สวัสดีค่ะ..เป็นสมาชิกแอบอ่านมาสักระยะแล้ว ขออนุญาตนำเสนองานตัวเองบ้างนะคะ กรุณาแนะนำด้วยค่ะ
เหวอออ... เสียงหวีดร้องที่จู่ๆก็ดังขึ้นมา ประกอบกับท่าทางโบกไม้โบกมือท่ามกลางสายฝนโปรยปรายจนดูออกจะหลอนๆนั้น ทำเอาคนได้ยินแทบช็อค
อะไรไอ้จูน ตายแล้วเหรอ
บ้า! ยังไม่ตาย..แต่ว่า..แกมาดูดิไอ้แนน จูนกวักมือเรียกเพื่อนทั้งๆที่ยังไม่ละสายตาจากภาพคนนอนงายอยู่บนเรือสีขาวหม่นที่เกยตื้นเอียงกะเท่เร่อยู่ตรงหน้า
หึ...ไม่เอาหรอก... แนนส่ายหน้าดิก
'ใครจะกล้าเข้าไปกันเล่า ลำพังแค่จินตนาการที่ขยันสร้างเอาไว้หลอกตัวเองอยู่ทุกคืนนี่ก็สยองพออยู่แล้ว ไม่ต้องหาตัวช่วยมาเป็นแบบเพิ่มหรอกเฟ้ย..'
ไม่ใช่อย่างนั้นแนน! เค้ายังไม่ตาย แล้วหน้าก็ไม่เละด้วย แต่ถ้าไม่รีบช่วยล่ะก็ไอ้จูนขาดใจตายแน่ ลี ยืนส่องไฟฉายอยู่อีกด้านพูดตัดบทด้วยความรำคาญกระต่ายสองตัวที่ดูเหมือนจะตื่นตูมกันไปคนละเรื่อง ก่อนที่จะเคลียร์พื้นที่ให้กลุ่มชายฉกรรจ์ร่างบึกบึนที่เข้ามาช่วย โดยการลากจูน (ที่ยืนตัวแข็ง อ้าปากค้างจนค้างคาวจะบินเข้าไปหาเหยื่อในปากอยู่แล้ว) ออกไปให้พ้นทาง (ก่อนที่จะถูกหามไปห่อ เนื่องจากเข้าใจว่าเป็นศพที่ช็อคตาย)
ค่อยๆประคองพวกเค้าลงมานะคะ ระวังคอกับหลังด้วยลีไม่ลืมที่จะตะโกนกลับไปที่เรืออีกรอบด้วยความรอบคอบขณะที่ตัวเองทั้งฉุดทั้งลากเพื่อนกลับขึ้นมาจากน้ำอย่างทุลักทุเล
กระเป๋า...พยาบาล...มาแล้วลี ออมวิ่งกระหืดกระหอบมาจากล้อบบี้พร้อมกับกล่องสีดำใบใหญ่ที่ฝุ่นจับเขรอะ
ท่าทางจะ...ไม่..เคย..ใช้เลย.. หญิงสาวพูดไปหอบไปด้วยความเหนื่อย สักพักก็เริ่มค่อยยังชั่ว ที่นี้จึงรัวคำพูดต่ออย่างรวดเร็ว
คุณเจ้าของกำลังไปสถานีอนามัยใกล้ๆนี้แหละ จะไปรับพยาบาลที่อยู่เวรมาที่นี่เลย และบอกว่าถ้าเราต้องการอะไรเพิ่มให้โทรไปบอก เจ้าตัววางกล่องลงกับพื้นก่อนยื่นกระดาษใบเล็กที่มีตัวเลขหวัดๆกระจุกกันอยู่ตรงกลางให้ดูอย่างรีบๆก่อนจะเอาเก็บใส่กระเป๋ากางเกง
แล้วตกลงเป็นไงบ้าง มีใคร...ถึงตายหรือเปล่า ออมถามต่อแบบไม่พักหายใจ ปลายเสียงสั่นเล็กน้อยด้วยความลุ้น
บนเรือมีสองคน ยังไม่ตาย อันที่จริงดูคร่าวๆแล้วคงไม่ถึงกับสาหัส แต่คนจะตายน่ะ...ไอ้นี่! ลีพยักเพยิดไปทางจูนที่ยืนหน้าซีดเป็นไก่เปื่อย (เพราะปกติก็ซีดเป็นไก่ต้มอยู่แล้ว) อยู่ข้างๆ โดยมีแนนยืนอ้าปากค้างด้วยความตกใจไม่แพ้กัน
ยิ่งกว่าปาฏิหาริย์อีกว่ะออม... แนนพยักหน้าช้าๆ หนึ่งในนั้นน่ะ นายเพชรล่ะรู้มั้ย
ออมยืนนิ่งมองภาพชายหนุ่มที่เพื่อนหมายถึง ซึ่งยังคงมีอาการสะลึมสะลือกำลังถูกอุ้มลงมาจากเรือ ลงมานอนแอ้งแม้งอยู่บนเปลสนามเคียงข้างคนเจ็บอีกคนที่ถูกหามลงมาก่อนหน้านี้ เธอมองภาพนั้นอยู่นานอย่างไม่อยากจะเชื่อสายตา
หลายชั่วโมงก่อนหน้านี้ สี่เพื่อนซี้สาวโสดอันได้แก่ จูน,ลี,ออม และแนน ได้ตกลงปลงใจกันหนีงานมาเที่ยว หลังจากที่วางแผนกันมาตั้งแต่ช่วงซัมเมอร์ แต่ก็แห้วไปเนื่องจากหยุดไม่ตรงกัน โดยนั่งรถทัวร์ปุเลงๆจากหมอชิตใหม่มาถึงจังหวัดตราดตั้งแต่ไก่ยังไม่โห่ แล้วก็ต่อเรือข้ามมาที่เกาะช้างในช่วงโลว์ซีซั่นเช่นนี้ แถมกรมอุตุฯยังเตือนว่าจะมีพายุดีเปรสชั่นเข้าในวันสองวันนี้เสียอีก จากท่าเรือก็ต้องต่อรถสองแถวที่ชอบซิ่งขึ้นเขาอย่างหน้าหวาดเสียว จนมาถึงเป้าหมาย..หาดทรายขาว (ดีนะที่เป็นป้ายแรก ไม่งั้นคงตกรถตายก่อนจะได้เที่ยว) พอถึงหน้าหาดก็ต้องเดินลากสังขารที่สุดแสนจะง่วงงุนจากฤทธิ์ยาแก้เมาเรือ บวกสัมภาระอีกคนละกระเป๋าใหญ่เดินเลียบชายหาดย้อนจากถนนเข้ามาอีกเป็นกิโล กว่าจะมาถึงรีสอร์ท แสนสงบที่เคยมาพักเมื่อปีก่อน พอมาถึงทุกคนก็หมดแรง (เวเฟอร์กับน้ำอัดลมจืดๆที่ได้บนรถทัวร์เมื่อคืน) พากันหลับยาวจนถึงเย็นก่อนจะตะเกียกตะกายลุกขึ้นมาด้วยความหิว แต่แค่เพียงเดินฝ่าสายฝนที่เริ่มจะตกปรอยๆ (กรมอุตุฯไม่แม่นนะนี่ เพราะมันตกตั้งแต่วันนี้เลย ไม่ใช่อีกวันสองวัน) ออกจากบ้านพักมาถึงล้อบบี้ ยังไม่ทันที่อะไรจะตกถึงท้องกลับต้องวิ่งโร่ออกมาหน้าหาดที่อยู่ไม่ไกลนัก เนื่องจากมีอุบัติเหตุเรือสปีดโบ้ทชนเข้ากับท่าเรือของรีสอร์ทเกิดขึ้นเสียก่อน เมื่อทุกคนไปถึงพนักงานของรีสอร์ทก็ช่วยกันลากเรือจากท่าให้มาเกยอยู่ที่หาดเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ทั้งหมดจึงแสดงตนว่าเป็นพยาบาลขอให้ความช่วยเหลือทันที ซึ่งทำให้พี่หน้าโหดเจ้าของรีสอร์ทแทบจะกระโดดกอดด้วยความดีใจเลยที่เดียว (น่ากลัวนะนั่น...ลี ผู้อยู่ในรัศมีอันตรายที่สุดขณะนั้นแอบเปิดเผยในภายหลัง)
จะว่าซวยซ้ำซวยซ้อนก็ได้นะครับ จู่ๆพยาบาลประจำอนามัยก็ดันมาลากลับบ้านบนฝั่งโน่นพอดี ได้ยินว่าภรรยาคลอดลูกอะไรนี่แหละ ยังดีที่มีพวกน้องๆอยู่ด้วย ไม่งั้นพี่แย่แน่ๆ พี่หน้าโหดที่มารู้ที่หลังว่าชื่อเชาวน์ พูดขึ้นหลังจากผ่านเหตุการณ์ระทึกมาหมาดๆพลางเอื้อมมือรับอาหารจานสุดท้ายจากพนักงานมาวางให้ตรงหน้า
มืดค่ำอย่างนี้แล้วไม่รู้จะไปไหนได้ จะพาขึ้นรถขับขึ้นสันเขาไป คนเจ็บก็คงคอหักตายพอดี หรือจะแบกเลียบหาดไปยิ่งไม่ได้ใหญ่ พายุเข้าแบบนี้น้ำคงขึ้นถึงเอวแล้วมั้ง คนพูดพูดเสียน่ากลัวทำเอาสามสาวที่นั่งฟังอยู่นึกภาพตามแล้วทำหน้าสยอง
เชาวน์นี่เองที่เป็นคนบึ่งรถกระบะโฟร์วีลสี่ประตูคู่ใจขับลัดเลาะสันเขาหลังรีสอร์ทอันเป็นทางรถเพียงทางเดียวของที่นี่(ที่สุดแสนจะชัน )เพื่อไปยังสถานีอนามัยที่ใกล้ที่สุด ก่อนจะโทรกลับมา(เพราะไม่มีใครโทรไป) แจ้งข่าวร้ายอย่างที่เขาเพิ่งเล่าพร้อมถามสาวๆว่าต้องการอะไรเพิ่มเติมหรือไม่ เคราะห์ดีที่เจ้าหน้าที่สาธารณสุขที่อยู่เวรแทนพอจะมีประสบการณ์อยู่บ้าง เลยช่วยเตรียมอุปกรณ์ต่างๆได้อย่างไม่ลำบากนัก ระหว่างนั้นทั้งสี่ก็ช่วยกันตรวจเช็คสภาพร่างกายทุกส่วน (เท่าที่ทำได้) ของผู้บาดเจ็บว่ามีส่วนไหนแตกหัก หรือบาดเจ็บร้ายแรงหรือไม่อย่างไร นับว่าโชคยังเข้าข้างอยู่ไม่น้อยที่จากการตรวจร่างกายเบื้องต้นพบว่าคนทั้งคู่แค่เพียงฟกช้ำภายนอกเท่านั้น เมื่อพี่เชาวน์กลับมาถึงพร้อมกับอุปกรณ์ทำแผลครบเครื่อง ทั้งหมดจึงช่วยกันปฐมพยาบาลเบื้องต้นให้ไปก่อน ที่เหลือก็รอดูอาการอีกทีตอนฟื้นขึ้นมาเท่านั้น
อืม...ว่าแต่ พวกน้องรู้จักผู้ชายคนนั้นหรือครับ โดยเฉพาะน้องจูนน่ะ ตั้งแต่เกิดเรื่อง ยังไม่เห็นอยู่ห่างจากคนเจ็บเลย เชาวน์พูดพลางมองไปที่บ้านพักหลังที่อยู่ใกล้ที่สุด ซึ่งเขายกให้เป็นห้องพยาบาลชั่วคราว ทำให้ทุกคนที่เหลือมองตามไปด้วย
ก็...ทำนองนั้นแหละค่ะ ลีเอ่ยตอบเพียงเบาๆ ราวกับกลัวว่าคนที่ได้สติเพียงคนเดียวในบ้านหลังนั้นจะได้ยิน
โชคดีของเขานะครับ ที่มาเจอพวกน้องๆพอดี
จูน...เป็นไงบ้าง ลียื่นจานอาหารที่พี่เชาวน์แบ่งมาให้ส่งให้ ก่อนนั่งลงข้างเพื่อนที่ยังคงหน้าซีดด้วยความเป็นห่วงคนตัวโตที่นอนหลับไม่รู้เรื่องอยู่ตรงหน้า ตั้งแต่การช่วยเหลือเสร็จสิ้น เธอก็เอาแต่นั่งเฝ้าข้างเตียงจนไม่เป็นอันทำอะไร
อืม...ไม่รู้สิ หญิงสาวรับจานอาหารมาวางไว้บนตัก หากแต่ค้างไว้แค่นั้น สายตายังคงเหม่อมองไปยังจุดเดิม
เพชร...พชร หนุ่มหล่อเฟี้ยว เฟรชชี่มหาวิทยาลัย ที่พกมาแต่ความเจิดจ้าราวกับแสงอาทิตย์ฤดูร้อน จนจูนต้องหลบสายตาหนีทุกครั้งด้วยกลัวจะตาบอดเพราะความระยิบระยับนั่น เธอได้รู้จักกับเขา (ไม่สิ จะเรียกว่ารู้จักกันก็ไม่ถูก เพราะเขาไม่เคยจะจำได้เลยนี่นา) ตั้งแต่ตอนที่ทั้งคู่เข้าปีหนึ่งใหม่ๆโน่นแน่ะ...
จากคุณ :
มธุธารา
- [
13 มิ.ย. 49 15:45:45
]