...
ผมชื่อณะ และใครใครก็เรียกผมว่า ณะ ไอ้เด็กไม่ได้เรื่อง ไม่ว่าจะคุณครู เพื่อน ๆ หรือว่าคนอื่น ๆ ก็เหอะ พวกเขาว่าผมมองไม่เห็นคุณค่าของการทำการบ้านส่ง ไม่รู้จักบูรณาการความรู้ตามเป้าประสงค์ของหลักสูตร ที่ร้ายกว่านั้นก็คือ ไม่ยอมกระทำกิจกรรมเป็นกลุ่มตามคำสั่ง
ณะเหรอ น่าเสียใจแทนพ่อแม่เด็กคนนี้จริง ๆ เดี๋ยวสักวันก็ต้องไปเป็นคนกวาดขยะ
ผมบังเอิญเดินผ่านห้องพักครู พวกเขาเหลือบมองเห็นผม และคงคิดว่าผมโง่พอที่จะไม่ได้ยิน
อย่าไปสนใจเขา เดินต่อไป นายคืออัจฉริยะ พวกโง่เง่าไม่เข้าใจปรัชญาของการกวาดขยะหรอก
ไอ้บอยแหงนมองผมแล้วว่าเช่นนั้น เขามีขาสั้นและลายสีน้ำตาลอ่อนแซมขนตรงหน้าอกนอกจากขนสั้น ๆ สีครีมทั้งตัว
ผมยิ้มให้เขาแล้วถามถึงปรัชญาของการกวาดขยะ
อย่ารู้เลย นายไม่ควรเสียเวลากับเรื่องพวกนี้ เพราะฉันจะต้องไปค้นคว้าวิทยานิพนธ์อีกบาน
ก็พูดให้มันง่ายสิ ผมว่า
บอยส่ายหัวช้า ๆ ด้วยมาดเจ้าพ่อ
สักพักเขาก็เบิกดวงตากว้างจ้องหน้าผม
เอ๊ะ เรากำลังพูดเรื่องอะไรกัน?
เป็นที่รู้กันว่านั่นคือการจบบทสนทนา..
บอยมีเพื่อนอีกคนหนึ่ง เขาชื่อรุจิรา บอยเคยเล่าว่ารุจิราเป็นเพื่อนเก่าแก่มาก ๆ ของเขานับแต่ยุคอับราฮัมมีบุตรสิบคน
ผมเลยอยากรู้จักคนคนนี้เหมือนกัน จึงขอให้เขาพาผมไปแนะนำ ระหว่างผมกับรุจิราจะได้ยกระดับจากเพื่อนของเพื่อน มาเป็นเพื่อนเสียที ซึ่งการกระทำแบบนี้ทำให้ง่ายต่อการเรียก และตัดคำว่าของเพื่อนไปได้สองคำ
ระหว่างที่ผมกำลังคำนวณพลังงานเมตาบอลิซึมที่สามารถอนุรักษ์ได้จากการงดเว้นไม่พูดสองคำนั่นเอง ไอ้บอยก็งับขากางเกงผมกระตุกถี่ ๆ
นายรู้มั้ย นายกำลังขัดขวางหนทางแก้วิกฤตพลังงานของชาติอยู่นะบอย
พูดถึงเรื่องพลังงาน มีครั้งหนึ่งที่บรรพบุรุษของเราเคยช่วยแก้วิกฤตให้พวกนายมาก่อน
ผมก้มมองอีกฝ่ายด้วยความคาดหวัง
อะแฮ่ม นายอยากฟังไหมล่ะณะ
ผมผงกหัวหงึก ๆ
ความจริงนะ พวกเรามาจากต่างดาว ไอ้บอยทำท่าขึงขัง พลางเหยียดเท้าหน้าจังก้าไปเบื้องหน้า พวกเราร่อนยานเฟี้ยว... ลงมาจอดที่ยอดเขาแห่งหนึ่ง สู้กับสัตว์ประหลาดมากมาย เช้ง ๆ ควับ ๆ เขาวิ่งไปรอบ ๆ ตัวผมเหมือนกำลังต่อสู้กับอากาศ
แล้วก็พบคนที่หน้าตาเหมือนนายเปี๊ยบเลย เขาทำอะไรไม่เป็นสักอย่าง
โอ้ ต้องเป็นฉันกลับชาติมาเกิดแน่ ๆ เลย ผมสอด
แต่เขาอัจฉริยะ
เหมือนฉัน
บอยหยุดวิ่งแล้วนั่งลงช้า ๆ เขาถามผมเบา ๆ
แล้วเกิดอะไรขึ้นต่อ
ผมนิ่งคิดนิดนึงแล้วพยายามทบทวนความทรงจำของคืนนั้น
ใช่ล่ะ ฉันกำลังออกไปล่าสัตว์ ด้วยหอกที่ใบมีดกะเทาะจากหิน เป็นการล่าสัตว์ครั้งแรก
โอ้ ใช่ ใช่ ใช่ ตอนที่เห็นนายยืนจังก้าอยู่บนโขดหินพร้อมกับถือหอกตั้งท่าฉันตกใจแทบแย่
เราตกลงเป็นพันธมิตรกัน ..ใช่มั้ย? แล้วก็ร่วมมือกำจัดปีศาจร้าย ในปราสาทสูงงงงงง ลิบลิ่ว
ในปราสาทนั้นมีอะไร?
มีเจ้าหญิง มีเจ้าชาย และมีพ่อมดชั่วร้าย มันร้ายกาจมาก คอยร่ายเวทอยู่ตลอดเวลา ณะ..นายวิ่งหลบหลังฉันตลอดเลยนะเวลาที่ปราสาทสะเทือนแต่ละที
ผมเงียบเมื่อถูกต่อว่า ก่อนที่จะคิดอะไรดี ๆ ออก
แต่ฉันก็เป็นคนกำจัดพ่อมด
แต่ ...เอ้อ ยกให้นายกำจัดก็ได้ บอยมีทีท่าเสียดาย หางตาของเขาตกลงมาเล็กน้อย พร้อมกับหางที่ลู่ลงเนื่องจากหมดความภูมิใจ
ผมยิ้มให้แล้วจึงต่อข้อความ
แต่ถ้าไม่มีนาย ฉันก็คงไปได้ไม่ไกลขนาดนี้หรอก
บอยค่อยเหยียดยิ้ม ปลายหางของเขากระดิกไปมาอย่างยินดี
แล้วเรื่องนี้ก็จบลงด้วยความสุข เจ้าหญิงก็ได้ครองคู่กับเจ้าชายตลอดไป
แล้วมันเกี่ยวกับวิกฤตพลังงานตรงไหนล่ะ? ผมรีบท้วงเมื่อดูเหมือนว่าบอยจะลืมไปเสียแล้ว ทว่าเขากลับขยิบตาให้อย่างมากเล่ห์
เกี่ยวสิ เกี่ยวมากเลยทีเดียว มันเป็นจุดเริ่มต้นอย่างไรล่ะ จุดเริ่มต้นต้องเป็นคนละอย่างกับจุดสุดท้ายใช่มั้ย จุดเริ่มต้นที่บันดาลให้ทุกอย่างเป็นไป และเป็นสิ่งสำคัญที่ต้องมีในแต่ละเรื่อง
ผมมองรองเท้าของตน มันมีทั้งปลายเท้าและส้นเท้า ทั้งสองอย่างก็เป็นคนละส่วน แต่ก็เชื่อมต่อรวมกันเรียกว่ารองเท้า ผมรู้สึกเหมือนบรรลุสัจธรรมที่วิเศษประการหนึ่ง
เฮ้ อย่ามัวแต่โอ้เอ้ พ่อหนุ่ม เรายังต้องเดินทางอีกไกล
ผมวิ่งตามไปด้วยความร่าเริง กระโดดโลดเต้นบนทางปูอิฐ
..
แก้ไขเมื่อ 09 มิ.ย. 49 17:33:01
จากคุณ :
ปฤษณะ
- [
9 มิ.ย. 49 17:30:51
]