ตอน ใครฆ่าใคร
ร่างของเด็กวัยรุ่นโผล่พ้นออกมาท่ามกลางความ
มืดมิดของท้องถนนในตัวเมือง รวดเร็ว..พอๆกับเสียงแตร
รถที่ดังกู่ก้องไปทั่วท้องถนน ไม่นานนักราตรีที่เงียบสงบ
คืนนั้น..ก็ถูกปกคลุมไปด้วยเสียงรถชนโครมใหญ่ และ
เสียงกรีดร้องก้องระงมไปทั่วอาณาบริเวณ
"ไม่นะ.............."
เสียงร้องของหญิงสาวปลุกตัวเองให้ตื่นจากภวังค์แห่ง
ความฝันอันโหดร้าย พร้อมๆกับเหงื่อกาฬที่เปียกชุ่มไปทั่ว
ร่างกาย ไม่นานนักหยาดน้ำตาใสๆก็ไหลปริ่มออกมา
จากดวงตา..อีกครั้ง
กี่วันกี่คืนแล้วนะที่เธอต้องฝันร้ายถึงเรื่องนี้ ผ่านพ้น
มากว่าสามปีแล้ว..สามปี..ที่ไม่มีคืนใดที่เธอไม่หลับฝันถึง
ค่ำคืนอันโหดร้ายนั้น
แวเลี่ยมเม็ดสีขาวถูกเทออกมาจากขวดสีชา เธอ
เขย่ามันอีกครั้งแต่ก็พบเพียงเม็ดสุดท้ายเท่านั้น..ที่ร่วง
หล่นลงมาในมือ
เอาเถอะ..อย่างน้อยๆเม็ดเดียว ก็คงช่วยให้เธอได้
หลับสบายสักสามชั่วโมงก็ยังดี...ก็ยังดีจริงๆ
----------------------------------------------------------
"ฆ่าตัวตาย!!!"
ผมร้องเสียงหลง จนทำให้ป้าพุดที่แอบกระซิบเรื่อง
ราวให้ฟัง ต้องยกมือขึ้นมาปิดปากผมเป็นการใหญ่
"แกจะส่งเสียงดังไปทำไม จะประกาศให้เขารู้กันไป
ทั้งซอยรึไง"
แกส่งเสียงดุผมจริงจังก่อนที่ผมจะต้องเป็นฝ่ายพึมพำ
ขอโทษขอโพยออกไป อดนึกย้อนไปถึงเหตุการณ์โศก
นาฏกรรมเมื่อสามปีก่อนไม่ได้
นึกถึงบรรยากาศอันเงียบสงบและเศร้าโศกของการ
จากไปของลูกสาววัยแรกรุ่นลูกเลี้ยงของท่านอาจารย์
ศาสตราจารย์ชื่อดังประจำเมือง
คืนก่อนหน้านั้น..ลูกสาวของท่านประสบอุบัติเหตุโดน
รถชนเสียชีวิตคาที่ เป็นที่น่าเวทนาแก่คนในเมืองนี้เป็นยิ่ง
นัก เด็กสาววัยสดใสที่มีผลการเรียนเป็นเลิศ และเป็นถึง
นางงามประจำเมือง ต้องมาตายจากไปด้วยความประมาท
ของหญิงสาวคนหนึ่งคนนั้น ที่นั่งหน้าซีดเผือดอยู่ที่เก้าอี้ตัว
สุดท้ายในงานศพทุกค่ำคืน
ผมจำได้ดีว่าเสียงร่ำไห้ของผู้เป็นแม่นั้น ฟังแล้วเจ็บ
ปวดรวดร้าวเพียงไร เคยนึกในตอนนั้นว่า..มันจะเจ็บปวด
รวดร้าวได้ถึงใจหล่อนบ้างไหม ฆาตรกรสาวคนนั้น....ที่
คร่าอนาคตและความหวังของหญิงชราคนหนึ่งเช่นนี้ หญิง
ชราคนหนึ่ง..ที่จนถึงเวลานี้..ยังคงรับไม่ได้กับเหตุการณ์
เลวร้ายที่เกิดขึ้นเมื่อสามปีก่อนนั่น
"ป้าพูดถึง..ลูกสาวอาจารย์ที่ถูกรถชนคนนั้น?"
ผมกลืนน้ำลายลงคออย่างไม่สะดวกนัก ถามย้ำลงไป
อีกครั้ง ให้แน่ใจว่ามโนภาพที่ทบทวนอยู่ในความคิด เป็น
คนเดียวกับที่หญิงชราตรงหน้าผมพูดถึง
"ใช่ ที่แกบอกป้าว่าผู้หญิงที่ขับรถชนมาไหว้ศพเค้า
อีกแล้วนี่แหละ ป้าก็เลยบอกแก"
"ป้ารู้เมื่อไหร่ครับ ว่าน้องเค้าฆ่าตัวตาย"
"ตั้งแต่แรก..วันที่เกิดเรื่อง"
ป้าพุดพูดออกมาด้วยน้ำเสียงเนิบนาบ ดวงตาที่มีร่อง
รอยล่วงเลยของวัยมองพ้นออกไปที่สุสานอีกฟากฝั่งถนน
หญิงสาวผมสั้นที่ผมเคยเรียกว่าฆาตรกรยังคงไว้
ทุกข์ชุดดำ และยังคงเอาดอกไม้มาวางเคารพศพที่นี่ ทุก
อาทิตย์..ไม่เคยเปลี่ยนแปลง..ทุกอาทิตย์..แม้เวลาจะล่วง
เลยมาถึงสามปีก็ตาม
"แกอกหัก..แอบคบกับเด็กช่างวิทยาลัยแถวนี้ พอ
ได้เสียกัน ไอ้หมอนั่นก็ชิ่งหนีไปเสียอย่างนั้น.. แถมดัน
ท้อง คืนนั้นท่านรู้เรื่องเข้าเลยทะเลาะกันใหญ่โตกับท่าน
ศาสตราจารย์นั่นน่ะแหละ ท่านอับอายจนไม่รู้จะเอาหน้าไป
ไว้ที่ไหน สุดท้ายนังหนูนั่นเลยตัดสินใจกระโดดออกไปบน
ถนน ไม่คิดหน้าคิดหลังอะไร..หวังจะได้ตายสมใจ"
ยิ่งได้ยิน..ยิ่งเหมือนมีคมมีดแหลมๆคอยทิ่มแทง
อยู่ในลำคออยู่ตลอดเวลา เข้าใจความลับที่ถูกปิดซ่อนมา
นานหลายปีนี้ไม่ยากเลยสักนิด
เด็กสาว ที่มีพ่อบุญธรรมเป็นถึงอาจารย์
ศาสตราจารย์ผู้เชี่ยวชาญทางด้านจิตวิทยาวัยรุ่น หากมีใคร
สักคนล่วงรู้ความจริงเช่นนี้..ชื่อเสียงทั้งหมดคงป่นปี้ลงไม่
เป็นท่า ป้าผม..ในฐานะที่เป็นคนดูแลแม่บ้านของบ้านหลัง
นั้น ทำให้ไม่เป็นการยากเลยที่จะล่วงรู้ความจริงข้อนี้ แต่
ยากลำบากกว่านักที่ต้องเก็บความจริงเจ็บๆไว้ในจิตใจ
ด้วยเหตุผลหลายหมื่นพันประการที่พูดออกไปไม่ได้
โยนการตายของลูกสาวให้เป็นความผิดของผู้หญิงคนหนึ่ง
ง่ายกว่ายอมรับกับสังคมทั่วไปได้ว่าลูกสาวนักจิตวิทยาวัย
รุ่นชื่อดังท้องไม่มีพ่อ และฆ่าตัวตาย
หลายร้อยพันเหตุผลของมนุษย์...ที่บาดลึกสร้าง
รอยแผลให้มนุษย์ด้วยกันเองได้ไม่มีวันจบสิ้น
----------------------------------------------------------
"มาอีกแล้วนะครับ"
สิ้นเสียงทักทายของผม หญิงสาวที่กำลังเหม่อมอง
จ้องแผ่นป้ายชื่อศพตรงหน้าก็มีอาการสะดุ้งด้วยความ
ตกใจเล็กน้อย ก่อนหันมามองหน้าผมแล้วเบิกตากว้าง
"แปลกใจอะไรหรือครับ"
"เปล่าหรอกค่ะ...แต่..คุณเป็นคนแรกในเมืองนี้...ที่พูด
กับฉัน"
น้ำเสียงเศร้าสร้อยนั้นพูดขึ้นเบาๆในขณะที่ดวงตาของ
หล่อนเหม่อมองไปไกลแสนไกล ผมไม่เคยได้มีโอกาส
จ้องมองเธอเต็มตาเช่นนี้ คอยแต่ที่จะเดินหนีและมองเธอ
ด้วยสายตาอีกอย่างหนึ่งมาโดยตลอด..สายตา..ที่เหมือน
คนอื่นๆในเมืองนี้ สายตา..ที่เจ็บแค้นและตอกย้ำว่าเธอคือ
ฆาตรกรคร่าชีวิตบริสุทธิ์สดใสชีวิตหนึ่งไป
"เอ่อ..ก็ไม่เชิงหรอกค่ะ ฉันหมายถึง..นอกจากใน
ศาล"
หล่อนหัวเราะขมๆในลำคอ ดวงตาคู่นั้นเจ็บปวด
และหม่นหมองมากมายเหลือเกิน
"ที่หลุมศพนี้..มีดอกไม้สวยๆมาเปลี่ยนอยู่ตลอดเลยนะ
ครับ"
ผมเปลี่ยนเรื่องพูดพลางจ้องมองดอกไม้เพียง
ดอกเดียวของเธอ ที่กลับแทนความรู้สึกแห่งความเสียใจ
หมื่นแสนได้มากมายเหลือเกิน
"ค่ะ..จะมีไปตลอด..จนกว่าฉัน..จะไม่สามารถเอา
มาให้ได้อีก" เสียงเล็กๆนั้นสั่นเครือเล็กน้อย พร้อมๆกับ
หยาดน้ำตาที่ปริ่มออกมาจากเบ้าตาทั้งสอง
คนพูดจับจ้องมองหลุมศพเบื้องหน้านิ่ง... ผมไม่รู้ว่า
เธอคิดอะไร หรือกำลังภาวนาถึงใครที่หลับใหลอยู่เบื้อง
หน้าหรือเปล่าก็ไม่รู้ อาจจะภาวนา...พึมพำคำขอโทษเป็น
ร้อยเป็นพันหน ให้กับฝันร้ายเมื่อสามปีก่อนนั่น
"ความผิดที่ฉันสร้างไว้มันมากมายเหลือเกิน มาก
มาย..จนไม่รู้ว่าจะชดใช้ยังไงอีกแล้ว"
"ไม่มีใคร..อยากฆ่าใครหรอกครับ"
ผมพูดได้เพียงเท่านั้น..เพราะความรู้สึกในจิตใจ
มันมากมายเหลือเกิน
"ขอบคุณนะคะ...แต่ความรู้สึกผิดมากมายถึงเพียง
นี้ ฉันคงลบมันออกไปไม่ได้ชั่วชีวิตแน่ๆ"
น้ำตาที่คลอตาสวยคู่นั้น บัดนี้ร่วงรินไหลอาบสอง
แก้มอย่างไม่มีทีท่าว่าจะหยุดไหล สองมือเล็กๆที่ซูบเซียว
ขึ้นทุกวันนับจากอุบัติเหตุคราวนั้นยกขึ้นพนมอย่างเจ็บช้ำ
เต็มที
คำว่า "ความรู้สึกผิด" ของเธอนั้น...เสียดลึกเข้าไปใน
จิตใจของผมได้ดีกว่าคำพูดไหนๆ เพิ่งเข้าใจ..ก็วันนี้เอง
ร่างนั้นขอตัวลากลับไปก่อนแล้ว...ทิ้งไว้แต่เพียง
ตะกอนบางอย่างที่ขุ่นวนในใจ
คำถาม..ที่ผมไม่อาจหาคำตอบให้แก่ตัวเองได้
ใช่ หญิงสาววัยแรกแย้มได้ตามสมใจ... ตายไป
พร้อมๆกับพรากชีวิตของคนอีกมากมายตามติดเธอไป
ด้วย หากแต่เธอจะรู้
ความเจ็บปวดกับความตาย กับเจ็บปวดเหมือนตายทั้ง
เป็น สิ่งไหน...จะทรมานมากไปกว่ากันก็ไม่รู้
เธอจะรู้ไหม...ว่าเสี้ยววินาทีที่ความหุนหันพลันแล่น
ถาโถมเข้าใส่ ผลักให้กระโดดออกไปขวางรถคันนั้น...จะ
เป็นเสี้ยววินาทีที่ปลิดชีวิต หยิบยื่นความรู้สึกตายทั้งเป็นให้
ใครอีกหลายคนรอบข้าง
หญิงสาวที่เดินจากไปเมื่อครู่ ที่ลำพังโทษทาง
กฏหมายคงไม่มีผลเทียบเท่าโทษทางจิตใจที่หล่อนลง
โทษตัวเองซ้ำแล้วซ้ำเล่า ไหนเลยจะโทษทางสังคมของ
คนที่นี่...ที่รุมประณามเธออย่างร้าย ขับไล่ไสส่งเธอตลอด
ชีวิต...ทำให้หล่อนต้องอยู่เหมือนตายมาตลอดสามปีที่ผ่าน
มา
คิดไปถึงหญิงชราอีกคนที่ยังคงร้องห่มร้องไห้ ให้
กับการจากไปอย่างไม่มีวันกลับของลูกสาวที่ตนเองแสน
รัก หญิงชราที่แทบละไปสิ้นทุกการมีอยู่ของลมหายใจตน
เอง
และพ่อบุญธรรมของหล่อนที่จะต้องฝันถึงความจริง
ที่ว่าตัวเองเหมือนเป็นคนผลักลูกสาวไปสู่ความตายเป็นครั้ง
ที่เท่าไหร่ไม่รู้ในชีวิต
หันกลับมามองมือของตัวผมเอง ผมเองก็กำลังฆ่า
หล่อนใช่ไหม... ฆ่าผู้หญิงที่เพิ่งเดินจากไปให้ตายทั้งเป็น
อยู่แบบนี้ ทั้งๆที่รู้...แต่เหตุผลล้านแปดประการที่ทำให้ผม
ทำได้เพียงยืนมองหล่อนเท่านั้น
ถ้าผมบอกออกไป...ป้าของผมก็คงจะมีความผิด
สุดท้ายแล้วเพียงเพื่อศักดิ์ศรี การรักษาหน้า ก็กลับ
ฆ่าคนได้เลือดเย็นถึงเพียงนี้ ทุกอย่างเกิดขึ้นเพียงเพราะ
ความอับอายตัวเดียวเช่นนั้นหรือ
อับอายที่ท้องไม่มีพ่อ....
อับอายที่จะบอกว่าลูกสาวฆ่าตัวตาย....
อับอายที่จะบอกว่าสิ่งที่ผมได้เหยียบย่ำเธอในวันนั้น
เป็นเรื่องน่าอับอายเกินกว่าที่จะพูด...
อับอาย...เกินกว่าจะให้สังคมมารุมประณามเมื่อเรื่อง
ทั้งหมดแดงขึ้น
น่าเศร้านัก...ที่เครื่องประหารที่ทารุณที่สุดของมนุษย์
ก็คือมนุษย์ด้วยกันเองแบบนี้...
(จบค่ะ)
จากคุณ :
ฟองคลื่น คืนจันทร์ พันดาว
- [
14 มิ.ย. 49 09:24:09
]