หลังจากที่อิ่มกับอาหารกลางวัน พร้อมทั้งของหวาน คือการลับฝีปากกันอย่างพอหอมปากหอมคอเรียบร้อยแล้วนั้น ปีรยาก็ขับรถพาเบนมาถึงที่สวนสัตว์เชียงใหม่พอดี
จุดกำเนิดของสวนสัตว์เชียงใหม่นี้จะไม่เหมือนกับสวนสัตว์อื่นๆ ทั่วไปในประเทศไทยนะคะ นั่นคือเป็นการเริ่มต้นจากการสะสมสัตว์ชนิดต่างๆ โดยชาวต่างประเทศคนหนึ่ง ชื่อ นาย ฮาโรลด์ เมสัน ยัง มิชชั่นนารีอเมริกัน ผู้เข้ามาเป็นอาสาสมัครสอนการยังชีพในป่าให้แก่พวกทหาร และตำรวจชายแดนในช่วงสงครามเกาหลี อืม แต่เป็นปีไหนฉันก็จำไม่ได้เหมือนกันนะคุณ โดยอาศัยพื้นที่บ้านที่ตนเองเช่าอยู่คือ บ้านเวฬุวัน เชิงดอยสุเทพ เป็นสถานที่เริ่มต้น หลังจากนั้นจึงเริ่มเปิดเป็นสวนสัตว์เล็กๆ ของเอกชนเมื่อประมาณพ.ศ. 2495 โดยจ้างคนพื้นเมือง และชาวเขาจำนวนไม่มากนักเพื่อดูแล จนกระทั่ง พ.ศ.2520 จึงโอนเข้าสังกัดองค์การสวนสัตว์แห่งประเทศไทย
สัตว์ที่นี่ก็มีหลากหลายนะคะ ทั้งสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม สัตว์ปีก สัตว์เลื้อยคลาน สัตว์น้ำ รวมทั้งสัตว์ที่มาจากต่างประเทศด้วยค่ะ อย่างเช่น หมีแพนด้า ช่วงช่วง กับ หลินฮุ้ย ที่เป็นด่าวเด่นของสวนสัตว์ที่นี่ ก็ได้มาจากประเทศจีน นกเพนกวินนี่ก็มาจากสวนสัตว์จูล่ง สิงคโปร์ค่ะ
ปีรยาปล่อยให้เบนได้เพลิดเพลินกับการถ่ายรูปความน่ารักของบรรดาสัตว์ทั้งหลายสักพัก ก่อนที่จะเดินเข้าไปสะกิดเตือนว่า คุณๆ จะบ่ายสองแล้ว ไปเหอะ เดี๋ยวจะไปดูการแสดงสัตว์ไม่ทัน
รายการแสดงของสัตว์แสนรู้ที่นี่ มีวันละ 2 รอบ คือ 11.00 12.00 น. และ 14.00 15.00 น. รวมทั้งเพิ่มเวลา 15.30 16.15 น. อีกรอบในวันหยุด
นั่นไงคุณ น้องชาลี เพื่อนคุณไง ปีรยาหัวเราะอย่างร่าเริง พลางชี้ชวนให้ชายหนุ่มข้างตัวดูหมีขอ ที่กำลังแสดงการไต่ราว ชายหนุ่มได้แต่ส่ายหัวกับอาการนั้นของหญิงสาว แต่ก็มิได้ตอบว่าอะไร เพียงแต่ยกกล้องถ่ายรูปขึ้นเพื่อเก็บภาพความน่ารักของเจ้าหมีแสนรู้
ถัดจากน้องชาลีไต่ราว ก็เป็นน้องสำลี ซึ่งเป็นนกพิริแกน และน้องเลเซอร์ นกเหยี่ยว ที่แสดงการบินหาอาหาร โดยเจ้าหน้าที่ได้วางอาหารใส่มือของอาสาสมัครผู้ชมท่านหนึ่ง แล้วให้ยื่นมือออกมาข้างหน้าเพื่อที่จะได้ให้นักแสดงบินโฉบมารับอาหาร เรียกเสียงปรบมือจากผู้ชมได้รอบอัฒจันทร์ จากนั้นจึงเป็นคิวของน้องรอนโด ซึ่งเป็นนากแสนรู้ ทำหน้าที่เป็นทูตตาวิเศษเก็บขยะ น้องแซม ชะนีโหนราว และปิดท้ายด้วย น้องไชโย ช้างน้อยแสนรู้ ขวัญใจเด็กๆ ที่มาแสดงความสามารถในการวาดภาพ ระบายสี
เสร็จสิ้นจากการแสดงแล้ว ปีรยาจึงชักชวนให้ชายหนุ่มไปดูแพนด้า ดาราดังของสวนสัตว์แห่งนี้กันต่อ
ตัวนั้นตัวผู้ค่ะ ชื่อว่า ช่วงช่วง ส่วนตัวเมียนั่นชื่อว่า หลินฮุ้ยค่ะ ปีรยาพูดพลางชี้ชวนให้ชายหนุ่มเก็บภาพความน่ารักของเจ้าหมีแพนด้า
พี่สาว พี่สาว นั่นเจ้าช่วงช่วงมันเป็นอะไรอ่ะครับ เสียงถามของอาตี๋น้อยหน้าตาน่ารัก วัยประมาณ 6 ขวบ ที่กำลังกระตุกชายเสื้อของปีรยาอยู่นั้น ทำให้หญิงสาวต้องย่อตัวลงไปคุยกับหนูน้อย
หืม ชื่ออะไรจ๊ะหนุ่มน้อย แล้วมากับใครครับเนี่ย
หนุ่มน้อยไม่ตอบคำถามนั้น หากแต่ชี้มือไปยังกลุ่มทัวร์กลุ่มย่อย อันประกอบไปด้วย บรรดาอาม่า อาแปะ และอาซิ้ม ปีรยาเดาว่า น่าจะเป็นนักท่องเที่ยวชาวไต้หวันหรือไม่ก็สิงคโปร์ เพราะเจ้าหนูน้อยคนนี้พูดภาษาอังกฤษได้คล่องปรื๋อ
ผมว่ามันกำลังรำคาญหลินฮุ้ยนะเนี่ย พี่สาวว่างั้นมะ หนุ่มน้อยยังคงตื้อให้เธอตอบคำถามต่อ
อืม ไม่น่านะ พี่ว่า มันกำลังจู๋จี๋กันอยู่ต่างหาก ดูนั่นสิ หยอกล้อกัน น่าเอ็นดูเชียว
ไม่จริงหรอก ผมว่ามันกำลังรำคาญหลินฮุ้ยอยู่ต่างหากล่ะ ก็เหมือนกับพวกเด็กผู้หญิงนั่นแหละ ชอบวุ่นวาย น่ารำคาญจะตาย หนุ่มน้อยเถียงอย่างไม่ยอมแพ้
ปีรยาเลิกคิ้วอย่างนึกขำในคำพูดนั้น ก็ดูสิ เจ้าหนูนี่คงลืมไปกระมัง ว่าตัวเองก็ยังเป็นเพียงแค่เด็กตัวกะเปี๊ยก แหม ทำท่าทำทางอย่างกับเป็นผู้ใหญ่เสียเต็มประดา
แหม หนูจ๋า เด็กผู้หญิงน่ะ ไม่ได้น่ารำคาญไปซะทุกคนหรอกนะจ๊ะ ดูอย่างพี่นี่สิ ตอนเด็กๆ น่ารักยังไง โตขึ้นมาก็น่ารักอย่างงั้นเลย โฮะ โฮะ โฮะ
เสียงสนทนาระหว่างเด็กน้อย และเด็กโข่งที่ดังออกมานั้น เรียกความสนใจจากชายหนุ่มที่กำลังถ่ายภาพอยู่ ให้หันกลับมามองอย่างขบขัน เฮ้อ ทะเลาะได้แม้แต่กับเด็ก
ไม่จริงหรอก เด็กผู้หญิงอ่ะน่ารำคาญจะตาย ดูอย่างช่วงช่วงสิ ยังทำหน้ารำคาญหลินฮุ้ยเลย จริงไหมครับอาม่า ประโยคสุดท้ายนั้น เด็กน้อยเริ่มหันไปขอความช่วยเหลือจากตัวช่วยที่กำลังยืนมองหลานชายตัวน้อย สนทนากับหญิงสาวชาวไทยอย่างออกรส
ไม่จริงหรอกจ๊ะ ปีรยายังไม่ยอมแพ้ พี่ว่านะ ช่วงช่วงมันกำลังแสดงความรักกับหลินฮุ้ยอยู่ต่างหาก ดูสิ หน้าตามันออกจะแสดงถึงความร๊ากกกอันเต็มเปี่ยมที่มีให้กับคู่ของมัน โรแมนติกออกจะตาย หญิงสาวพูดไป ทำท่าทางเคลิ้มฝันประกอบ
หากยังไม่ทันที่พ่อหนูน้อยจะเถียงอะไรขึ้นมาอีก เสียงสองเสียงก็ดังออกมาจากก้นของเจ้าช่วงช่วง
ผลุด ผลุด
แล้วคำพูดที่ทำให้ปีรยาเกิดความรู้สึก อยากจะแทรกแผ่นดินหนีก็ดังออกมาจากปากของอาม่าของเจ้าหนูน้อย ที่กำลังหันไปพูดกับเบน
ฮ่าๆๆๆ อาคุงฟ่าหรั่ง เมียลื้อนี่ท่าทางโรแมงติกดีน่อ อาแพงด้ามังปวกขี้ แต่อีดังบอกว่า มังกำลังซาแลงความรักกัง ฮ่าๆๆ สิ้นเสียงหัวเราะของอาม่า ผู้คนที่ยืนอยู่ในบริเวณนั้นก็พากันหัวเราะครืนรับต่อๆ กันไปอย่างกับเป็นระเบิดลูกโซ่ ไม่เว้นแม้กระทั่งอีตาเบน ที่ไม่พยายามปกปิดเสียงหัวเราะของตัวเองเลยสักนิด
ปีรยาหน้าแดง หันซ้ายหันขวาอย่างไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรดี สุดท้ายจึงได้แต่ดึงหมวกลงมาปิดเพื่ออำพรางใบหน้า แล้วจ้ำอ้าวออกมาจากบริเวณนั้นโดยเร็วที่สุด
อ้าว อาคุงฟ่าหรั่ง มัวแต่ยืนหัวเราะอยู่ล่าย รีบตามไปซี่ เมียลื้องอนไปนู่นเลี้ยว อาม่ากล่าวกับเบนอย่างเอ็นดู ในขณะที่เบนพยายามกลั้นหัวเราะอย่างยากเย็น แล้วรีบวิ่งตามหญิงสาวออกมา
ปีบ ปีบ เดี๋ยวก่อนสิ รอผมด้วย เป็นครั้งแรกที่เบนเรียกชื่อเล่นของปีรยา แทนที่จะใช้คำว่า คุณ เหมือนทุกครั้ง หากแต่หญิงสาวในขณะนี้ ยังอยู่ในอารมณ์ทั้งโกรธและอายเกินกว่าจะสังเกตได้
เบนวิ่งตามออกมาทันจนคว้าแขนของหญิงสาวเอาไว้ได้ เอ่ยปากถามด้วยสีหน้ายิ้มๆ คุณเป็นอะไร โกรธ หรือว่าอาย
ก็ทั้งสองอย่างนั่นแหละ ปีรยาโวยเสียงดัง
ทั้งอายที่โดนคนอื่นหัวเราะเยาะ แล้วก็โกรธคุณด้วย ก็คุณนั่นแหละ หัวเราะดังกว่าใครเพื่อนเลย หญิงสาวพยายามดึงแขนตัวเองออกจากการเกาะกุมของชายหนุ่ม หากแต่เบนไม่ยอมปล่อย และเปลี่ยนมายึดข้อมือหญิงสาวเอาไว้แทน
โธ่คุณ คิดมากน่า คนพวกนั้น รวมทั้งผมด้วย ไม่ได้หัวเราะเยาะคุณซักหน่อย แต่หัวเราะ
อืม
จะใช้คำว่าอะไรดีล่ะ..เรียกว่าหัวเราะด้วยความเอ็นดู ในจินตนาการของคุณมากกว่า จริงๆ นะ เบนพยักหน้าอย่างหนักแน่น เพื่อเสริมความน่าเชื่อถือในคำพูด
แต่ผมสงสัยอะไรอย่างนะคุณ เบนถามสาวตรงหน้า ที่ตอนนี้กำลังทำปากยื่นๆ ด้วยความงอน
สงสัยไรล่ะ
คือ ผมสงสัยว่า ที่คุณหน้าแดงจนต้องวิ่งหนีออกมาเนี่ย เป็นเพราะคุณอายที่พวกเค้าหัวเราะคุณเรื่องแพนด้า หรือว่าคุณอายที่อาม่าคนนั้นทึกทักเอาว่าคุณเป็นเมียผมกันแน่ เบนถามหญิงสาวด้วยแววตากรุ้มกริ่ม นั่นยิ่งทำให้หน้าของปีรยาที่แดงอยู่แล้ว ยิ่งแดงเข้าไปอีก หญิงสาวรู้สึกว่า ตอนนี้หัวใจตัวเองมันกำลังเต้นเป็นจังหวะแรพ ได้แต่เสพูดเสียงดังกลบเกลื่อน
จะบ้าเหรอ ทำไมฉันจะต้องเขินคุณด้วย ปล่อยมือฉันได้แล้ว หญิงสาวพยายามบิดข้อมือตัวเองออกจากมือแข็งแรงของชายหนุ่ม
แล้วทำไมคุณหน้าแดง เบนยังคงไม่ยอมปล่อยง่ายๆ
ก็ ก็ ก็ฉันวิ่งออกมาไง ก็เลยเหนื่อยไง หน้าเลยแดงเป็นธรรมดาไง ปีรยาตอบอย่างอ้อมแอ้ม
ง๊านนน เหรอ เบนลากเสียงยาว แล้วก้มหน้าลงมากระซิบใกล้ๆ ใบหน้าของหญิงสาว แล้วคุณจะหน้าแดงไปกว่านี้อีกมั้ย ถ้าผมจะบอกว่า คุณน่ะ น่ารัก
ได้ผล คราวนี้ปีรยาทำตาโต อ้าปากหวอ หน้าที่ว่าแดงอยู่แล้ว บัดนี้ได้แดงลามไปถึงลำคอด้วยอีกต่างหาก เบนหัวเราะ หึ หึ อย่างชอบใจ ก่อนจะใช้นิ้วมือเชยคางหญิงสาว ให้ปากที่อ้าหวออยู่นั้นปิดสนิท
ผมไปรอที่รถก่อนนะคุณ ให้เวลาเขินได้ 5 นาที แล้วรีบตามมาล่ะ เบนบอกเธอ ก่อนที่จะผิวปากเดินจากไปอย่างอารมณ์ดี ปล่อยให้หญิงสาวยืนอ้ำอึ้งอยู่ตรงนั้นคนเดียว
ตาบ้า ฉันไม่ใช่นักแสดงของนายนะยะ จะได้สั่งคัทเวลาเขินได้อัตโนมัติน่ะ ปีรยาได้แต่ส่งค้อนให้แผ่นหลังของเบน ก่อนที่จะตบแก้มตัวเองเบาๆ อย่างจะเรียกความมั่นใจ แล้วจึงเดินตามชายหนุ่มไปที่รถ
++++++++++
หรือว่ามีใครตามเรามา
ความคิดแวบหนึ่งผ่านเข้ามาในหัวขณะที่ปีรยากำลังนั่งเช็ดผมตัวเองอยู่บนเตียงนอน วันนี้หญิงสาวใช้เวลาตลอดทั้งวันในการเขียนบทภาพยนตร์ที่สวนพฤกษศาสตร์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิตติ์ ซึ่งอยู่ห่างจากใจกลางเมืองเชียงใหม่เพียง 27 กิโลเมตร ธรรมชาติอันสงบและสวยงามแห่งนั้น สามารถช่วยให้เธอลดความหงุดหงิดใจเกี่ยวกับเบนลงไปได้บ้าง แต่แล้วปีรยากลับรู้สึกเหมือนกับว่า ตนเองกำลังถูกจับตามองโดยใครบางคนอยู่ อันที่จริงเธอเองก็ไม่ค่อยแน่ใจเท่าไหร่นัก ด้วยเพราะไม่เคยมีศัตรูที่ไหน และรู้ดีว่า ตัวเองเป็นเพียงหญิงสาวธรรมดาๆ ที่ออกจะสวยกว่านางเอกหนังไทยแค่หน่อยเดียวเอง
แต่เพิ่งมานึกได้ว่า ตั้งแต่เช้าที่เธอขับรถออกจากรีสอร์ทนั้น ก็มีรถเก๋งโตโยต้า สีบรอนซ์คันหนึ่ง ป้ายทะเบียนเชียงใหม่ ขับตามเธอออกมาตั้งแต่รีสอร์ทจนถึงสวนพฤกษศาสตร์ ในตอนแรก หญิงสาวไม่ได้เอะใจอะไร ด้วยคิดว่าคงจะเป็นนักท่องเที่ยวที่เช่ารถของทางรีสอร์ท เพื่อที่จะออกมาท่องเที่ยวตามสถานที่ต่างๆ ของเชียงใหม่ เหมือนกับนักท่องเที่ยวคนอื่นทั่วๆ ไป หากเธอมาผิดสังเกตก็ต่อเมื่อ ตอนที่เธอออกจากสวนซึ่งก็เป็นเวลาเย็นมากแล้ว รถคันเดียวกันและป้ายทะเบียนเดียวกันนั้น ก็ยังคงติดตามเธอมาจนกระทั่งกลับถึงรีสอร์ท
แสดงว่า..ใครคนนั้นจะต้องอยู่ที่สวนตลอดเวลาเหมือนกับเราด้วยน่ะสิ หญิงสาวรำพึงขณะกำลังหวีผมที่เริ่มหมาดของตัวเองช้าๆ
หรือว่า เค้าอาจจะเป็นนักเขียน หรือจิตรกรที่อยากหามุมสงบๆ สวยๆ ในการวาดรูป หรือเขียนหนังสือเหมือนเราก็ได้นี่หว่า ปีรยาเริ่มตั้งข้อสังเกต แต่แล้วจู่ๆ หญิงสาวก็ตัดสินใจคว้ากุญแจห้องพัก แล้วออกเดินไปยังล็อบบี้ของรีสอร์ท
สวัสดีค่ะ มีอะไรให้ช่วยมั้ยคะ ประชาสัมพันธ์สาวเอ่ยทักทาย เมื่อเห็นหญิงสาวเดินตรงเข้ามาหาเหมือนจะมีเรื่องให้เธอช่วยเหลือ
ค่ะ สวัสดีค่ะ คือ ดิฉันมีเรื่องอยากจะสอบถามนิดหน่อยน่ะค่ะ ปีรยาว่าพลางยื่นกระดาษโน้ตแผ่นเล็กๆ ให้พนักงานสาว
ไม่ทราบว่านี่เป็นเลขทะเบียนรถของทางรีสอร์ทหรือเปล่าคะ
อืม สักครู่นะคะ ขออนุญาตตรวจสอบสักครู่ค่ะ พนักงานสาวตอบ พร้อมกับทำการค้นหาข้อมูลจากทะเบียนในคอมพิวเตอร์
ใช่ค่ะ เป็นรถเช่าของทางรีสอร์ทเราเอง เอ่อ ไม่ทราบว่า รถมีปัญหาขัดข้องอะไรหรือเปล่าคะ พนักงานสาวถามอย่างเป็นกังวล
อ๋อ รถไม่ได้มีปัญหาอะไรหรอกค่ะ เพียงแต่อยากทราบว่า เมื่อเช้าใครเป็นคนเช่ารถคันนี้เหรอคะ ปีรยาถามแบบอยากรู้เต็มที่ ครั้นเมื่อเห็นสีหน้างงๆ ของพนักงานสาว เธอจึงรีบเสริมขึ้นอีกว่า
อ๋อ อันที่จริงก็ไม่มีอะไรซีเรียสหรอกนะคะ เพียงแต่ว่า เมื่อเช้าน่ะค่ะ รถคันนี้ขับปาดหน้ารถดิฉันมา หูย ขับได้สวี้ดสว้าดมากเลยค่ะ น่ากลัวจะเกิดอันตรายนะคะ ดิฉันก็เลยอยากรู้ว่า คนขับน่ะเป็นใคร ผู้หญิงหรือผู้ชาย เราจะได้ช่วยๆ กันเตือนเค้าด้วยความหวังดีไงคะ ก็แหม สมัยนี้รัฐบาลเขาออกจะรณรงค์กันโครมๆ เรื่องเมาไม่ขับ หลับไม่ซิ่ง ขนาดลิงยังสวมหมวกกันน็อคเลย ใช่มั้ยคะ จะได้ป้องกันอุบัติเหตุที่จะเกิดกับตัวเอง และคนอื่น ดิฉันเป็นพลเมืองดีน่ะค่ะ ก็เลยหวังดี อยากจะเตือนๆ เค้านิดนึง นี่ถ้าไม่เห็นแก่ประเทศชาติ และมนุษยชาติด้วยกันแล้วล่ะก็ ดิฉันจะไม่มาเป็นเดือดเป็นร้อนแทนเลยนะค๊า คนพูดร่ายยาวจนแทบไม่ได้หายใจ ส่วนคนฟังก็ทำหน้างงๆ ด้วยว่าฟังรู้เรื่องมั่ง ไม่รู้เรื่องมั่ง แต่ก็ยังอุตส่าห์หารายชื่อให้เธอโดยดี
Mr.Charles ค่ะ แขกที่เช่ารถคันนี้เมื่อเช้าชื่อ Mr.Charles ค่ะ
สิ้นเสียงตอบของพนักงานสาว ปีรยาก็ขมวดคิ้ว ทำหน้ารำลึกว่าเคยได้ยินชื่อนี้มาก่อนรึเปล่า
กำลังจะเอ่ยปากถามอะไรต่อ หากพนักงานสาวรีบชิงพูดออกมาก่อนด้วยสีหน้ายิ้มแย้มว่า ดิฉันคงช่วยคุณได้เท่านี้นะคะ เพราะข้อมูลอื่นๆ รวมทั้งหมายเลขห้องพัก ถือเป็นข้อมูลส่วนตัวของแขก และถือเป็นความลับค่ะ
ปีรยาเลยได้แต่ยิ้มแก้เก้อ กล่าวขอบคุณ แล้วหันหลังเดินออกมาจากที่ตรงนั้น แต่ก็ยังมิวาย แอบส่งสายตาค้อนเล็กๆ ไปยังพนักงานสาว แหม เกลียดนักเชียว คนรู้ทัน
หากเพียงแต่หญิงสาว จะยืนสังเกตการณ์อยู่ตรงนั้นนานสักหน่อย ก็คงจะมีโอกาสได้เห็นคู่กรณีของหล่อน ดิ่งตรงไปยังประชาสัมพันธ์สาวคนนั้นเช่นกัน
ขอโทษนะครับ ไม่ทราบว่า เมื่อสักครู่นี้ คุณผู้หญิงท่านนั้น มีปัญหาอะไรหรือเปล่าครับ
แก้ไขเมื่อ 07 มิ.ย. 49 09:21:20
จากคุณ :
samita
- [
7 มิ.ย. 49 09:18:50
]