CafeTech-ExchangePantip MarketChatPantownBlogGangTorakhongGameRoom


    อุบัติ(สา)เหตุรัก (ตอน...ผลลัพธ์)

    “แกว่าไงล่ะอย่าเอาแต่ยิ้มสิ” ฉันเร่งเกย์สุดหล่อที่เอาแต่นั่งยิ้มอมพะนำไม่ยอมบอกเสียทีว่าเอกสุดหล่อของฉันเนี่ยเป็นเกย์หรือไม่ ฉันอยากรู้ใจจะขาดอยู่แล้ว และแล้วมันก็ยอมเปิดปากเสียที “แกอยากรู้ก็ต้องมีค่าเปิดปากก่อนย่ะ เราขอเป็นเลี้ยงข้าวมื้อใหญ่มื้อหนึ่งละกัน” ฉันค้อนให้มันอย่างหมั่นไส้ทีหนึ่งก่อนรับปากตกลง

    “แกคิดว่าเขาเป็นมั้ยล่ะ” ต่อถามฉันด้วยน้ำเสียงมีเลศนัย

    “เราว่าเขาไม่น่าจะเป็นหรอกแก หรือว่าเขาจะเป็น” ฉันตอบมันไปอย่างไม่แน่ใจ เกย์หนุ่มผู้หล่อลากดินก็ไม่ยอมบอกอะไรอีกตามเคยจนฉันต้องเร่งอีกรอบ ในที่สุดผู้ที่มีคำตอบอยู่ในความคิดก็ยอมเอนเอ่ยคำตอบออกมา ฉันนั่งฟังด้วยใจลุ้นระทึกอย่างกับตอนดูผลเอนทรานซ์ยังไงยังงั้นเลย “ฉันขอฟันธงว่าสุดหล่อคนนี้ไม่เป็นเกย์แน่นอน”คำตอบที่ออกมาฉันแทบจะกระโดดตัวลอยด้วยความดีใจแต่เนื่องจากตรงนี้เป็นที่สาธารณะแถมยังไม่ใช่ถิ่นของฉันอีกต่างหากเพราะตอนนี้เรายังคงนั่งอยู่ที่ตึกคณะของเอกและยัยพิมนั่นเอง แต่ตอนนี้ในใจของฉันมีสาวปอมๆเกิร์ลมากระโดดโลดเต้นเต็มไปหมดแล้ว

    “น่าเสียดายจังเลย นึกว่าจะได้ประชากรชาวเกย์เพิ่มขึ้นมาอีกสักคนหนึ่งซะอีก” ต่อเกย์หนุ่มสุดหล่อบ่นออกมาอย่างเสียดายสุดแสน ฉันอดส่งค้อนไปให้เจ้าตัวอีกครั้งไม่ได้ เกย์หนุ่มหัวเราะออกมากับอาการที่ค่อนข้างเป็นเอามากของฉัน ก่อนที่จะชวนฉันกลับไปที่ตึกคณะเพื่อเรียนในวิชาต่อไปพร้อมกับย้ำถึงเรื่องที่ฉันจะต้องเลี้ยงข้าวเจ้าตัวมื้อใหญ่


    “นี่ยัยมีนาแกบอกฉันมาซะดีๆนะว่าวันนี้แกไปที่ตึกคณะฉันทำไม” พิมยิงคำถามมาทันทีที่ฉันกลับมาถึงห้องพัก อะไรกันยัยนี่จะไม่ให้ฉันได้พักหายใจก่อนเลยหรือไงนะ แต่ไม่เป็นไรวันนี้ฉันอารมณ์ดีฉันเลยตอบกลับเพื่อนที่แสนดีกลับไปอย่างอารมณ์ดี “ก็ไปพิสูจน์ไงว่าเอกเป็นเกย์รึเปล่า”

    “อ้าว! ก็ไหนแกตัดสินใจไปแล้วไงว่าเอกมันเป็นเกย์อ่ะ” พิมถามด้วยความสงสัย ฉันก็เลยชี้แจงให้มันฟังว่า “ก็อันนั้นเราตัดสินกันเองนี่หว่า ฉันเลยนึกได้ว่าทำไมเราไม่ให้ผู้เชี่ยวชาญมาตัดสินให้ ฉันก็เลยไปขอให้ต่อมาช่วยไง”

    “แล้วตกลงต่อมันฟันธงว่าไงล่ะ” พิมถามด้วยความอยากรู้อยากเห็นเหมือนกัน แต่เมื่อมันเห็นหน้าฉันที่กำลังอ้าปากจะพูดคำตอบออกมามันก็ชิงพูดขึ้นมาก่อนว่า “ฉันว่าฉันรู้แล้วแหละ ต่อต้องบอกว่าเอกไม่เป็นเกย์แน่เลยใช่ป่ะ”

    “แกรู้ได้ไงอ่ะ” ฉันถามมันอย่างงงๆ เพื่อนที่แสนดีของฉันหัวเราะออกมาก่อนที่จะบอกกล่าวให้ฉันเข้าใจ “ก็ดูจากหน้าแกไง ตอนนี้หน้าแกน่ะบานเป็นกระดงได้แล้วมั้ง” นี่ฉันดูง่ายขนาดนี้เลยเหรอเนี่ย แต่ช่างมันเถอะพิมรู้เองก็ดีฉันจะได้ไม่เปลืองพลังงานไปกับการพูด จะได้เอาพลังงานส่วนนั้นมาคิดแผนการที่ทำให้รู้จักกับเอกมากขึ้นดีกว่า

    “พิมๆแกต้องช่วยฉันนะ” ฉันเข้าไปเขย่าแขนพิมที่นั่งอยู่บนเตียงนอนดูโทรทัศน์อยู่พยายามทำหน้าตาน่าเอ็นดูสุดชีวิต “ช่วยไร” พิมพูดออกมาอย่างระแวง เกลียดจริงๆเลยคนรู้ทันเนี่ย แต่ฉันก็ยังต้องทำหน้าน่าเอ็นดูต่อไป “ช่วยให้ฉันรู้จักกับเอกมากขึ้นไง นะพิมนะ ช่วยเราหน่อยนะ”

    “ไม่เอาด้วยหรอก เดี๋ยวแกทำแผลงๆขึ้นมาแล้วฉันจะทำยังไงล่ะ” พิมปฏิเสธฉันอย่างไร้เยื่อใย ฉันได้แต่เก็บความแค้นเอาไว้ในใจ อย่าให้ถึงทีแกมั่งนะยัยพิม ภายนอกฉันก็ยังอ้อนต่อไป “ฉันไม่ทำอะไรแผลงๆหรอก เราน่ะออกจะเรียบร้อยนะแก”

    “ไม่ แล้วแกนี่นะเรียบร้อย” พิมพูดพร้อมกับส่งสายตาที่มีความหมายว่าแกอย่ามาหลอกฉันหน่อยเลย ฉันอ้อนไปอ้อนมายัยพิมก็ยังยืนกรานปฏิเสธตามเดิม จนในที่สุดฉันก็งัดไม้ตายออกมา “ก็ได้ แกไม่ต้องมาช่วยฉันก็ได้ ฉันไปจัดการคนเดียวก็ได้ ฉันมันหัวเดียวกระเทียมลีบอยู่แล้วนี่ มีเพื่อนเพื่อนก็ไม่รัก ให้ช่วยนิดๆหน่อยๆก็ไม่ได้” ฉันพูดด้วยน้ำเสียงหงอยๆแถมด้วยทำตาแดงๆ แล้วฉันก็ต้องแอบยิ้มกับตัวเองเมื่อเห็นยัยพิมถอนหายใจเบาๆพร้อมกับพูดออกมาด้วยความไม่เต็มใจเท่าไหร่ว่า “ก็ได้ๆ ฉันช่วยแกก็ได้ แต่แกอย่าทำอะไรแผลงๆนะ” ฉันพยักหน้าให้สัญญาแล้วโผเข้าไปกอดมันเอาไว้ เพื่อนฉันคนนี้เก่งสารพัดเรื่องจะมาพลาดก็อยู่เรื่องเดียวคือน้ำตานี่แหละ

    “แล้วนี่แกคิดจะทำยังไงล่ะ” พิมถามเมื่อฉันดันตัวออกมานั่งตามเดิมแล้ว ฉันคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วก็พูดให้มันฟังว่า “ยังไม่รู้เลยว่ะ” ยัยพิมทำหน้าเซ็งก่อนที่จะช่วยฉันคิดหาแผนการสงสัยมันจะไม่ไว้ใจให้ฉันคิดแผนคนเดียว ก็ดีฉันคิดคนเดียวมันอาจจะไม่ได้ผล หลายหัวย่อมดีกว่าหัวเดียวอยู่แล้วล่ะจริงมั้ย


    “อุ๊ย! ขอโทษค่ะ” ฉันร้องออกมาเมื่อเดินมาชนกับใครสักคนหนังสือฉันหล่นกระจาย ฉันก้มลงเก็บหนังสือ แล้วฉันก็ได้ยินเสียงทุ้มๆพูดกับฉันพร้อมกับช่วยฉันเก็บหนังสือด้วย “ขอโทษนะครับ คุณเจ็บตรงไหนรึเปล่าครับ” ฉันแอบยิ้มกับตัวเองก่อนที่จะยืนขึ้นมารับหนังสือที่ผู้ชายคนนั้นยื่นมาให้ฉัน

    “อ้าว! เอก” ฉันพูดด้วยน้ำเสียงแปลกใจเล็กน้อย ดูเอกก็แปลกใจเหมือนกันเพราะเขาก็ร้องออกมาเหมือนฉัน เขาถามฉันว่าฉันเจ็บตรงไหนรึเปล่าอีกครั้ง ฉันบอกเขาไปว่าไม่เป็นไรแล้วเขาก็พาฉันไปหายัยพิมเมื่อฉันบอกเขาว่าฉันมาหายัยพิม  

    “เฮ้ย! ใครว่ะไอ้เอก แฟนเหรอ” เสียงของเพื่อนเอกดังขึ้นอย่างมีเลศนัยระหว่างที่ฉันกำลังเดินข้างเอกเพื่อไปหายัยพิม ฉันมองไปที่ต้นเสียงแล้วก็กลับมามองหน้าเอก เห็นเอกส่งสายตาดุๆกลับไปให้เจ้าตัวต้นเสียง แต่ต้นเสียงก็ไม่เห็นกลัวเลยสักนิดกลับหัวเราะร่วนกับเพื่อนร่วมโต๊ะเอกส่ายศีรษะอย่างระอาก่อนจะเดินต่อไป ว้า! เอกนะจะตอบกลับไปนะว่าใช่ เพราะฉันอยากจะให้เป็นอย่างนั้นใจจะขาด ชาตินี้ฉันจะมีวันที่ได้เป็นแฟนกับเอกมั้ยเนี่ย

    “เอกจะไปคุยกับเพื่อนก็ได้นะ เราไปหาพิมคนเดียวได้” ฉันบอกเมื่อเราเดินห่างจากเพื่อนของเอกคนนั้นมาแล้ว ปากฉันพูดออกไปอย่างนั้นก็จริงแต่ใจฉันนี่สิตรงข้ามกับที่พูดออกไป อยากให้เอกเดินไปด้วยกันใจจะขาด เพราะตอนนี้ฉันมีความรู้สึกว่าเอกกับฉันเหมือนเป็นแฟนกันเลย เพราะ เราเดินข้างกันแถมเอกยังถือหนังสือให้ฉันด้วย ขาดไปอย่างเดียวเองเราไม่ได้เดินจูงมือกัน

    “ไม่เป็นไรหรอก ไอ้พวกนั้นไม่มันไม่มีอะไรหรอก ที่ไอ้พวกนั้นพูดมีนาไม่ต้องเอามาใส่ใจหรอกนะ” เอกบอกฉันคงเพื่อให้ฉันสบายใจ ฉันอยากจะบอกออกไปเหลือเกินว่าฉันไม่ถือสาเพื่อนเอกหรอก เพราะฉันอยากให้มันเป็นอย่างที่เพื่อนเอกพูดอยู่แล้ว แต่ด้วยความที่ฉันเป็นผู้หญิงฉันเลยไม่สามารถที่จะพูดได้อย่างที่ฉันคิด “เราเข้าใจ”

    จากคุณ : Crystal Star - [ 6 มิ.ย. 49 18:28:02 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | PanTown.com | BlogGang.com