ธารา
เสียงเรียกนั้นทำให้ธาราขยับตัวลุกขึ้นยืน ลมหนาวพัดมาวูบ ทำให้ต้องกระชับผ้าคลุมไหล่ผืนบางที่แทบไม่ให้ไออุ่นเท่าไรนักให้กระชับแน่นมากขึ้น
รอบๆตัวเริ่มมีแสงสว่างมองเห็นสายน้ำที่ไหลเอื่อยๆ ลำแสงสีทองของรุ่งอรุณทอทาบขอบฟ้า ทำให้หมู่เมฆบนท้องฟ้าเป็นสีส้มแดง
มีอะไรหรือท่าน
เท้าที่ก้าวเข้าไปหาหญิงสาวของนายวาณิชชะงักกึก เมื่อเห็นสายตาที่จ้องมองมาที่เขาตรงๆ
แม้ร่างโปร่งบางที่ยืนอยู่ตรงหน้าจะสวมเสื้อที่ไม่มีราคาค่างวดนัก แต่กิริยาท่ายืนและสายตาที่ทอดมองมานั้น มีอำนาจบางอย่างที่ทำให้เขารู้สึกเกรงกลัวขึ้นมาวูบหนึ่ง จนเขาแทบจะเปลี่ยนใจไม่พูดสิ่งที่คิดกะการณ์ไว้เมื่อคืน
มีอะไรหรือท่าน ธาราถามย้ำ เมื่อเห็นนายวาณิชยืนนิ่งไม่พูดจา
วิทยากลืนน้ำลาย พยายามขจัดความรู้สึกแปลกๆที่เกิดขึ้น
อย่าโง่หน่อยเลย เราจะมากลัวอะไรกับผู้หญิง แถมยังไร้ญาติขาดมิตรอย่างนี้ด้วย
เขาเตือนตัวเอง พยายามฝืนยิ้มออกมา
เจ้ามาอยู่กับกองคาราวานของข้าเกือบเดือนแล้ว มีอะไรที่ทำให้ลำบากใจหรือไม่ เมื่อพูดได้ประโยคแรก ความรู้สึกแปลกๆที่เกิดขึ้นก็ค่อยๆหายไป เพ่งมองดวงหน้าสวยงามตรงหน้า ก่อนค่อยๆไล่สายตามองดูเรือนร่างโปร่งบางอย่างหลงใหล
ข้าก็อยู่สุขสบายดี ขอบคุณที่ให้ข้าได้อาศัยพักพิง... เสียงที่ตอบกลับมานั้นเรียบเบาเหมือนไม่รู้สึกอะไรกับสายตาเล้าโลมของคนตรงหน้า แต่ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนคู่นั้นลุกวาวจนน่ากลัวชั่วครู่ ก่อนจะสงบนิ่งเหมือนเดิม
เจ้าไม่ต้องมาขอบคุณข้าหรอก เมื่อวานข้าก็มัวแต่ยุ่งๆเลยไม่ได้ขอบใจเจ้า ถ้าไม่ได้รับความช่วยเหลือจากเจ้า ข้าคงเสียหายมากกว่านี้ ขณะที่พูดเขาก็จ้องมองผิวขาวผ่องที่พ้นออกมาจากแขนเสื้อทรงกระบอกสีมอซอ และเรียวขาได้รูปที่ไว้ด้วยผ้าฝ้ายสีดำซึ่งโผล่พ้นชายกระโปรงสีน้ำเงินซีดยาวครึ่งแข้ง
เมื่อวานนัคขานักบัญชีคนเก่าของข้าก็ถูกพวกโจรชาติชั่วฆ่าตายเสียแล้ว ข้าเห็นว่าเจ้าสามารถทำบัญชีได้ ข้าจะให้เจ้าทำบัญชีแทนมีปัญหาไหม
ได้...เริ่มเมื่อไร
ไม่ต้องรีบร้อน" วิทยายิ้มให้อย่างใจดี ดวงตาเป็นประกายวาว "เมื่อวานเจ้าคงจะเหนื่อย เช้านี้ข้าอนุญาตให้พักผ่อนได้ตามสบาย ตอนบ่ายๆค่อยมาพบข้าที่กระโจมใหญ่
ร่างขาวผ่องพยักหน้าแทนคำตอบ หลุบตามองพื้นหญ้าเพื่อปิดบังแววตา ขยับตัวจะก้าวเดินออกไป
กิริยาเช่นนั้นทำให้นายวาณิชเข้าใจว่าหญิงสาวตรงหน้าเกิดอาการเขินอายตัวเอง เขาขยับตัวเข้าขวางไว้ เอื้อมมือจับมือขาวผ่องคู่นั้นมั่น
เจ้าจะรีบไปไหนเล่า อากาศยามเช้านี้สดชื่นยิ่งนัก จะรีบกลับไปอุดอู้ในกระโจมทำไม อยู่คุยเป็นเพื่อนข้าก่อนดีกว่า
ธาราสะบัดมือให้หลุดจากการจับกุม ขอบคุณ.....แต่ข้าอยากกลับกระโจม
จะกลับไปทำไม ข้าว่ามานั่งเล่นชมนก...
วิทยาชะงักกึกไม่สามารถพูดต่อได้ เมื่อสบกับดวงตาสีน้ำตาลอ่อนที่เหมือนมีกองไฟลุกโชนอยู่ข้างใน เขายืนนิ่งอึ้งด้วยความรู้สึกยำเกรง ผสมคละเคล้ากับความกลัวที่ไม่รู้สาเหตุ ทั้งๆที่หญิงสาวตรงหน้าเพียงแค่มองเขานิ่งๆเท่านั้น
ต่างฝ่ายต่างนิ่งไปครู่
ธาราถอนหายใจ ชั่วครู่ดวงตาก็กลับสงบนิ่งเหมือนเดิม
ถ้าไม่มีอะไรจะกล่าวแล้ว ข้าขอตัว
การหันหลังก้าวเดินออกห่างไปของหญิงสาวตรงหน้านั้น เป็นเหมือนสัญญาณบอกเป็นนัยๆว่า อย่าบังอาจคิดหรือเสนอในสิ่งที่เขาตั้งใจไว้ จากความเกรงกลัวกลับเปลี่ยนเป็นความโกรธอย่างรวดเร็ว
อย่ามาทำเป็นเล่นตัวหน่อยเลย! วิทยาเดินตามไปกระชากไหล่ร่างสูงโปร่งให้หันกลับมา
ผู้หญิงที่ไร้ญาติขาดมิตรแถมยังความจำเสื่อมอย่างเจ้า การที่ข้าจะเสนอโอกาสให้เจ้ามาเป็นเมียคนที่ห้าของข้าก็ดีเท่าไรแล้ว ข้าอยากรู้นักว่าถ้าข้าไล่เจ้าออกจากกองคาราวานนี้เจ้าจะมีชีวิตรอดได้สักกี่วัน หรือเจ้าอยากไปเป็นเมียพวกโจรป่าพวกนั้นมากกว่า
นายวาณิชออกแรงดึงร่างโปร่งบางนั้นเข้ามากอดอย่างหย่ามใจ แต่เพียงชั่วพริบตากลับพบว่าตัวเองนอนกลิ้งอยู่บนพื้น ไหล่ซ้ายรู้สึกปวดร้าวเหมือนถูกเข็มนับร้อยๆเล่นทิ่มแทง จนเขาต้องร้องออกมา
ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนคู่นั้นลุกวาว
เจ้าทำอะไรข้า เขาร้องโวยวายเสียงดัง มือจับไหล่ซ้ายแน่น
ริมฝีปากสวยได้รูปนั้นแย้มออกเล็กน้อยเหมือนเยาะหยันคนที่นอนครวญครางอยู่บนพื้น
เบาๆหน่อยก็ได้ท่าน เสียงพูดนั้นยังเรียบเบา แค่เป็นการกดจุดเล็กน้อย ถ้ายอมอยู่นิ่งๆอีกสักครู่มันก็จะค่อยๆหายปวดเอง ข้าไม่คิดจะทำอะไร เพียงแต่อยากแสดงให้ท่านเห็นว่า ข้าพอมีฝีมือในการสู้รบ ดังนั้นในขณะที่ท่านเหลือนักรบรับจ้างที่ยังใช้การได้จริงๆเพียงไม่กี่คน ถ้าท่านยังกรุณาให้ข้าได้อาศัยกองคาราวานนี้ต่อไป จะมีประโยชน์ต่อท่านมากกว่าไล่ข้าออกไป เพราะนอกจากข้าจะช่วยท่านทำบัญชีได้แล้ว ยังสามารถช่วยท่านคุ้มครองกองคาราวานได้อีกแรงหนึ่งด้วย
คำพูดเหมือนจะขอร้อง แต่สายตาที่มองตรงมานั้นทำให้นายวาณิชพูดอะไรไม่ออก แม้รู้สึกกรุ่นโกรธอยู่ภายใน แต่กลับทำอะไรหญิงสาวตรงหน้าไม่ได้ด้วยตระหนักถึงความสามารถของตัวเองดี มือขวายังจับไหล่ซ้ายแน่น ค่อยๆขยับตัวลุกขึ้น สายตามองหญิงสาวตรงหน้าไม่วางตา
เสียงแหวกหญ้ามาตามทางเดินนั้นทำให้ทั้งสองหันกลับไปมอง
ร่างของสตรีตั้งครรภ์ก้าวเดินเลี้ยวพ้นพงหญ้าออกมา ยิ้มให้ธารา ตื่นเช้ามาไม่เห็นเจ้า ข้าก็รู้ว่า เจ้าต้องมายืนชมพระอาทิตย์ขึ้นริมน้ำแน่ๆ ข้าเลยมาชวนเจ้าไปอาบน้ำด้วยกัน คนพูดชะงักไป เมื่อกวาดสายตาไปพบนายวานิชยืนกุมไหล่แน่น หน้านิ่วด้วยความเจ็บปวด ก็รีบเดินเข้าไปหากวาดตามองรอบๆตัว
เกิดอะไรขึ้นหรือนายท่าน หรือพวกโจรร้ายมันย้อนกลับมาทำร้ายพวกเราอีก ไม่มีใครตอบคำถามนั้นสักคน ต่างยืนมองกันนิ่ง
ข้าอยากขอร้องให้ท่านกรุณาอนุญาตให้ข้าอยู่กับกองคาราวานนี้ต่อ
วิทยามองคนตรงหน้า แม้จะโกรธแสนโกรธเพียงใดแต่สติที่อยู่เหนืออารมณ์โกรธนั้น ทำให้ไม่สามารถเอ่ยปากไล่หญิงสาวอวดดีตรงหน้าอย่างที่พูดขู่ไว้
นายวาณิชกำมือแน่น เค้นเสียงตอบ กรุณาหรือ? คงต้องเป็นข้ามากกว่าที่ต้องพูดว่า กรุณาอยู่ต่อไปเถอะ! ประโยคท้ายเน้นหนัก ขยับตัวเดิน มือยังจับไหล่นวดไปมาแม้จะรู้สึกปวดน้อยลง
ไผ่เงินประคองข้ากลับกระโจมที่พัก! แล้วไปบอกให้พวกที่ว่างงานให้รีบช่วยกันเก็บข้าวของ มัวชักช้าจะให้ไอ้โจรชั่วมันกลับมาปล้นจนฉิบหายหมดตัวก่อนหรือไง เวลาเที่ยงวันเราจะเริ่มออกเดินทางต่อไปเมืองเภตรา
ไผ่เงินมองหน้าคนทั้งสอง ไม่เข้าใจคำสนทนาที่ทั้งสองพูดกันเท่าไรนัก นึกเป็นห่วงธาราเหมือนกัน เพราะถ้าทำให้นายวาณิชโกรธอาจจะถูกลงโทษรุนแรงได้ แต่หญิงสาวร่างสูงโปร่งกลับมองมานิ่งๆ มุมปากยิ้มเล็กน้อย พยักหน้าให้สัญญาณว่าอีกสักครู่จะตามกลับไป หล่อนจึงประคองสามีให้ก้าวเดินกลับมาที่ลานพักกางกระโจมช้าๆ
ธาราหันกลับไปมองสายน้ำที่ค่อยๆไหลรินตรงหน้า หล่อนรู้ว่านายวาณิชเป็นคนเจ้าคิดเจ้าแค้น เรื่องราวครั้งนี้คงไม่จบลงเพียงเท่านี้แน่ แต่ถ้าไม่เลือกทำเช่นนี้หล่อนก็ทำใจให้ยอมรับข้อเสนอที่ส่งมาให้ไม่ได้
หญิงสาวขยับตัวเดิน จับผ้าคลุมไหล่ผืนบางให้กระชับขึ้น ลมหนาวที่พัดผ่าน นอกจากจะทำให้หล่อนหนาวสั่นไปทั้งตัวแล้ว ความหนาวเย็นนั้นยังเหมือนแทรกซึมเข้าไปในหัวใจ
ผู้คนมากมายที่อยู่รอบตัว กลับยิ่งทำให้หล่อนรู้สึกโดดเดียวมากยิ่งขึ้น การฟื้นคืนสติขึ้นมาท่ามกลางคนแปลกหน้า และจดจำเรื่องราวใดๆเกี่ยวกับตัวเองไม่ได้ ช่างเป็นเรื่องที่น่าสะพรึงกลัวเหลือเกิน
++++++++++++++++++++++++
(มีต่อค่ะ)
* แก้ไขคำผิด
แก้ไขเมื่อ 14 มิ.ย. 49 00:25:36
จากคุณ :
w_panda
- [
11 มิ.ย. 49 15:31:08
]