CafeTech-ExchangePantip MarketChatPantownBlogGangTorakhongGameRoom


    ~~~[เรื่องสั้นคั่นบรรยากาศ] ทางเดินบนดวงดาวสีฟ้า ตอน เส้นขนานของต้นไม้ต่างสี~~~

    ตอน เส้นขนานของต้นไม้ต่างสี

          "คุณทำเหมือนคุณฉีดยาใส่สายน้ำเกลือให้คนไข้คน
    นั้น แต่คุณไม่ได้ฉีดเลยสักนิด"


       เสียงผู้ช่วยพยาบาลถามขึ้นเบาๆขณะที่เดินตามหลัง
    หญิงสาวในชุดขาวเข้ามายังห้องพักของเหล่าแพทย์และ
    พยาบาลประจำชั้น ซึ่งไม่นานนักหญิงสาวตรงหน้าก็หัน
    กลับมายิ้มให้เธอบางเบา


       "คนไข้ขอมอร์ฟีน ยาอันตรายเธอก็รู้ คิดว่าหมอจะฉีด
    ให้กับคนไข้ได้ ทุกครั้งที่ร้องขอหรือ?"


       "วันนี้คนไข้ห้องนั้นปวดท้องรุนแรงจริงๆ ขอให้คุณฉีด
    ยาระงับปวดให้อยู่หลายครั้ง คุณไม่ได้ฉีดให้สักครั้งเลย
    เหรอคะ"


          "ใช่" หญิงสาวพยักหน้าเบาๆ ในขณะที่สบตากับผู้
    ช่วยพยาบาลมือใหม่ที่มองสบตาเธอด้วยสีหน้าเหมือนเป็น
    คำถาม


       "อย่ามองฉันแบบนั้น ฉันไม่ได้ต้องการทรมานคนไข้
    แต่เธอต้องรู้ว่ามอร์ฟีนเป็นยาอันตราย ฉันให้ได้เพียงแค่
    ครั้งที่จำเป็นจริงๆเท่านั้น ไม่ก็ต้องรอคุณหมอสั่งกำชับมา
    โรคมะเร็งน่ะมันทรมานต้องทนเจ็บปวดอยู่ตลอดนั่นแหละ
    ยิ่งฉันให้มอร์ฟีนมากเกินไป ยิ่งเป็นการลดทอนอายุของ
    คนไข้เสียเปล่าๆ"


       "แต่น่าแปลกนะคะ ที่ทั้งๆที่คุณพยาบาลแกล้งฉีดยา
    ปลอมๆนั่นเข้าไปในสายน้ำเกลือ แต่คนไข้ดูอาการทุเลา
    ลงมาก"


       สิ้นประโยคของหญิงสาวอ่อนวัยตรงหน้า หญิงในชุด
    ขาวก็ยิ้มให้หล่อนอย่างอ่อนโยนอีกครั้ง


       "เป็นพยาบาลไม่ใช่สักแต่รักษาความเจ็บป่วยทางร่าง
    กาย เราต้องเข้าใจด้วยเหมือนกันว่าของบางอย่างใจเราน่ะ
    สำคัญที่สุด การที่ฉันแกล้งฉีดยาให้ทุกครั้งที่คนไข้ร้องขอ
    เธอรู้ไหมว่าอย่างน้อยคนไข้ก็จะรู้สึกไปเองแล้วล่ะว่าได้ยา
    ดีช่วยจริงๆ และเมื่อเขาสบายใจ อาการเจ็บปวดก็จะทุเลา
    ไปจริงๆยังไงล่ะ"


       "ดิฉันเพิ่งเห็นกับตาจริงๆค่ะ ว่าบางทีการจะเจ็บปวดมาก
    น้อยแค่ไหนก็ขึ้นอยู่กับการอุปทานไปเองของเราด้วย ว่า
    แต่ คุณพยาบาลลาหยุดอาทิตย์หน้าเหรอคะ"


       "จ้ะ กลับบ้านที่ต่างจังหวัดน่ะ หลายปีมานี่ขลุกอยู่แต่ที่
    โรงพยาบาล ไม่มีเวลากลับบ้านเท่าไหร่ น้าสาวส่งจดหมาย
    มาว่าอยากพบ เลยคิดว่ากลับไปเสียหน่อยก็คงดี"


              -----------------------------------


        หญิงสาวมองเหม่อออกไปยังทิวทัศน์โดยรอบ ทุ่งหญ้า
    เขียวขจีถูกแซมด้วยเสาไฟสูงตระหง่านอยู่เป็นระยะที่เธอ
    เดินผ่าน เสียงนกที่เคยร้องแข่งกันยามเช้าถูกกลบด้วย
    เสียงรถเครื่องและโทรทัศน์ บ้านทรงไทยที่เคยปลูกเรียง
    รายบัดนี้แทบทุกบ้านมีชั้นล่างที่ใช้ปูนสร้างและเหลือเพียง
    รากเหง้าแห่งวัฒนธรรมไว้เพียงแค่ส่วนบนของบ้าน ช่างน่า
    ขำยิ่งนัก


        หมู่บ้านแห่งนี้คงจะกลายเป็นสถานที่แปลกหน้าสำหรับ
    เธอในไม่ช้า หากเธอปล่อยเวลาให้ล่วงเลยผ่านไปนานยิ่ง
    กว่านี้โดยไม่ได้กลับคืนมาที่นี่เลย ไม่ว่าที่ไหนๆ ก็กำลังถูก
    ผสมผสานด้วยองค์ความรู้สมัยใหม่เต็มไปหมด


       หญิงสาวผ่อนลมหายใจช้าๆ นานเท่าไหร่กันนะที่เธอไม่
    ได้กลับมาเหยียบที่นี่อีก ราวห้าปีได้ตั้งแต่ที่แม่ของเธอเสีย
    ชีวิตไป ห้าปีที่เธอเจ็บแค้นและจมอยู่กับความไม่เข้าใจใน
    หลายสิ่งหลายอย่าง เธอเป็นพยาบาลแต่ไม่สามารถโน้ม
    น้าวให้แม่ของเธอไปเข้ารับการรักษาได้ จนต้องจากไป
    ด้วยโรคร้ายในที่สุด


       คิดถึงเรื่องเก่าๆน้ำตาหยาดใสๆก็คลออยู่ที่นัยน์ตาคู่สวย
    คู่นั้น ทุกครั้งที่กลับมาที่นี่เหมือนกับตัวเธอเองกำลังยืนอยู่
    บนถนนอีกเส้นหนึ่งที่ช่างตรงกันข้ามกับถนนที่เธออุทิศ
    ชีวิตให้กับการเป็นนางพยาบาลเส้นนั้น


       แม่ของเธอเป็นหมอผี หรือถูกเรียกว่า 'หมอเทวดา'
    ประจำหมู่บ้านที่ห่างไกลวัฒนธรรมจากเมืองหลวงแห่งนี้
    หญิงสาวเคยยืดอกโก้อยู่เป็นพักในเมื่อครั้งยังเด็กนัก ที่
    ใครๆก็ต่างให้ความเคารพและเชื่อใจแม่ของเธอเป็นยิ่งนัก
    ทุกครั้งที่ชาวบ้านเดือดร้อนก็จะวิ่งมาเคาะประตูบ้านของ
    เธอ เสมือนว่าเป็นที่พึ่งที่สำคัญที่สุดในหมู่บ้าน หญิง
    สาวอยากจะหยุดเวลาของตัวเองไว้อย่างนั้น..หยุดให้เชื่อ..
    กับทุกสิ่งเช่นคนในหมู่บ้านเชื่อถือกันมาตลอด


       แต่น่าแปลกนัก..ที่ตั้งแต่แม่ส่งหญิงสาวเข้ามาเรียนต่อ
    ในกรุงเทพฯทุกสิ่งในความคิดหล่อนก็เปลี่ยนไป เปลี่ยน
    ไป..จนบางครั้งหล่อนก็อดคิดไม่ได้ว่าตัวเองกำลังยืนอยู่
    ผิดที่ผิดทาง หรือหมู่บ้านที่จากมาแห่งนี้..อยู่ผิดที่ผิดทาง
    กันแน่


       บางครั้ง..ความรู้ที่เพิ่มขึ้น ก็กลับทำลายความศรัทธาให้
    ลดน้อยถอยลง ความศรัทธาน่ะหรือ..หล่อนไม่รู้อีกแล้วว่า
    มันคืออะไร เมื่อวิทยาศาสตร์มีคำตอบให้กับทุกสิ่ง..ความ
    ศรัทธาก็ดูเหมือนจะเป็นเพียงที่พึ่งของเหล่าคนที่ไม่เข้าใจ
    ในอะไรเลย..เหมือนคนในหมู่บ้านของเธอแห่งนี้


       บางที..หล่อนก็พาลเกลียดความศรัทธาอย่างไม่มี
    เหตุผลเหล่านี้ นึกไปถึงวันที่แม่เจ็บทุกข์ทรมาน แม่ก็ยังคง
    ไปบ้านนั้นบ้านนี้ช่วยเหลือเขา ไล่ผี ทำน้ำมนต์ ทำพิธีเสน่ห์
    ยาแฝด จิปาถะมากมายให้คนอื่นเต็มไปหมด แต่ไม่อาจลบ
    ความเจ็บปวดให้แก่ตัวเอง


       จำได้ถึงภาพของตัวเธอเองที่เพิ่งจบพยาบาลมาได้
    หมาดๆ เธอร้องห่มร้องไห้ได้แต่มองดูแม่เจ็บ เมื่อแม่ยืน
    กรานไม่ยอมจากไปจาก 'ตำหนัก' หลังนั้นของแม่ เธอไม่
    เคยเข้าใจ..แม่ได้แต่พูดพร่ำว่าถึงเวลาของแม่แล้ว มันเป็น
    กรรมเก่าแต่หนไหนก็ไม่รู้ ไม่มีผีตนใดจะดลบันดาลให้แม่
    หายป่วยได้ จำได้ถึงภาพตัวเองที่ร้องบอกแม่แทบเป็น
    แทบตาย ว่าโรคภัยไข้เจ็บของแม่น่ะไม่มีผีตนไหนมา
    บันดาลให้เป็นไปได้หรอก ไม่มีผีตนไหนจะช่วยได้หรอก มี
    แต่ลูกสาวคนนี้เท่านั้นที่จะช่วยได้ แต่สุดท้ายแม่ก็ยังคงยืน
    กรานไม่ยอมจากไปจากตำหนักหลังนั้น สั่งลาให้เธอบอก
    ทุกคนในหมู่บ้านว่าเจ้าที่แม่เคยรับใช้ได้จากไปแล้ว เพราะ
    ถึงเวลาของแม่แล้ว น่าเจ็บใจที่สุดก็เมื่อทุกคนในหมู่บ้าน
    ไม่ได้รู้สึกยินดียินร้าย ไม่คิดจะช่วยเหลือ แต่พากันยอม
    รับทุกอย่างโดยดุษณีไม่มีข้อโต้แย้งใดๆ


       ครั้งนั้นแหละที่หล่อนได้แต่กรีดร้องในหัวใจของตัวเอง
    หล่อนไม่โกรธ ไม่เกลียดเจ้าหรือผีตนไหนที่คนอื่นเคยเชื่อ
    ว่าเอาชีวิตแม่ไป แต่หล่อนเกลียดความศรัทธา เกลียด..ที่
    หล่อนไม่สามารถใช้คำอธิบายใดๆมาทำให้แม่ยอมที่จะ
    เชื่อได้ เกลียด..ที่แม่ศรัทธาในสิ่งที่มองไม่เห็น มากกว่า
    ศรัทธาใน 'ความจริง' ที่หล่อนอุตส่าห์บากบั่นไปร่ำเรียน
    มา เกลียด..จนไม่อยากจะกลับมาเหยียบเมืองแปลกหน้า
    แห่งนี้อีกแล้ว


       "ผัวของฉันมันกลับมาอยู่กับฉันแล้ว ขอบใจท่านหมอ
    เหลือเกิน"


       เสียงหญิงวัยกลางคนดังออกมาจาก 'ตำหนัก' หลังเดิม
    ที่หล่อนคุ้นตา ภาพในอดีตกับภาพในตอนนี้แทบไม่ต่างกัน
    เลย ณ ตำหนักแห่งนี้ผู้คนรอเข้าคิวกันล้นหลาม ควันธูป
    คละคลุ้งกระจายไปทั่วอาณาบริเวณ เห็นหญิงวัยกลางคนที่
    คุ้นตานุ่งขาวห่มขาวอยู่หน้าหิ้งเครื่องรางของขลัง ภาพ
    เหล่านี้..กลับไม่ต่างไปจากในอดีตสักนิด


      "น้านิด" เสียงหญิงสาวตะโกนเรียกขึ้น แต่ก็กลับถูกปิด
    ปากไว้ด้วยมือของหญิงชราอีกคนที่อยู่ข้างๆ ร่างที่อยู่หน้า
    เครื่องรางของขลังเหล่านั้นยังคงนั่งหลับตานิ่งสนิท เหมือน
    ไม่รับรู้ ทั้งที่เธอแน่ใจว่าหล่อนเห็น..ว่าเธอเดินเข้ามา


          "ชู่ววว อย่าทำลายพิธีสิแม่หนู เดี๋ยวงวดนี้อดเลขเด็ดๆ
    กันหมดหรอก"


          หญิงสาวหันกลับไปมองตามเสียงเล็กน้อย ก่อน
    เหยียดริมฝีปากบางๆ ต่อให้เวลาผ่านไปนานแค่ไหน
    ทำไม..ทุกคนถึงยังงมงายไม่แปรเปลี่ยนไปเลย


                         -----------------------
    (มีต่อค่ะ)

    จากคุณ : ฟองคลื่น คืนจันทร์ พันดาว - [ 7 มิ.ย. 49 11:24:07 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | PanTown.com | BlogGang.com