คนสองโลก
คนสองโลก
ช่วงที่ผมเห็นอาคารสีเหลือง ทำให้ผมนึกอะไรขึ้นมาได้
ตึกสามชั้นซึ่งเป็นที่ทำงานของผมตอนนี้กำลังสับสนวุ่นวายกับผู้คนทั้งพนักงานบริษัทและคนมาติดต่อ แต่ผมมุ่งความสนใจไปยังชายวัยเกือบห้าสิบปีท่าทางภูมิทางในชุดสุทหรูหราราคาแพงซึ่งกำลังเดินตรงไปยังลานจอดรถ โดยมีบริเวณสามสี่คนเดินตาม บางคนกางร่มให้ทั้งที่อากาศตอนนั้นไม่ร้อนเลยสักนิด
ขณะที่ยืนรอให้คนขับรถเปิดประตูให้ บริวารคนหนึ่งก้มลงหยิบ เอาผ้าเช็ดหน้าออกมาจากกระเป๋าเสื้อ บรรจงเช็ดรองเท้าเจ้านายอย่างตั้งอกตั้งใจก่อนใช้ลิ้นเลีย แผล็บ ๆลงบนผิวมันวาวของรองเท้าคู่นั้นเพื่อแสดงว่ามันสะอาดขนาดไหน ในเวลาเดียวกันก็ส่ายก้นไปมาทั้งๆ ที่ไม่มีหาง เป็นกิริยาแบบเดียวกับหมาแสดงความรักของมันต่อเจ้านายไม่มีผิด
รองเท้าเจ้านายอร่อยมากครับ
มันเงยหน้าขึ้นมายิ้มพลางเลียปากไปมา สังเกตว่าลิ้นของมันมีสองแฉก
ให้ความรู้สึกตอนเลียนุ่มละมุนราวรองเท้าที่ผ่านก่อนหมักบ่มมานานนับสิบปีจนรสนุ่มคอไม่บาดลิ้น กลิ่นหอมกรุ่นจรุงใจเย้ายวน แบบนี้เดินผ่านไปแถวไหนรับรองหมา เอ้ย...สาวๆ วิ่งตามเป็นพรวนแน่นอนครับ
ไอ้พวกบ้าเอ๊ย........
ผมเห็นภาพเหล่านั้นอย่างถนัดตา เพราะเดินตามพวกมันมาติดๆ น่าเกลียดน่าชังเหลือเกินกับพวกเจ้านายหูเบาและลูกน้องขี้ประจบพวกนี้ เลื่อยยนต์ในมือของผมคำรนคำรามกระหึ่มขึ้นทันที ฟันเลื่อยวิ่งหมุนเร็วจี๋น่าสะพรึงกลัวท่ามกลางเสียงเสียดประสาทบาดหู
เจ้านายหันมายิ้มอ่อนโยนแต่แฝงด้วยความเจ้าเล่ห์ เพราะคิดว่าไม่มีใครในโลกนี้จะกล้าทำร้ายมันได้ เนื่องจากคิดว่าตัวเองใหญ่โตบารมีล้นฟ้า หมาที่ไหนจะกล้ามากัด แต่มันคิดผิดเมื่อผมค่อยๆ กดเลื่อยยนต์ลงไปบนลำคอของเจ้านายที่แสนเกลียดขี้หน้า โทนเสียงของเลื่อยเปลี่ยนไปในทางนุ่มนวล เมื่อได้ดื่มเลือดเนื้อมนุษย์ เศษเลือดเศษเนื้อกระจัดกระจายเป็นฝนเลือดตกไปทั่วบริเวณ เลื่อยยนต์จงใจบิดกดลงผ่านตำแหน่ง ของหัวใจ ร่างของมันชักกระตุกราวปลาถูกทุบหัว ไม่นานนักร่างเจ้านายก็ขาดสะพายแล่งเป็นสองส่วนท่ามกลางความตกตะลึงพรึงเพริดของลูกน้องทั้งหลาย
พอผมหันไปมองด้วยใบหน้ายิ้มเปื้อนเลือด พวกนั้นได้สติลุกขึ้นวิ่งไม่เหลียวหลัง หลายคนหวีดร้องด้วยความตกใจ หลายคนหันมามองแล้วเดินผ่านไปเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น เพราะเรื่องมันไม่น่าเชื่อว่าจะเกิดขึ้นได้ อาจคิดว่าเป็นการถ่ายหนังก็เป็นได้
ตำรวจสองนายโผล่ออกมาจากฝูงชน ชูกุญแจมือหรา พวกเขามาถึงที่เกิดเหตุเร็วจริงๆ อย่างไม่น่าเชื่ออีกเหมือนกัน
ผมหันไปมอง ไม่ได้กลัวการถูกจับเลยสักนิด ไม่มีตำรวจที่ไหนจับผมได้ ความจริงผมอยากเล่นสนุกอะไรให้มากกว่านี้ แต่คิดว่าพอแค่นี้ก่อน ความตื่นเต้นเร้าใจมีมากไปก็จะกลายเป็นความซ้ำซากจำเจ ก่อนตำรวจจะเข้าถึงตัวผมก็พุ่งเอาศีรษะชนกับผนังตึกเต็มแรงจนรู้สึกเหมือนกระโหลกจะร้าวหรือระเบิดออกเป็นเสี่ยงๆ ผมนึกเห็นภาพศีรษะซึ่งระเบิดออกเหมือนแตงโมถูกทุบ ภาพมันคงน่ากลัวพิลึก
ผมตื่นขึ้นในตอนนั้นเอง ตื่นขึ้นมาอย่างสบายใจ ความแค้นถูกระบายออกในความฝันอย่างน้อยก็ส่วนหนึ่ง
มันเป็นเรื่องเหมือนง่ายๆ แต่อะไรบางอย่างที่ไม่ง่ายอยู่ในความฝันชองผม แต่มีสิ่งหนึ่งที่พิเศษกว่าคนอื่นคือผมมักจะนึกขึ้นได้ในความฝันว่าผมกำลังฝันอยู่ อาการแบบนี้เป็นปล่อยขึ้นทุกที มันไม่ใช่การความคุมความฝัน เพราะผมไม่สามารถบังคับให้ตัวเองฝันตามที่ต้องการ แต่รู้ว่าตัวเองกำลังฝันอยู่ นั่นคือความตื่นเต้นสุดยอด เพราะผมจะทำอะไรก็ได้โดยไม่เกรงใจใคร.....แน่ละ..ก็เพราะมันเป็นความฝันเท่านั้น
ตัวอย่างเช่นคืนหนึ่งผมฝันว่าตัวเองถูกฝูงซอมบี้ไล่จับ ไม่ว่าจะวิ่งหนีไปตรอกซอกซอยไหน เจ้าผีนรกกลุ่มนั้นมักจะตามไปเจอและฝีเท้ามักจะหนักอึ้งขึ้นเรื่อยๆ อะไรบางอย่างพุ่งวูบขึ้นมาในความคิด ซอมบี้ของจริงมีที่ไหน แล้วเมืองนี้เราไม่เคยรู้จักเลย..มันต้องเป็นความฝัน..ตื่นเสียที....พวกผีนั่นใกล้เข้ามาแล้ว.....
ผมตัดสินใจพุ่งเอาหัวโขกกับต้นไม้ข้างทางเพราะปลุกตัวเองให้ตื่น!! แน่นอนมันได้ผล ผมเริ่มเรียนรู้ในการที่จะทำให้ตัวเองรู้ว่ากำลังฝันอยู่ เพียงแต่นึกถึงความจริงให้ได้เท่านั้น
ทีทำงานของผมความจริงทาสีขาว ไม่ใช่สีเหลือง.....เมื่อผมเห็นอาคารสีเหลือง ก็แน่ใจทันทีว่าอยู่ในโลกแห่งความฝัน ความฝันซึ่งเป็นโลกของผมเท่านั้นไม่มีอย่างอื่นเจือปน! โลกที่จะทำอะไรก็ได้ไม่มีกฎหมายไม่มีกฎเกณฑ์ใดๆ โลกที่เหนือจินตนาการ
ความฝันของผมชัดเจนเหลือเกิน แต่กระนั้นเมื่อตื่นขึ้นมามันก็กลายเป็นความทรงจำ พูดถึงเรื่องความทรงจำกับความจริงผมคิดว่ามันไม่ต่างอะไรกันมากนัก ความจริงของเมื่อวาน กับ ความฝันของเมื่อวาน ต่างก็เป็น ความทรงจำ เหมือนกัน เป็นภาพถ่ายที่เก็บประสบการณ์ในอดีตไว้เท่านั้น เพราะตัวตนของคุณติดอยู่กับปัจจุบันเพื่อรอการถูกถ่ายเก็บไว้ในแฟ้มแห่งความทรงจำของอนาคตซึ่งกำลังเคลื่อนใกล้เข้ามาเช่นกัน ดังนั้นผมจึงไม่ใส่ใจกับอดีตแห่งความเป็นจริงนัก
แต่เรื่องมันชักจะมีอะไรแปลกๆ สองสามวันต่อมามีข่าวว่าหัวหน้าเกิดอาการเจ็บคอและหัวใจจนต้องพักงานไปหนึ่งวัน ตอนแรกผมไม่สนใจอะไรขณะได้ยินข่าว จนกระทั่งเพื่อนอีกคนมาขยายข่าวเพิ่มเติม นัยว่าตัวเองเป็นผู้รู้ข้อมูลดีกว่าใคร
หัวหน้าบอกด้วยว่าก่อนจะมีอาการเจ็บป่วย ฝันด้วยว่าถูกใครไม่รู้ไล่เอาเลื่อยตัดคอ
น้ำเสียงของเพื่อนนั้นแผ่วเบากระซิบกระซาบราวกับเป็นความลับวาระสุดท้ายของโลก
พอตอนเช้าท่านก็เกิดอาการเจ็บคอเจ็บหน้าอกจนต้องเข้าตรวจร่างกายที่โรงพยาบาล มันแปลกดีไหมล่ะ..
ผมรับฟังด้วยสีหน้าท่าทางเรียบเฉย แต่ภายในใจเกิดความตื่นเต้นขึ้นมาอย่างไม่มีเหตุผล มันน่าจะมีอะไรบางอย่างเชื่อมโยงกันระหว่างความฝันและความเป็นจริง หรือมันจะเป็นเรื่องบังเอิญกันแน่ อย่างไรก็ตามผมต้องพิสูจน์ความสงสัยให้กลายเป็นกฎและทฤษฎีสักอย่างให้ได้ วันนั้นผมรีบอาบน้ำทานข้าวและรีบเข้านอน พยายามบังคับความคิดนึกถึงที่ทำงานเท่านั้น
+++++++
เลยเส้นแดงแล้ว.....มาทำงานสายอีกแล้วนะ
หญิงวัยกลางคนมองลอดแว่นกรอบใหญ่ออกมาด้วยสายตาขุ่นเคือง เบื้องหน้าของหล่อนเต็มไปด้วยกองกระดาษไม่เป็นระเบียบ ริมฝีปากแสยะเหยียดน่าเกลียดแดงฉานราวสีเลือด ตามตำแหน่งแล้วก็ไม่ได้เหนือกว่าผมอะไรเลย แต่เพราะการที่มีหน้าที่ควบคุมการลงเวลาของพนักงาน ทำให้งานที่ทำมันดูมีอำนาจเหนือธรรมดา เพราะเป็นคนรายงานผู้ใหญ่ ซึ่งบางทีก็รายงานถูกรายงานผิดตามสภาพความคุ้นเคยกับคนมาลงเวลา ถ้าเป็นคนคุ้นเคยต่อให้มาสายจนเลยเส้นแดงก็สามารถลงเวลาได้
นี่มันเพิ่งจะเจ็ดนาฬิกาเท่านั้นนะครับ
ผมอธิบายอย่างมึนงงและไม่แน่ใจ เพราะเวลานี้ก็เป็นเวลาปกติซึ่งผมมาทำงานทุกวัน
เจ็ดโมงที่ไหนกัน ดูนาฬิกาโน่น
หล่อนตวาดเสียงดังพลางชี้มือให้ดูนาฬิกาข้างผนัง ผมหันไปดูก็ต้องแปลกใจเพราะมันขี้บอกเวลาเก้านาฬิกา...อะไรกัน ผมมาสายขนาดนี้เป็นไปได้อย่างไร ไม่ใช่แค่เรื่องเวลาเท่านั้นที่แปลก ยังมีอะไรที่แปลกๆอีก ใช่แล้วผมนึกขึ้นมาได้ ใช่แล้ว...บริษัทแห่งนี้ลงเวลาโดยการใช้บัตร ไม่ใช่ลงเวลาโดยการเซ็นชื่อและยัยคนนี้ทำงานอยู่ฝ่ายเอกสารหน้าห้องหัวหน้าต่างหาก ไม่ใช่เจ้าหน้าที่ธุรการเลยสักนิด
มันฝันนี่หว่า......ผมคำรามในใจ แล้วพอดี เห็นเลื่อยยนต์วางบนพื้นใกล้ๆเท้านี่เอง..จะมีแต่ความฝันเท่านั้นที่เกิดอะไรเหลือเชื่อและไม่มีเหตุผลแบบนี้.. ได้เวลาสนุกแล้ว รู้สึกตัวยิ่งใหญ่เหมือนมีอำนาจครองโลก
เลื่อยยนต์คำรามอีกครั้ง ผมกวัดแกว่งมันไปมาอย่างน่าหวาดเสียวและสนุกสนานปนบ้าคลั่ง ก่อนเหวี่ยงโครมลงไปยังร่างของหญิงเคราะห์ร้ายซึ่งนั่งตรงหน้า ซึ่งกำลังปากอ้าตาค้างหวีดร้อง ร่างของหล่อนฉีกขาดกระจัดกระจายออกไปทุกทิศทุกทาง ศีรษะลอยกระเด็นหมุนคว้างขึ้นไปกระแทกเพดานก่อนกระเด็นไปชนเพผนังห้อง แล้วระเบิดออกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย แมลงสาบและตัวหนอนมากมายกระจายเต็มพื้นห้อง
มันสวยงามจริงๆ ผมเริ่มนึกแบบซาดิสม์ โลกแห่งความฝันทำอะไรก็ได้ แต่ผมกับพวกแมลงสาปไม่ถูกกันนัก ดังนั้นจึงเลี่ยงออกมาจากห้อง
ระหว่างทางสวนกับสาวน้อยหน้าใสคนหนึ่ง หน้าตาสะสวย รูปร่างเพรียว เรียวขางามใต้ชายกระโปรงสะบัดพลิ้วเหนือเข่า ชวนมองเป็นอย่างยิ่ง ที่จริงเธอมีสามีอยู่แล้ว แต่เพราะรู้ว่าฝันผมจึงกล้าดึงตัวเธอมาจูบหนึ่งที อย่างหน้าตาเฉยกึ่งลามก
บ้า...คนอุบาทว์ โรคจิต
เพี้ยะ!!!
หลังเสียงด่าคือ ฝ่ามือน้อยๆ ซัดเข้าเต็มหน้า เท้าน้อยๆ ยันอีกโครม ผมหัวซุกหัวซุนไปกระแทกผนังอย่างจัง ย่างว่าล่ะครับ ในฝันอะไรก็เป็นไปได้ ใครจะเชื่อว่าเท้าของผู้หญิงจะยันรุนแรงจนทำให้ตื่นทั้งฝัน !!
คุณจะเชื่อไหมว่าตอนตื่นใหม่ๆ ผมยังรู้สึกเจ็บที่ใบหน้าอยู่เลย แต่น่าแปลกที่ไม่ได้หรือสึกเจ็บบริเวณหัวเลยสักนิด ทั้งที่ในฝันชนกับผนังห้องอย่างเต็มแรง มันควรจะมีคำอธิบายสักอย่าง แต่ช่างเถอะ...ตอนนี้ผมต้องรีบไปสังเกตการณ์ที่ทำงาน
ช่วงก่อนเวลาพักเที่ยงเล็กน้อย เพื่อนสนิทคนหนึ่งมาหาที่โต๊ะทำงาน ขามีท่าทางยิ้มกริ่มเต็มไปด้วยความพอใจหรือสะใจอะไรสักอย่าง
ยัยแม่มดห้องธุรการป่วย วันนี้ไม่มาทำงาน
ผู้สื่อข่าวประจำบริษัทรายงาน ยัยแม่มดที่ว่าจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากผู้หญิงสวมแว่นตาหนาเตอะ ปากจัดราวกับเป็นทายาทแม่มดผู้ชำนาญในการร่ายเวท เธอเป็นที่ไม่ชื่นชอบของคนส่วนใหญ่ในบริษัทเพราะการวางอำนาจเกินตัวของเธอ ขี้ฟ้องก็เท่านั้น นินทาชาวบ้านก็เท่านั้น
เห็นว่าปวดหัวจนต้องเข้าโรงพยาบาล
ก็น่าสงสารนะ
ผมพยายามกลบเกลื่อนความรู้สึกสาแก่ใจ เพราะไม่ชอบเธอเหมือนกัน
มันยังมีเรื่องที่แปลกอีกนะ
ผู้สืบข่าวกระซิบกระซาบ ขณะมองหน้ามองหลังเหมือนกลัวความลับจะรั่วไหล ทั้งที่ไม่จำเป็นต้องทำแบบนี้สักนิด อะไรก็ตามที่ผมรู้ คนอื่นต้องรู้ไปทั่วบริษัทแล้ว
แกบอกว่าเมื่อคืนฝันว่ามีคนเอาเลื่อยยนต์มาทำร้ายแก
แล้วแกจำได้ไหมว่าใครที่ทำร้าย
ขณะถามผมรู้สึกใจเต้นรัว มือเย็นเฉียบ อะไรบางอย่างก่อเค้าและสร้างรูปแบบขึ้นมาในความคิด
แกไม่ได้บอก แต่อาการเดียวกับที่หัวหน้าเป็นเลย สงสัยเป็นโรคติดต่อ
ประโยคหลังเขาทำท่าเหมือนพูดติดตลก แต่ผมไม่ได้รู้สึกขบขันอะไรเลยสักนิด เพราะในใจเริ่มประทุคุกรุ่นด้วยความตื่นเต้นที่บรรยายไม่ถูก โลกนี้มีอะไรซึ่งประหลาดไม่คาดคิด ความฝันของผมมีผลต่อโลกแห่งความเป็นจริง มันอาจไม่มีผลขั้นรุนแรงถึงชีวิต แต่ถ้าหากผมรู้จักควบคุมให้ดี ชำนาญมากกว่านี้ บางทีผมอาจจะสามารถควบคุมได้ทั้งโลก ถึงแม้ตอนนี้ฟังดูมันเลื่อนลอยก็ตามที ในอนาคตผมอาจจะฝันไปจัดการกับคนที่เป็นศัตรูไม่ว่าจะใหญ่มาจากไหนก็ตาม หรือกระทั่งการข่มขู่เรียกค่าคุ้มครองความฝัน อะไรมันก็อาจเป็นได้ทั้งนั้น
ได้เวลาพักเที่ยง ผมลุกขึ้นจัดข้าวของและเอกสารบนโต๊ะ พอดีกับแม่สาวคนสวยที่ผมแอบปลื้มเธออยู่แม้ว่าเธอจะแต่งงานไปแล้วก็ตาม เธอมาหยุดมองผมด้วยสายตาแปลกๆ
ผมหันไปมองและขมวดคิ้วเป็นเชิงถาม เธอทำท่าอึกอักครู่หนึ่งแล้วเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงแสดงความไม่แน่ในในอะไรบางอย่างว่า
เมื่อคืนฉันฝันแปลกๆเกี่ยวกับคุณ.....
ผมมองหน้าเธอแทนการพูดจาโต้ตอบ อย่างน้อยก็เป็นหยั่งท่าทีและซ่อนพิรุธบางเรื่องไว้ในใจ
ฝันว่า..คุณ เอ้อ.... เธออึกอัก หยุดพูดไปครู่หนึ่ง แล้วเปลี่ยนเรื่องอย่างทันทีทันใด
ช่างเถอะ......แต่เย็นนี้อย่าลืมงานเลี้ยงล่ะ
พูดจบเธอก็เดินผละออกไป แต่ผมทราบว่าเธอจะพูดอะไร นี่ถ้าหากเธอรู้ความความจริงว่าผมเองก็รู้ว่าเธอฝันอะไรเรื่องมันจะลงเอยอย่างไรกัน มันจะบาปไหมนะที่เราไปชอบพอใครบางคนในความฝัน มันไม่น่าจะบาป ...แต่อาจรู้สึกผิด เอาน่า....คืนนี้ผมจะเข้าไปแก้ตัวกับเธอก็ได้ ผมยังไม่คิดจะปล้ำเธอในความฝันเพราะเกรงว่ารุ่งเช้าจะมองหน้ากันไม่ได้
+++++
แก้ไขเมื่อ 07 มิ.ย. 49 22:46:46
แก้ไขเมื่อ 06 มิ.ย. 49 22:20:21
จากคุณ :
Psycho man
- [
6 มิ.ย. 49 22:06:39
]