แกว่าไงล่ะอย่าเอาแต่ยิ้มสิ ฉันเร่งเกย์สุดหล่อที่เอาแต่นั่งยิ้มอมพะนำไม่ยอมบอกเสียทีว่าเอกสุดหล่อของฉันเนี่ยเป็นเกย์หรือไม่ ฉันอยากรู้ใจจะขาดอยู่แล้ว และแล้วมันก็ยอมเปิดปากเสียที แกอยากรู้ก็ต้องมีค่าเปิดปากก่อนย่ะ เราขอเป็นเลี้ยงข้าวมื้อใหญ่มื้อหนึ่งละกัน ฉันค้อนให้มันอย่างหมั่นไส้ทีหนึ่งก่อนรับปากตกลง
แกคิดว่าเขาเป็นมั้ยล่ะ ต่อถามฉันด้วยน้ำเสียงมีเลศนัย
เราว่าเขาไม่น่าจะเป็นหรอกแก หรือว่าเขาจะเป็น ฉันตอบมันไปอย่างไม่แน่ใจ เกย์หนุ่มผู้หล่อลากดินก็ไม่ยอมบอกอะไรอีกตามเคยจนฉันต้องเร่งอีกรอบ ในที่สุดผู้ที่มีคำตอบอยู่ในความคิดก็ยอมเอนเอ่ยคำตอบออกมา ฉันนั่งฟังด้วยใจลุ้นระทึกอย่างกับตอนดูผลเอนทรานซ์ยังไงยังงั้นเลย ฉันขอฟันธงว่าสุดหล่อคนนี้ไม่เป็นเกย์แน่นอนคำตอบที่ออกมาฉันแทบจะกระโดดตัวลอยด้วยความดีใจแต่เนื่องจากตรงนี้เป็นที่สาธารณะแถมยังไม่ใช่ถิ่นของฉันอีกต่างหากเพราะตอนนี้เรายังคงนั่งอยู่ที่ตึกคณะของเอกและยัยพิมนั่นเอง แต่ตอนนี้ในใจของฉันมีสาวปอมๆเกิร์ลมากระโดดโลดเต้นเต็มไปหมดแล้ว
น่าเสียดายจังเลย นึกว่าจะได้ประชากรชาวเกย์เพิ่มขึ้นมาอีกสักคนหนึ่งซะอีก ต่อเกย์หนุ่มสุดหล่อบ่นออกมาอย่างเสียดายสุดแสน ฉันอดส่งค้อนไปให้เจ้าตัวอีกครั้งไม่ได้ เกย์หนุ่มหัวเราะออกมากับอาการที่ค่อนข้างเป็นเอามากของฉัน ก่อนที่จะชวนฉันกลับไปที่ตึกคณะเพื่อเรียนในวิชาต่อไปพร้อมกับย้ำถึงเรื่องที่ฉันจะต้องเลี้ยงข้าวเจ้าตัวมื้อใหญ่
นี่ยัยมีนาแกบอกฉันมาซะดีๆนะว่าวันนี้แกไปที่ตึกคณะฉันทำไม พิมยิงคำถามมาทันทีที่ฉันกลับมาถึงห้องพัก อะไรกันยัยนี่จะไม่ให้ฉันได้พักหายใจก่อนเลยหรือไงนะ แต่ไม่เป็นไรวันนี้ฉันอารมณ์ดีฉันเลยตอบกลับเพื่อนที่แสนดีกลับไปอย่างอารมณ์ดี ก็ไปพิสูจน์ไงว่าเอกเป็นเกย์รึเปล่า
อ้าว! ก็ไหนแกตัดสินใจไปแล้วไงว่าเอกมันเป็นเกย์อ่ะ พิมถามด้วยความสงสัย ฉันก็เลยชี้แจงให้มันฟังว่า ก็อันนั้นเราตัดสินกันเองนี่หว่า ฉันเลยนึกได้ว่าทำไมเราไม่ให้ผู้เชี่ยวชาญมาตัดสินให้ ฉันก็เลยไปขอให้ต่อมาช่วยไง
แล้วตกลงต่อมันฟันธงว่าไงล่ะ พิมถามด้วยความอยากรู้อยากเห็นเหมือนกัน แต่เมื่อมันเห็นหน้าฉันที่กำลังอ้าปากจะพูดคำตอบออกมามันก็ชิงพูดขึ้นมาก่อนว่า ฉันว่าฉันรู้แล้วแหละ ต่อต้องบอกว่าเอกไม่เป็นเกย์แน่เลยใช่ป่ะ
แกรู้ได้ไงอ่ะ ฉันถามมันอย่างงงๆ เพื่อนที่แสนดีของฉันหัวเราะออกมาก่อนที่จะบอกกล่าวให้ฉันเข้าใจ ก็ดูจากหน้าแกไง ตอนนี้หน้าแกน่ะบานเป็นกระดงได้แล้วมั้ง นี่ฉันดูง่ายขนาดนี้เลยเหรอเนี่ย แต่ช่างมันเถอะพิมรู้เองก็ดีฉันจะได้ไม่เปลืองพลังงานไปกับการพูด จะได้เอาพลังงานส่วนนั้นมาคิดแผนการที่ทำให้รู้จักกับเอกมากขึ้นดีกว่า
พิมๆแกต้องช่วยฉันนะ ฉันเข้าไปเขย่าแขนพิมที่นั่งอยู่บนเตียงนอนดูโทรทัศน์อยู่พยายามทำหน้าตาน่าเอ็นดูสุดชีวิต ช่วยไร พิมพูดออกมาอย่างระแวง เกลียดจริงๆเลยคนรู้ทันเนี่ย แต่ฉันก็ยังต้องทำหน้าน่าเอ็นดูต่อไป ช่วยให้ฉันรู้จักกับเอกมากขึ้นไง นะพิมนะ ช่วยเราหน่อยนะ
ไม่เอาด้วยหรอก เดี๋ยวแกทำแผลงๆขึ้นมาแล้วฉันจะทำยังไงล่ะ พิมปฏิเสธฉันอย่างไร้เยื่อใย ฉันได้แต่เก็บความแค้นเอาไว้ในใจ อย่าให้ถึงทีแกมั่งนะยัยพิม ภายนอกฉันก็ยังอ้อนต่อไป ฉันไม่ทำอะไรแผลงๆหรอก เราน่ะออกจะเรียบร้อยนะแก
ไม่ แล้วแกนี่นะเรียบร้อย พิมพูดพร้อมกับส่งสายตาที่มีความหมายว่าแกอย่ามาหลอกฉันหน่อยเลย ฉันอ้อนไปอ้อนมายัยพิมก็ยังยืนกรานปฏิเสธตามเดิม จนในที่สุดฉันก็งัดไม้ตายออกมา ก็ได้ แกไม่ต้องมาช่วยฉันก็ได้ ฉันไปจัดการคนเดียวก็ได้ ฉันมันหัวเดียวกระเทียมลีบอยู่แล้วนี่ มีเพื่อนเพื่อนก็ไม่รัก ให้ช่วยนิดๆหน่อยๆก็ไม่ได้ ฉันพูดด้วยน้ำเสียงหงอยๆแถมด้วยทำตาแดงๆ แล้วฉันก็ต้องแอบยิ้มกับตัวเองเมื่อเห็นยัยพิมถอนหายใจเบาๆพร้อมกับพูดออกมาด้วยความไม่เต็มใจเท่าไหร่ว่า ก็ได้ๆ ฉันช่วยแกก็ได้ แต่แกอย่าทำอะไรแผลงๆนะ ฉันพยักหน้าให้สัญญาแล้วโผเข้าไปกอดมันเอาไว้ เพื่อนฉันคนนี้เก่งสารพัดเรื่องจะมาพลาดก็อยู่เรื่องเดียวคือน้ำตานี่แหละ
แล้วนี่แกคิดจะทำยังไงล่ะ พิมถามเมื่อฉันดันตัวออกมานั่งตามเดิมแล้ว ฉันคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วก็พูดให้มันฟังว่า ยังไม่รู้เลยว่ะ ยัยพิมทำหน้าเซ็งก่อนที่จะช่วยฉันคิดหาแผนการสงสัยมันจะไม่ไว้ใจให้ฉันคิดแผนคนเดียว ก็ดีฉันคิดคนเดียวมันอาจจะไม่ได้ผล หลายหัวย่อมดีกว่าหัวเดียวอยู่แล้วล่ะจริงมั้ย
อุ๊ย! ขอโทษค่ะ ฉันร้องออกมาเมื่อเดินมาชนกับใครสักคนหนังสือฉันหล่นกระจาย ฉันก้มลงเก็บหนังสือ แล้วฉันก็ได้ยินเสียงทุ้มๆพูดกับฉันพร้อมกับช่วยฉันเก็บหนังสือด้วย ขอโทษนะครับ คุณเจ็บตรงไหนรึเปล่าครับ ฉันแอบยิ้มกับตัวเองก่อนที่จะยืนขึ้นมารับหนังสือที่ผู้ชายคนนั้นยื่นมาให้ฉัน
อ้าว! เอก ฉันพูดด้วยน้ำเสียงแปลกใจเล็กน้อย ดูเอกก็แปลกใจเหมือนกันเพราะเขาก็ร้องออกมาเหมือนฉัน เขาถามฉันว่าฉันเจ็บตรงไหนรึเปล่าอีกครั้ง ฉันบอกเขาไปว่าไม่เป็นไรแล้วเขาก็พาฉันไปหายัยพิมเมื่อฉันบอกเขาว่าฉันมาหายัยพิม
เฮ้ย! ใครว่ะไอ้เอก แฟนเหรอ เสียงของเพื่อนเอกดังขึ้นอย่างมีเลศนัยระหว่างที่ฉันกำลังเดินข้างเอกเพื่อไปหายัยพิม ฉันมองไปที่ต้นเสียงแล้วก็กลับมามองหน้าเอก เห็นเอกส่งสายตาดุๆกลับไปให้เจ้าตัวต้นเสียง แต่ต้นเสียงก็ไม่เห็นกลัวเลยสักนิดกลับหัวเราะร่วนกับเพื่อนร่วมโต๊ะเอกส่ายศีรษะอย่างระอาก่อนจะเดินต่อไป ว้า! เอกนะจะตอบกลับไปนะว่าใช่ เพราะฉันอยากจะให้เป็นอย่างนั้นใจจะขาด ชาตินี้ฉันจะมีวันที่ได้เป็นแฟนกับเอกมั้ยเนี่ย
เอกจะไปคุยกับเพื่อนก็ได้นะ เราไปหาพิมคนเดียวได้ ฉันบอกเมื่อเราเดินห่างจากเพื่อนของเอกคนนั้นมาแล้ว ปากฉันพูดออกไปอย่างนั้นก็จริงแต่ใจฉันนี่สิตรงข้ามกับที่พูดออกไป อยากให้เอกเดินไปด้วยกันใจจะขาด เพราะตอนนี้ฉันมีความรู้สึกว่าเอกกับฉันเหมือนเป็นแฟนกันเลย เพราะ เราเดินข้างกันแถมเอกยังถือหนังสือให้ฉันด้วย ขาดไปอย่างเดียวเองเราไม่ได้เดินจูงมือกัน
ไม่เป็นไรหรอก ไอ้พวกนั้นไม่มันไม่มีอะไรหรอก ที่ไอ้พวกนั้นพูดมีนาไม่ต้องเอามาใส่ใจหรอกนะ เอกบอกฉันคงเพื่อให้ฉันสบายใจ ฉันอยากจะบอกออกไปเหลือเกินว่าฉันไม่ถือสาเพื่อนเอกหรอก เพราะฉันอยากให้มันเป็นอย่างที่เพื่อนเอกพูดอยู่แล้ว แต่ด้วยความที่ฉันเป็นผู้หญิงฉันเลยไม่สามารถที่จะพูดได้อย่างที่ฉันคิด เราเข้าใจ
จากคุณ :
Crystal Star
- [
6 มิ.ย. 49 18:28:02
]