CafeTech-ExchangePantip MarketChatPantownBlogGangTorakhongGameRoom


    Trip & Love ตามรอยแห่งรัก:กำกับรัก นักประสานงาน ตอนที่ 3 โดย Honey P

    เรารักในหลวง2 ขอจงทรงพระเจริญ เรารักในหลวง2

    +++++++++++++++++++++

    “ถ้าเดินไม่ไหว จะขี่หลังผมก็ได้นะคุณ” เบนเอ่ยปากถาม เมื่อเห็นหญิงสาวเผลอเอามือนวดต้นขาไปมา

    “อุ้ย ไม่ต้องหรอกค่ะ แค่ยังรู้สึกตึงๆ นิดหน่อยเท่านั้นเอง เมื่อเช้าทายามาเรียบร้อยแล้วค่ะ”

    ปีรยาบอกด้วยท่าทีเกรงใจ โดยไม่รู้ถึงวัตถุประสงค์ ‘หวังผล’ ในการเสนอตัวช่วยเหลือของชายหนุ่ม

    วันนี้ไกด์สาวจำเป็นพาฝรั่งหนุ่มมาเที่ยวดูงานหัตถกรรมพื้นบ้าน ของชาวบ้านในอำเภอ สันกำแพง ซึ่งมีทั้งงานทอผ้า งานไม้แกะสลัก การทำเครื่องเงิน เครื่องปั้นดินเผา และที่มีชื่อเสียงที่สุดก็คือ อุตสาหกรรมการทำร่มบ่อสร้าง

    “หมู่บ้านนี้ขึ้นชื่ออย่างมากในการทำร่มเลยนะคะ” ปีรยาชี้ให้ชายหนุ่มดูบรรดาร่มสีสันสวยงาม ที่วางเรียงรายอยู่ด้านหน้า “ร่มที่ผลิตในหมู่บ้านนี้มีอยู่ 3 ชนิดด้วยกันค่ะ คือร่มที่ทำด้วยผ้าแพร ผ้าฝ้าย และกระดาษสา ซึ่งแต่ละชนิดก็จะมีกรรมวิธีการทำอย่างเดียวกัน”

    บรรดานักท่องเที่ยวทั้งหลาย ณ ที่นั้น ต่างพากันถ่ายรูป และมุงดูการสาธิตการทำร่ม และการวาดลวดลายบนร่มอย่างสนใจ

    “ในสมัยก่อนเนี่ย ไม่ได้มีการเขียนลวดลายเหมือนในปัจจุบันนะคะ จะลงเป็นสีพื้นแค่ 2 สี คือสีแดง และสีดำ การเขียนลวดลายบนร่ม เพิ่งมีขึ้นเมื่อไม่กี่สิบปีมานี้เองค่ะ ลวดลายที่เขียนนั้นก็จะมีหลายประเภทนะคะ เช่น ลายวิว ลายดอกไม ้ และลายสัตว์ต่างๆ”

    “ดีจังเลยนะครับ” ชายหนุ่มพูดขึ้น เมื่อเห็นว่าบรรดานักท่องเที่ยวต่างให้ความสนใจ และพากันอุดหนุนงานฝีมือกันอย่างไม่ขาดสาย “นับว่าเป็นการดึงเอาวิถีชาวบ้าน และสินค้าชุมชนที่เป็นจุดเด่น มานำเสนอให้น่าสนใจ แล้วยังเป็นการสร้างรายได้ให้ชาวบ้านที่นี่ด้วยนะครับ”

    “ใช่ค่ะ ปัจจุบันหน่วยงานต่างๆ ให้ความสำคัญกับการพยายามสร้างรายได้ให้ชุมชน และส่งเสริมด้านการท่องเที่ยวอย่างมากเลยนะคะ”

    “รวมทั้งอุตสาหกรรมภาพยนตร์ด้วยใช่มั้ยครับ” ชายหนุ่มกล่าวเสริม

    “ค่ะ โดยเฉพาะการส่งเสริมให้ต่างประเทศเข้ามาถ่ายทำภาพยนตร์ในประเทศไทยมากขึ้น เพื่อเป็นการช่วยประชาสัมพันธ์แหล่งท่องเที่ยวที่สวยงาม รวมทั้งเป็นการส่งเสริมวัฒนธรรม เอกลักษณ์ และประเพณีของประเทศเราให้นานาประเทศได้รู้จัก โดยการสอดแทรกไว้ในเนื้อหาของภาพยนตร์แต่ละเรื่องด้วยค่ะ อีกทั้งยังทำให้เกิดการจ้างงาน กระจายรายได้ให้แก่คนภายในชุมชนหรือท้องถิ่นนั้นๆ ที่กองถ่ายเข้าไปถ่ายทำ โดยเฉพาะกับการถ่ายทำภาพยนตร์เรื่องยาว” หญิงสาวกล่าว ขณะที่พาชายหนุ่มเดินไปดูขั้นตอนการประกอบเป็นตัวร่ม

    “อ้อ แล้วอีกอย่างหนึ่งที่สำคัญไม่แพ้กันนะคะ คือเพื่อเป็นการส่งเสริมทักษะ และประสบการณ์ให้แก่บุคคลในวงการภาพยนตร์ของไทย ให้ได้มีโอกาสเรียนรู้ความชำนาญ และเทคนิคต่างๆ ในการสร้างภาพยนตร์จากฝีมือผู้กำกับระดับโลก ซึ่งจะส่งผลต่อการพัฒนาเทคโนโลยีการถ่ายทำภาพยนตร์ของประเทศต่อไปอีกด้วยค่ะ”

    “ผมเห็นด้วยนะครับ เพียงแต่ว่าการถ่ายทำหนังในเมืองไทยเองก็ยังมีข้อยุ่งยากอยู่หลายอย่างนะครับ อย่างเช่น เรื่องการเก็บภาษีซ้ำซ้อน คุณลองคิดดูนะ ปกติเวลาเริ่มต้นเข้ามาถ่ายทำหนังซักเรื่อง ผู้สร้างต่างชาติก็จะทำการโอนเงินให้บริษัทผู้ประสานงานในไทย เพื่อใช้เป็นค่าใช้จ่าย ซึ่งเงินจำนวนนี้จะถูกหัก vat 7% ทันที และเมื่อนำเงินก้อนเนี้ย ไปใช้จ่ายด้านที่พัก โรงแรม หรืออื่นๆ ก็จะถูกหัก vat อีก 7% และก็ไม่สามารถเรียกคืนภาษีได้ด้วย ทำให้การเข้ามาถ่ายทำหนังในไทยมีต้นทุนที่สูงมาก ในขณะที่ประเทศอื่นๆ ในแถบนี้เก็บภาษีในอัตราที่ต่ำ หรือบางประเทศ เช่น ออสเตรเลีย หรือนิวซีแลนด์ ไม่มีการเรียกเก็บภาษี และอีกอย่างก็คือ เรื่องความยุ่งยากในการติดต่อขอใช้สถานที่ ซึ่งคุณเองก็คงจะเคยเจอมาบ้าง เพราะว่าบางพื้นที่ มีหลายหน่วยงานรับผิดชอบดูแล”

    “อืม ใช่ค่ะ” หญิงสาวถอนใจอย่างเห็นด้วย “ตอนนี้ภาคเอกชนเอง ก็กำลังพยายามเสนอแนวทางในการแก้ปัญหาเรื่องนี้ให้กับทางรัฐบาลอยู่เหมือนกันค่ะ”

    เมื่อเห็นว่าหญิงสาวเริ่มขมวดคิ้วกับหัวข้อสนทนานั้น เบนจึงเปลี่ยนเรื่อง โดยการเอ่ยปากถามหญิงสาวว่า “ตรงนั้นเค้ามุงอะไรกันอยู่เหรอครับ”

    หญิงสาวมองตามมือของชายหนุ่มจึงยิ้มออก พร้อมกับบอกว่า “อ๋อ นักท่องเที่ยวเค้ากำลังให้ช่างเพ้นท์รูปลงบนเสื้อกันอยู่น่ะค่ะ คุณสนใจจะให้เค้าเขียนซักลายมั้ยคะ ที่นี่เค้าคิดราคาไม่แพงนะ”

    “ก็ดีเหมือนกันนะครับ จะได้เป็นที่ระลึก” ชายหนุ่มเดินตามหญิงสาวไปหยุดอยู่ข้างหน้าช่างวาด ซึ่งเป็นผู้ชายวัยกลางคน

    “จะเอาลายอะไรดีคะ ลองเลือกดูก่อนมั้ย”

    ปีรยาถามแล้วยื่นสมุดเล่มหนา ที่เต็มไปด้วยตัวอย่างลวดลายต่างๆ ของช่างให้กับชายหนุ่มที่กำลังก้มลงมองดูเสื้อของตัวเอง วันนี้ชายหนุ่มสวมเสื้อผ้าฝ้าย สีขาว แขนยาวเลยข้อศอกมาประมาณหนึ่งคืบ ทับเสื้อกล้ามสีขาวที่อยู่ข้างใน

    เบนส่ายหัว พร้อมหันไปบอกกับช่างที่กำลังนั่งฟังการสนทนาอยู่ว่า “ผมอยากได้ลาย ‘ดอกปีบ’ ครับ เอาตรงนี้เลยนะครับ”

    ชายหนุ่มชี้ที่เสื้อของตัวเอง ตรงตำแหน่งหน้าอกด้านซ้าย และเมื่อเห็นว่าหญิงสาวข้างกายทำหน้าสงสัย จึงหันไปอธิบาย

    “โจบอกว่าชื่อเล่นของคุณเป็นชื่อของดอกไม้ชนิดหนึ่งที่มีกลิ่นหอม ผมเลยอยากรู้ว่าจะสวยเหมือนกับเจ้าของชื่อรึเปล่า” พูดแล้วชายหนุ่มก็ค่อยๆ ก้มหน้าลงมากระซิบที่ข้างแก้มของหญิงสาว แล้วทำเป็นสูดหายใจเข้าเต็มปอด “อืม ส่วนเรื่องความหอมเนี่ย ท่าทางจะจริงนะครับ หึ หึ”

    เท่านั้นเอง หญิงสาวจึงตีเข้าที่ต้นแขนของชายหนุ่มดังเพี๊ยะ แล้วเดินหนีไปอีกทางแก้เขิน ชายหนุ่มเลยถอดเสื้อของตัวเองส่งให้กับช่าง แล้วย้ำว่า

    “เอาตรงตำแหน่งนี้นะครับ เดี๋ยวผมมาเอาครับ” แล้วก็เดินตามง้อคนช่างเขิน ไปยังส่วนที่เป็นร้านค้าขายของที่ระลึก

    “เอ๊ะคุณ ที่ออกตั้งเยอะ ทำไมจะต้องมาเดินใกล้ๆ ฉันด้วยเนี่ย”

    ปีรยาเอ็ดชายหนุ่มที่คอยป้วนเปี้ยนอยู่ใกล้ๆ เธอ เพราะต้องการกลบเกลื่อนความเขิน ก็ตอนนี้อีตาเบนสวมแค่เสื้อกล้ามสีขาวที่ดูฟิต อวดมัดกล้ามแขนสีแทน แล้วไหนยังจะแผงอกกว้างน่าซบ เอ้ย ที่ดูแข่งแกร่งนั่นอีกล่ะ เธอสังเกตว่านักท่องเที่ยวสาวไทยกลุ่มหนึ่ง ทำท่ากระซิบกระซาบ และเมียงๆมองๆ มายังชายหนุ่มอยู่บ่อยครั้ง นั่นยิ่งทำให้เธอรู้สึกขวางอย่างบอกไม่ถูก

    ‘ชิ ที่แท้อยากจะอวดสาวนี่เอง’

    “ผมกำลังคิดอยู่ว่า จะหาซื้อของไปฝากคนที่บ้าน คุณช่วยผมเลือกหน่อยสิ” เบนทำท่าออดอ้อน นั่นยิ่งทำให้ดูเซ็กซี่ยิ่งขึ้นไปอีกในสายตาของปีรยา

    “จะฝากใครล่ะคะ ภรรยา หรือลูก จะได้เลือกถูก” หญิงสาวพยายามบอกกับตัวเองว่า แกล้งถามไปอย่างนั้นเอง ไม่ได้อยากรู้เลยสักนิด

    “แน๊ ทำเป็นถาม อยากรู้ใช่มั้ยล่ะ ฮ่าๆ กระผมนายเบน ยังโสดสนิทคร๊าบ ไม่มีลูกหรือเมียแอบซ่อนไว้ที่ไหนครับ คุณสบายใจได้” ชายหนุ่มยิ้มกริ่ม

    “จะบ้าเหรอ” หญิงสาวเสียงดังกลบเกลื่อนอาการหน้าแดง “ใครจะไปอยากรู้กันล่ะ ก็แค่ถามไปอย่างงั้นเองแหละ ตกลงจะให้ช่วยเลือกมั้ยเนี่ย”

    “ครับๆ เลือกครับ คุณว่าอันนี้ดีมั้ยครับ” ชายหนุ่มถามอย่างเอาใจ

    หลังจากเสร็จสรรพจากการเลือกซื้อของที่ระลึก ที่ดูเหมือนว่าสาวไทยจะได้ของฝากมากกว่าหนุ่มต่างชาติเสียอีก ทั้งสองจึงเดินออกมาด้านหน้าเพื่อรับเสื้อที่ช่างวาดลายไว้

    “ว้าว สวยด้วย แล้วก็ไม่แพงด้วยนะครับ” ชายหนุ่มยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ราวกับเป็นผลงานของตัวเอง “คุณรู้มั้ยว่าทำไมต้องเป็นรูปดอกปีบ แล้วทำไมต้องวาดที่ตำแหน่งนี้เท่านั้น”

    เมื่อเห็นว่าหญิงสาวเลิกคิ้วขึ้นสูงเป็นเชิงสงสัย ชายหนุ่มจึงบอกเธอด้วยน้ำเสียงหนักแน่น และจริงจังว่า

    “เพราะผมอยากให้คุณรับรู้ไว้ว่า เวลานี้ ปีบดอกนี้กำลังเบ่งบานเข้าสู่หัวใจของผมอย่างช้าๆ”

    ชายหนุ่มพูดพร้อมกับทาบมือของตัวเองลงบนรูปดอกปีบตรงตำแหน่งของหัวใจ แต่ทั้งการกระทำ และคำพูดนั่น ยังไม่ร้ายเท่าดวงตาสีฟ้า ที่ทอประกายอ่อนหวานส่งมาให้เธออย่างไม่คิดจะปิดบังเลยสักนิด

    “คุณไม่คิดว่ามันจะเร็วไปเหรอคะ” หญิงสาวถามอย่างไม่แน่ใจ

    “ขอโทษครับ ผมอาจจะใจร้อนไปหน่อย แต่ขอให้คุณรู้ไว้เถิดว่า คนอย่างผมถ้าลองแน่ใจอะไรแล้ว ผมจะไม่ปล่อยโอกาสให้ผ่านไปแม้แต่วินาทีเดียว” ชายหนุ่มเว้นจังหวะนิดหนึ่ง เมื่อเห็นแววลังเลในดวงตาของหญิงสาว “ไม่เป็นไรครับถ้าคุณยังไม่แน่ใจ ผมรอได้ อืม งั้นผมให้เวลาคุณคิดซัก 2 ชั่วโมงนะ พอไหม” ชายหนุ่มพูดอย่างใจป้ำ

    “จะบ้าเหรอคุณ” หญิงสาวโวยวายเสียงดัง “เรื่องหัวใจนะยะ ไม่ใช่เปลี่ยนยางรถยนต์ จะได้ใช้เวลาแค่ 2 ชั่วโมงน่ะ” โวยเสร็จก็ต้องใจแป้ว เพราะสีหน้ายิ้มๆ ของชายหนุ่มสลดลงเล็กน้อย แล้วแปรเปลี่ยนเป็นครุ่นคิด

    “แต่ปกติผมใช้เวลาเปลี่ยนยางรถยนต์แค่ชั่วโมงเดียวเองนะ ได้ 4 ล้อเลยด้วย” เบนพูดหน้าตาย

    “วุ้ย คุณนี่พูดไม่รู้เรื่อง ไม่พูดด้วยแล้ว” ว่าแล้วสาวขี้งอนก็สะบัดหน้าพรืดไปทันที

    “อ้าว เดี๋ยวสิคุณ หนีไปไหนล่ะ ไม่เชื่อเหรอ ผมทำได้จริงๆ นะ” ชายหนุ่มตะโกนไล่หลัง แล้วบอกกับตัวเองว่า “คุณหนีผมไม่พ้นหรอกปีรยา”

    จากคุณ : samita - [ 9 มิ.ย. 49 20:49:27 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | PanTown.com | BlogGang.com