ว่าฉัน

    มีน้องชายอีกคนที่น่ารัก และมีญาติพี่น้องที่เดินเข้า

    มากอดฉันในวันนี้ด้วย”

    ชุนหันไปมองหน้าชิน

    “ฉันบอกกับพ่อว่าครอบครัวของพ่อดูอบอุ่นมาก ทุกคนที่

    อยู่ในครอบครัวนี้ต้องมีความสุขกันทุกคน”

    ชินยังคงนั่งฟังนิ่งๆ ทอดสายตาออกไปเช่นเดิม

    “นายรู้มั้ยว่าพ่อว่ายังไง” ชุนถาม

    ชินหันมามองหน้าชุนแต่เขาไม่ได้เอ่ยคำใด

    “พ่อไม่ได้พูดอะไรเลย แต่พ่อพยักหน้าและยิ้ม”

    ชุนหันไปมองหน้าชินเขาเห็นชินกำลังยิ้มเยาะ เหมือนนึก

    ขันอะไรอยู่ในใจ

    “แต่ที่มันทำให้ฉันรู้สึกดี เพราะมันเป็นรอยยิ้มของพ่อซึ่ง

    ไม่ได้เสแสร้ง ฉันโตพอที่จะดุรู้ว่าพ่อยิ้มจากข้างใน”

    “นายรู้มั้ยว่าฉันตื่นเต้นแค่ไหน เมื่อตอนที่กำลังก้าวขาเข้า

    ประตูบ้าน ความรู้สึกที่ก้องอยู่ในใจว่าฉันกำลังจะได้เจอ

    พ่อแล้ว มันไม่ใช่ความหวาดกลัว ประหม่าหรือตื่น

    ตระหนกแม้แต่น้อย แต่มันเหมือนเราส่งผลงานเข้า

    ประกวดแล้วได้รางวัล ความหวัง ความฝันมันสมปรารถนา

    ต่างหาก นายลองคิดดูสิ ว่าเราจะกระโดดโลดเต้นร้อง

    ไชโยดีใจแค่ไหนเมื่อได้รางวัล นั่นแหละฉันรู้สึกอย่างนั้น

    แหละ”

    ชุนหัวเราะอย่างมีความสุขในคำพูดของตัวเอง

    “นายกำลังคิดอะไรอยู่” ชุนหันไปถามชิน

    “นายกำลังคิดว่าจะไปเจอแม่บ้างใช่มั้ย” ชุนถาม

    เขาพอจะเดาออก ชินหันมามองหน้าชุน เขาพยักหน้า

    “ฉันกำลังคิดว่า จะไปเจอแม่บ้าง........ดีหรือเปล่า” ชินพูด

    เขาไม่ค่อยมั่นใจในสิ่งที่กำลังคิดนัก คล้ายกับว่าเขายัง

    ตัดสินใจไม่ได้

    “ทำไมต้องพูดว่าดีหรือเปล่า ในเมื่อมันต้องมีแต่สิ่งดีๆ เกิด

    ขึ้นอยู่แล้ว ถ้านายมั่นใจว่าสิ่งที่อยากทำเป็นเรื่องที่ดี นาย

    จะลังเลอีกทำไม ชีวิตของนายโชกโชนกับบทเรียนมาก

    มาย ประสบการณ์ที่เข้มเหล่านั้นสอนให้นายกลัวอะไรอีก

    หรือ”

    ชุนเบือนหน้ากลับมาเขาก้มหน้าเงียบไป

    “ฮีโร่ของฉันเก่งเสมอ ไม่ว่าการตัดสินใจของนายจะออก

    มายังไง ฉันถือว่านายมีเหตุผล และฉันเชื่อว่านายพร้อม

    ที่จะบอกเหตุผลนั้น เมื่อฉันต้องการฟัง”

    ชินทอดถอนใจอย่างยากลำบาก เขารู้สึกหนักใจเกินกว่าจะเอ่ยคำใดได้

    “เดือนหน้าวันเกิดนายนี่ ให้ของขวัญที่มีค่าทีสุดและดีที่

    สุดกับตัวเองสิชิน นายมีเวลาหนึ่งเดือนสำหรับตัดสินใจ

    เลือกของขวัญนั้น อย่าเพิ่งด่วนสรุปอะไรเลย นายยังมี

    เวลาคิดอีกแยะ”

    ชุนหันมายิ้มปลอบใจพร้อมกับเอามือแตะที่บ่าของชิน

    “ฉันยอมรับนะ ว่าเมื่อก่อนฉันเคยบังคับและเรียกร้องให้

    นายไปเจอแม่ แต่ตอนนี้ฉันจะไม่คิดและทำอย่างนั้นอีก

    แล้ว ฉันบอกแม่ว่าอย่ารอที่จะได้เจอนายอีกเลย เพราะ

    ความเจ็บปวดอย่างหนึ่งของคนเราก็คือการรอคอย ช่วง

    เวลารอคอยนานก็หมายถึงช่วงเวลาความเจ็บปวดก็นาน

    ตามไปด้วย เมื่อวันที่จะได้เจอมาถึง แม่ก็จะได้พบนาย

    เอง การเฝ้านับวันเวลาก็เป็นการตอกย้ำความว่างเปล่าก็

    เท่านั้น เพราะฉะนั้นเราควรมีความสุขในทุกๆวันเท่าที่จะ

    ไขว่คว้าได้”

    “อืม นายจะปล่อยให้วันเกิดทันผ่านไปเหมือนมันเป็นแค่

    วันธรรมดาวันหนึ่งก็ได้นะ นายก็ทำตัวเองให้มีความสุขกับ

    ทุกๆวัน เหมือนอย่างที่นายเคยบอกกับฉันไง ความจริง

    มันไม่สำคัญหรอกเนาะว่าเราจะให้ของขวัญตัวเองหรือไม่

    เมื่อเราให้ความสำคัญกับทุกๆวันนั่นคงสำคัญกว่าใช่มั้ย”

    ชุนหันมาถาม เขาต้องการตำตอบที่เห็นด้วยจากชิน

    “แต่บางที การนึกถึงวันสำคัญมันก็เป็นการช่วยให้เราได้ย้ำ

    และเตือนกับตัวเอง ว่าในวันที่ผ่านไปเหล่านั้น เราได้

    ละเลย ลืมทำ เอาใจใส่ตัวเองหรือคนรอบข้างน้อยไปหรือ

    เปล่า หลายๆคนจึงถือเอาวันสำคัญนี้เป็นวันเริ่มต้นเติมเต็ม

    สิ่งเหล่านั้น” ชินอธิบาย

    ชุนมองเห็นรอยยิ้มบนใบหน้าของเขา

    “นายเคยสังเกตหน้าพ่อมั้ย” ชุนถามชิน

    “ทำไมเหรอ” ชินถามกลับอย่างสงสัย

    “นายไม่เจอพ่อมาเป็นปี นายไม่รู้สึกว่าพ่อแก่ขึ้นเลย

    เหรอ”

    “นายกำลังจะบอกอะไรอีก”

    “จำที่ฉันเคยเล่าให้นายฟังได้มั้ย ว่าเวลาที่ฉันกลับบ้านฉัน

    จะเห็นความเปลี่ยนแปลงของพ่อกับแม่ อย่างผมที่เปลี่ยน

    เป็นสีขาวมีมากขึ้นทุกที ร่องรอยความเหี่ยวย่น นั่นคือ

    สังขารไงล่ะ ฉันบอกนายว่าฉันไม่อยากโต ไม่อยากแก่

    เพราะฉันกลัวว่าคนรอบข้างฉันจะต้องแก่ตามไปด้วย ยิ่ง

    ฉันแก่มากขึ้นเท่าไหร่ เวลาที่ฉันจะได้อยู่กับคนที่ฉันรักมัน

    ก็ยิ่งน้อยลงเท่านั้น”

    “นายกลัวพ่อแม่นายจะตาย” ชินพูดปนหัวเราะ

    “ฉันยอมรับนะว่าฉันกลัว ฉันรู้ว่ามันเป็นเรื่องธรรมชาติ แต่

    ความรู้สึกของฉันมันก็แย้งกับความจริงข้อนี้เสมอ
    เพราะฉะนั้นฉันถึงพยายามทำทุกอย่างเพื่อให้ช่วงเวลาที่

    เราได้อยู่กับคนที่เรารักเป็นช่วงเวลาที่ทำให้ทุกคนมีความ

    สุข แม้ในเวลาที่ไม่มีกันแล้วก็ให้มันมีแต่ความสุขใจที่ได้

    นึกถึงความทรงจำดีๆ”

    ชุนหันมาสบตาชิน

    “อย่าให้มันต้องกลายเป็นความทรงจำที่ไม่ดีคอยสะกิดให้

    นึกเสียดายในเวลาที่สายไปเสียแล้ว นายเข้าใจที่ฉันบอก

    ใช่มั้ย ใช่แล้ว ฉันหมายถึงนายกับพ่อ”

    ชุนและชินต่างนิ่งเงียบไป

    “ตราบใดที่ยังไม่มีใครคนใดคนหนึ่งตายจากกันไป ก็ไม่

    ถือว่าเป็นวันที่สายที่จะเริ่มต้น แต่เราไม่มีใครรู้วันตายนี่”

    ชุนพูดเขาไม่ได้หันไปมองหน้าชินอีก

    “แม่บอกกับฉันเสมอว่าแม่เป็นผู้หญิงที่โชคดี”

    ชุนเปลี่ยนเรื่องคุย

    “ฉันจะเล่าให้นายฟังนะ”

    “ตอนเด็กๆฉันเชื่อแม่มาโดยตลอด และชอบเอาไปคุย

    อวดเพื่อนผู้หญิงที่โรงเรียนว่า ‘แม่เราเป็นผู้หญิงที่โชคดีที่

    สุด’ อย่างน้อยแม่ก็มีเรื่องให้ฉันเอาไปโม้ให้สาวๆฟังได้ล่ะ

    นะ” ชุนนึกขำเมื่อเล่าถึงตรงนี้

    “แต่พอโตขึ้น ฉันพอที่จะรู้อะไรๆหลายๆอย่าง แม่ก็ยังคง

    พูดกับฉันเหมือนเดิมว่าแม่เป็นผู้หญิงที่โชคดี ฉันมีเหตุผล

    ที่นึกแย้งในใจแต่ก็ไม่เคยเอ่ยถามแม่สักครั้ง จนฉันมา

    เรียนที่นี่ ฉันนั่งนึกทบทวนเหตุผลของฉันที่ยังสงสัยว่า

    ทำไมแม่ถึงบอกว่าแม่เป็นผู้หญิงที่โชคดี ทั้งๆที่แม่เคย

    ประสบกับความล้มเหลวในชีวิตครอบครัวมาก่อนและยัง

    พลัดพรากจากลูกอีกด้วย”

    ชุนสูดอากาศหายใจเข้าลึกเต็มปอดก่อนเล่าต่อไป

    “ปิดเทอมก่อนฉันจึงถามเรื่องนี้กับแม่ แม่บอกว่าแม่เป็น

    ผู้หญิงที่โชคดีเพราะทุกวันนี้แม่มีความสุข แม่มีครอบครัว

    ที่น่ารักและอบอุ่น มีสามีและลูกที่ดี ฉันถามแม่ว่าแล้วแม่

    คิดว่าตัวเองเคยโชคร้ายหรือเปล่า แม่ไม่เคยคิดว่าตัวเอง

    โชคร้าย ฉันถามแม่ว่าแม่เคยหย่ากับพ่อและพลัดพราก

    จากนายนั่นไม่ใช่ความโชคร้ายหรือ แม่บอกว่านั่นแม่ก็

    โชคดีเหมือนกัน เพราะถ้าแม่กับพ่อยังขืนอยู่ด้วยกันต่อ

    ไปก็มีแต่ทะเลาะกันทุกวันและแม่คงจะเป็นผู้หญิงที่โชค

    ร้ายจริงๆหากยังทนอยู่กันไปทะเลาะกันต่อหน้าลูกๆ ครอบ

    ครัวไม่มีความสุข ลูกขาดความอบอุ่น ฉันจึงถามแม่อีกว่า

    ถ้าอย่างนั้นแม่ก็โชคร้ายที่แต่งงานครั้งแรกกับพ่อ แม่

    บอกว่าแม่ก็ยังเป็นผู้หญิงที่โชคดี เพราะก่อนที่แม่จะเจอ

    กับพ่อ แม่เป็นลูกสาวคนรองของครอบครัวมีฐานะไม่ค่อย

    ดี แม่ต้องทำงานหนักส่งเสียน้องๆเรียน แต่พอแม่ได้แต่ง

    งานกับพ่อ แม่ก็ไม่ต้องทำงานหนักแบบนั้นอีก และยังมี

    เงินที่พ่อให้ไว้ใช้จ่ายเหลือส่งไปให้ที่บ้านทุกเดือน แต่ฉัน

    ก็ยังมีเหตุผลอีกข้อ ที่แย้งว่าแม่ไม่ได้เป็นผู้หญิงที่โชคดี

    นั่นก็คือแม่ยังไม่ได้พบนาย แต่แม่ก็ยังคงยิ้มและบอกกับ

    ฉันว่าแม่เป็นผู้หญิงที่โชคดี ถึงแม่จะไม่ได้พบลูกอีกคน

    แต่แม่ก็รู้ว่านายได้เติบโตและแข็งแรงทั้งร่างกายและจิต

    ใจ เป็นคนเก่งมีความคิด เป็นคนดีมีความสุขสบายดีและ

    ได้เรียนหนังสือ ฉันจึงถามแม่ว่าแล้วมีอะไรในชีวิตของแม่

    บ้างที่แม่คิดว่ามันโชคร้ายที่สุด แม่บอกว่าไม่มีเลย แม่

    โชคดีมาตลอด แม่ไมเคยคิดว่าตัวเองโชคร้าย”

    ชุนเล่าจบเขาหันมาสบตากับชินและยิ้มอย่างมีความสุขที่สุด

    “ฉันรักแม่และเทิดทูนแม่เหนือสิ่งอื่นใด ฉันบอกกับแม่

    ว่า ‘ผมก็จะเป็นผู้ชายที่โชคดีเหมือนกัน’” ชุนเสียงเครือ

    เขายังคงยิ้ม ชินมองเห็นดวงตาแดงก่ำทั้งคู่ที่มีน้ำตาเอ่อ

    อยู่ในนั้น

    “ความโชคดีอย่างแรกของผมก็คือได้เกิดเป็นลูกแม่”

    ไม่ทันที่ชุนจะพูดจบ ชินก็อ้าแขนดึงตัวเอขามาโอบกอด

    ไว้แน่น พลางตบหลังเบาๆปลอบใจ ชุนซบหน้าลงกับบ่า

    ของชิน เขาเงยหน้าขึ้นจากบ่านั้น กลืนน้ำลายลงคอ

    แล้วกระซิบบอกกับชินว่า

    “และหนึ่งในความโชคดีของฉันอีกอย่างหนึ่งก็คือ ฉันได้

    เกิดมาเป็นน้องของนาย”

    ชินคลายกอดเขาเลื่อนมือมาจับที่บ่าของชุนและยิ้มอย่าง

    ภูมิใจ

    “ถ้าอย่างนั้นฉันก็โชคดีที่มีนายเป็นน้อง”

    ชุนมองรอยยิ้มที่จริงใจนั้น เสียงตะโกนดีใจของเขาร้องดัง

    ก้องอยู่ในหัวใจ

    จากคุณ : seem - [ 2 มิ.ย. 49 14:50:10 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป