ผมเดินย่ำไปบนถนนคอนกรีต ใจกลางเมืองมหานครในตอนสายวันหนึ่ง รถราวิ่งกันขวักไขว่ เสียงบีบแตรจากรถคันหลังแผดดังจนแสบแก้วหู มอเตอร์ไซด์หลายคันบิดคันเร่งออกตัวตวัดซ้ายขวาจนน่าหวาดเสียว ไฟเขียวเหมือนเป็นสัญญาณบอกต้องรีบไป สัญญาณไฟเหลืองเหมือนเตือนให้ยิ่งรีบเข้าไปอีก เพราะไม่อย่างนั้น มันหมายถึงจะต้องเสียเวลาอย่างน้อย ๆ ก็สองสามนาทีในการจอดรถที่ติดไฟแดง
ชายผมกระเซิงร่างผอมโซ เสื้อผ้าที่มีแต่รอยปะซุน คงพอจะแสดงถึงความเป็นอยู่ของเขาได้เป็นอย่างไม่ยากนัก มือแห้งกร้านข้างหนึ่งหิ้วถุงน้ำสีดำ เขาคงจะกินไปบ้างแล้วเพราะมันเหลืออยู่เพียงค่อนถุง เขากำลังจะข้ามถนน แต่ไม่มีรถคันไหนที่จะจอดรถเพื่อสละเวลาให้เขาข้าม ทั้งที่บริเวณนั้นมันเป็นทางม้าลาย
ผมเพ่งพินิจดูเขาอยู่ห่าง ๆ เหมือนกลัวว่าเขาจะรู้ตัว ตีนเปล่าเหยียบอยู่บนคอนกรีตราวกับไม่ได้รู้สึกอะไรกับอุณหภูมิของมันเลยสักนิด ผมเผ้าที่รุงรังกระเซอะกระเซิงทำให้ผมมองเห็นใบหน้าเขาไม่ค่อยชัดนัก ทุกครั้งที่เขาจะก้าวขาออกไป เสียงบีบแตรก็แผดดังมา เขาต้องรีบชักเท้ากลับทันที มันเป็นอยู่เช่นนี้หลายครั้งหลายครา แต่ทุกครั้งทุกคราก็จะได้ยินเสียงเขาสบถออกมาเป็นถ้อยคำซ้ำ ๆ อยู่อย่างนั้น
ไอ้คนไร้น้ำใจ!
ผมคิดว่าเขาคงจะไม่เต็มเต็งสักเท่าใดนัก ผมคะเนอายุของเขาไม่ถูก ผมเผ้าที่รุงรังกับใบหน้าแห้งซีด มอมแมม จนมองไม่ออกว่าเขาน่าจะอายุสักเท่าไหร่ แวบหนึ่งเขาหันมามองที่ผม อาจจะโดยบังเอิญหรืออย่างไรผมไม่ทราบ ผมสบตาเขาครู่หนึ่งแววตาแข็งกร้าวจ้องเขม็งมาที่ผม จนผมต้องหลบสายตาคู่นั้น เพราะอะไรผมก็บอกสาเหตุไม่ได้ แต่นั่นไม่ใช่เรื่องที่ผมจะต้องใส่ใจ ผมมีเรื่องที่ต้องทำมากมาย เขาละสายตาจากผม แล้วก็เอาน้ำในถุงขึ้นมาดูด แต่เขาคงลืมไปว่าเขากินไปหมดแล้ว เขาชูถุงขึ้นดูอีกครั้งเพื่อความแน่ใจ สีหน้าของเขาแสดงอาการผิดหวังอย่างเห็นได้ชัด
ไอ้คนไร้น้ำใจ!
เขาสบถด้วยถ้อยคำเดิม ๆ นั้น แล้วขว้างมันออกไปกลางถนน น้ำแข็งที่อยู่ในถุงแตกกระจาย รถเกี่ยวเอาถุงลากไปไกล ก่อนที่จะนอนนิ่งอยู่กลางถนน ตามสำทับด้วยล้อยางของอีกหลาย ๆ คัน เขาโพล่งหัวเราะออกมาเหมือนกับเห็นเป็นความขบขัน สายตาหลายคู่เริ่มมองที่เขา บางคนเดินเลี่ยงหนีไม่กล้าเข้าใกล้
เขาคงจะบ้าจริง ๆ ผมคิดในใจ
ผมเดินต่อไปโดยไม่ได้สนใจชายคนนั้นอีก ในใจผมมีคำถามมากมายแต่ไม่รู้ผมจะไปถามใคร มันรุมสุมอยู่ในอกราวกับมันจะทะลักออกมาเสียให้ได้ เกือบสองอาทิตย์แล้วที่ผมเดินอยู่เช่นนี้ เดินเพื่อหาคำตอบ แล้วแต่ละคำตอบที่ผมได้รับมักจะไม่ตรงกับคำถามเท่าไหร่ ส่วนมากคำตอบจะไม่แตกต่างกันมากมายนัก
เอ็งถามตลกดีว่ะไอ้หนุ่ม ข้าไม่เคยเห็นหรอก ชายคนขับมอเตอร์ไซด์รับจ้างตอบ
ฉันไม่รู้ว่าบ้านเมืองนี้มันจะยังคงหลงเหลืออยู่อีกหรือ? คำตอบของคนขายล็อตเตอรี่
คนมีน้ำใจน่ะเหรอ?..เป็นพระเอกอยู่ในนิยายนั่นไง คนขับรถเมล์หัวเราะ อัก อัก
ถ้าท่านสละเศษเหรียญในกระเป๋าของท่านมาใส่กระป๋องของข้า นั่นคือท่านมีน้ำใจ เป็นคำตอบของชายขอทาน
ฉันไม่ว่างตอบหรอก ฉันจะรีบไปรับลูกที่โรงเรียน
ผมว่าคุณควรไปหาหมอตรวจประสาทซะ
มืงไม่มีอะไรจะทำแล้วหรือไง? ไปให้พ้น! หลายครั้งที่โดนหัวเราะเยาะ หลายครั้งที่ถูกด่าตะคอกเสียงดัง บ้างตะโกนขับไล่ เย้ยหยัน เหยียดหยาม หยาบคาย
ผมเดินอย่างคนเลื่อนลอยไปไม่รู้นานเท่าไหร่ จนตะวันบ่ายคล้อย เริ่มรู้สึกว่าตัวเองเดินมาไกล ถนนคอนกรีตที่เคยเดินกลายเป็นเพียงถนนลูกรังสีแดง ข้างทางที่เคยเป็นตึกรามบ้านช่อง บัดนี้มันกลับกลายเป็นท้องทุ่งนาสีเขียวขจี เสียงบีบแตรรถ ยนต์ เสียงคนเอะอะโวยวาย เสียงอึกทึกโครมครามไม่มีอีกแล้ว มีแต่เสียงใบไม้พัดลู่ลมดังแว่ว ๆ มองขึ้นไปบนฟ้าอันเวิ้งว้าง ปุยเมฆบาง ๆ ลอยเคลื่อนตัวอย่างเชื่องช้า ฝูงนกบินโฉบเฉี่ยว หยอกล้อ ส่งเสียงร้องเจี้ยวจ้าว
ผมเพลิดเพลินไปกับบรรยากาศที่ไม่ค่อยได้สัมผัสบ่อยนัก เหมือนผมหลุดเข้ามาอีกโลกหนึ่ง หลีกหนีโลกอันวุ่นวายสับสน ตะวันสีทองทอแสงเรือง ๆ ริมขอบฟ้ามันช่างคล้ายกับภาพที่ผมเคยเห็นในงานเขียนของจิตรกรท่านหนึ่ง จิตใจผมเหมือนกับมันล่องลอยตามสายลมที่พัดแผ่วเพื่ออยากไปชมความงดงามของมันใกล้ ๆ แต่วูบหนึ่งของความรู้สึกก็ยังไม่ลืมคำถามที่มันฝังอยู่ในอก มันคอยเตือน คอยย้ำ และรอคอยคำตอบ
คุณจะไปไหนหรือ? เสียงหนึ่งดังมาจากข้างทาง ผมหันไปดู แต่ไม่เห็นมีใคร มีเพียงควายตัวหนึ่งนอนเคี้ยวเอื้องอยู่ริมทาง คิดว่าคงเป็นเสียงเจ้าของควายตัวนี้ ผมพยายามมองหาแต่ก็ไม่มีแม้เงา
ดวงตะวันเริ่มอ่อนแสงลงเรื่อย ๆ ลมพัดเฉื่อยแผ่ว ลูบชโลมผิวกายจนรับรู้ได้ถึงความเย็นเยือก ไม่อยากใส่ใจกับเสียงลึกลับนั้นต่อไปอีก ผมคงต้องกลับเสียที ไว้พรุ่งนี้ค่อยหาคำตอบ
ผมเดินจากไปโดยไม่ได้สนใจกับเสียงลึกลับเมื่อครู่ สืบเท้าไปข้างหน้า
คุณจะกลับแล้วหรือ? เสียงดังมาอีก แต่ผมไม่สนใจ
กลัวผมเหรอ? ผมหยุดกึก หันหลังมองแต่ก็ไร้เจ้าของเสียงเช่นเดิม ผมชักจะรำคาญกับการเล่นซ่อนหาของผู้ลึกลับคนนี้เต็มทน
คุณเป็นใคร ออกมาคุยกันหน่อยสิ ผมหันหลังตะโกนถามออกไป
เสียงลึกลับตอบกลับมา ผมก็อยู่ตรงหน้าคุณนี่ไงเล่า
ผมมองไม่เห็นคุณเลย
คุณเห็นตัวอะไรนอนเคี้ยวเอื้อง แล้วเอาหางพัดไปมานั่นไหมล่ะ
นั่นน่ะหรือ?
ใช่..นั่นคือผมล่ะ
ถ้าเสียงลึกลับนั้นไม่ได้อำผมเล่น นั่นหมายความว่าผมกำลังคุยอยู่กับควายตัวหนึ่ง นี่ผมอยู่ในมิติไหนกัน
คุณไม่ได้อำผมเล่นใช่ไหม? ผมถามร่างที่กำลังนอนเคี้ยวเอื้องอยู่
คุณเคยเห็นควายพูดอำใครบ้างไหมล่ะ เขาอาจจะพูดติดตลก แต่สำหรับผมมันเป็นอะไรที่ตลกยิ่งกว่าเสียอีก
เปล่า..ผมเพียงไม่เคยเจอเรื่องประหลาดอย่างนี้
สัตว์ที่นี่พูดได้เหมือนคน
น่าสนุกดีเหมือนกัน ผมไม่เคยเจอเรื่องราวอะไรที่แปลกประหลาดเช่นนี้มาก่อน สัตว์พูดได้เหมือนคน ช่างเหมือนกับนิทานที่ผมเคยฟังตอนเด็กไม่มีผิด แต่นี่ผมไม่ใช่เด็ก สำนึกของผมยังตื่นตัวเต็มที่ และอีกอย่างที่ผมรู้ตอนนี้ก็คือ ผมไม่ได้ฝัน!
คุณเข้ามาที่นี่ได้ยังไง? เขาถาม
ผมไม่รู้ ผมเดินถามคนมาเรื่อยเปื่อย จนเดินหลงเข้ามา ผมตอบเขาไปซื่อ ๆ บางทีอาจจะมีแค่ผมคนเดียวเท่านั้นที่บังเอิญหลุดเข้ามาในมิติบ้า ๆ แห่งนี้
แล้วคุณถามอะไรเขาล่ะ?
ผมถามพวกเขาว่า เคยเห็นคนมีน้ำใจบ้างไหม?
เขาคลอนหัวไปมา คุณอยากรู้ไปทำไม?
ผมเพียงอยากรู้ว่าในโลกนี้ยังจะคนที่มีน้ำใจหลงเหลืออยู่หรือเปล่า
ในโลกของคุณคนมีน้ำใจมันหายากขนาดนั้นเชียวหรือ?
ผมไม่รู้ ผมจึงต้องถาม แล้วคุณเคยเห็นคนเหล่านี้บ้างไหมล่ะ
เขาทำหน้าคิ้วขมวด คุณมาถามควายอย่างผมนี่น่ะหรือ?
ผมถามมาหลายคนแล้ว แต่พวกเขากลับไม่สนใจผมเลย พวกเขามองผมเหมือนคนบ้า ผมจึงถามคุณเผื่อคุณอาจจะเคยเห็น
เขาจ้องมองหน้าผมครู่หนึ่งเหมือนกับคุณกำลังเบื่อหน่ายโลกของคุณ หรือไม่ก็กำลังค้นหาสัจธรรมอะไรบางอย่าง
ผมไม่ได้เบื่อโลก ผมสนุก เพียงแต่อยากจะรู้เท่านั้นเอง
พวกมนุษย์นี่แปลก เขาส่ายหัวไปมา ชอบตั้งคำถามกับตัวเอง แล้วใช้วิทยาศาสตร์อะไรของพวกคุณนั่นช่วยหาคำตอบ ทว่าวิทยาศาสตร์ที่เหมือนเด็กอมมือของพวกมนุษย์ ก็ไม่สามารถหาคำตอบให้พวกคุณได้ แล้วพวกคุณก็โยนไปให้สิ่งลึกลับที่อยู่เหนือธรรมชาติเป็นผู้อธิบายเอาดื้อ ๆ
ผมไม่รู้ว่าการเกิดเป็นมนุษย์มันดีกว่าการเกิดเป็น ผีเสื้อ เป็นแมลง เป็นแบททีเรียสักตัว หรือเกิดเป็นอย่างคุณดี
อย่าว่าควายอย่างผมโง่ยังงั้นอย่างงี้เลย" เขาพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ "ความมีน้ำใจ ของพวกคุณมันเป็นยังไงผมก็ไม่รู้อะไรคือมีน้ำใจแล้วอะไรคือไม่มีน้ำใจ แล้วความมีน้ำใจเกี่ยวข้องกับศีลธรรมตรงไหน?
ผมนิ่งเงียบไม่ได้พูดอะไรต่อ สาเหตุหนึ่งคงเป็นเพราะเขาคงไม่ได้รู้เรื่องราวอะไรกับพวกมนุษย ์ ถ้าเขาไม่รู้ผมก็ไม่จำเป็นต้องไปถามหรือซักไซ้อะไรเขา เขาก็คงไม่ได้ให้คำตอบที่ชัดเจนกับผมอีกราย ถ้าเกิดยืดความต่อไป ดีไม่ดีผมอาจจะต้องมาอธิบายไอ้คำว่าความมีน้ำใจหรือไม่มีน้ำใจให้เขาฟังอีก ผมคงไม่มีเวลามาอธิบายว่าศีลธรรมเกิดขึ้นกับมนุษย์ได้อย่างไร ซึ่งผมเข้าใจว่า บางที คำว่า ศีลธรรม อาจมีรากฐานมาจาก ความมีน้ำใจ ความเห็นอกเห็นใจกัน การเอาใจเขามาใส่ใจเรา เป็นผลผลิตจากการอยู่ร่วมกันของคนในสังคม ก่อนที่คำว่าศีลธรรมนี้จะถูกครอบครองโดยศาสนา ผมคงไม่มีเวลาอธิบายได้ขนาดนั้น
เขาของคุณสวยดีนะ ผมพยายามเปลี่ยนเรื่อง
เขายิ้ม มนุษย์นี่ปากหวานกันทุกคนเลยหรือ
ผมยิ้มแทนการตอบ
เมื่อวันก่อนก็มีคนมาชมผมแบบคุณนี่แหละ เขาเอ่ยต่อ ไว้ผมยาวรุงรัง ดูผอมกว่าคุณตั้งเยอะ แล้วหน้าตาก็สู้คุณไม่ได้เลย
คุณก็ใช่ย่อยซะเมื่อไหร่ สาว ๆ ที่นี่คงจะติดคุณมากซีท่า ผมพูดกับเขาเหมือนประชดอยู่ในที ในใจก็อดคิดไม่ได้ว่า ผมคงไม่ได้หลงเข้ามาในที่ประหลาดนี้เป็นคนแรกแน่ เพราะยังมีคนเข้ามาก่อนผมอีก อย่างน้อย ๆ ก็ชายร่างผอมที่เขากำลังพูดถึงเมื่อครู่
เขาเอาหางพัดไปมาแล้วถามผม คุณยังไม่ได้บอกผมเลยว่าความมีน้ำใจและไม่มีน้ำใจมันคืออะไร
คำว่ามีหรือไม่มีมันคงแยกจากกันโดยสิ้นเชิงไม่ได้ บางทีมันอาจจะเป็นสิ่งเดียวกันก็ได้ เหมือนดำกับขาว ร้อนกับเย็น ดำก็คือ ขาวน้อย ขาวก็คือ ดำน้อย ร้อนก็คือ เย็นน้อย และเย็นก็คือ ร้อนน้อย
-ต่อ คห1. ด้านล่าง-
จากคุณ :
ความเชื่อ
- [
4 มิ.ย. 49 06:24:13
]