เหมือนมีเทศกาลเลยนะไผ่เงิน ธาราถามขึ้น เหลียวมองไปรอบๆตัวอย่างสนใจ
รอบๆตัวของทั้งสองคนเต็มไปด้วยผู้คนมากมายแต่งกายด้วยเสื้อผ้าสีสันสดใส ทุกคนยิ้มแย้มให้แก่กัน สตรีขาวโปร่งเหลียวมองหญิงสาวหลายคนที่เดินนำอยู่ข้างหน้าอย่างสนใจ บนศีรษะของหญิงสาวเหล่านั้นเทินด้วยตะกร้าที่เต็มไปด้วยดอกไม้หลากสีสัน กลิ่นหอมอ่อนๆของดอกไม้ฟุ้งกระจายไปทั่วบริเวณ เสียงพูดคุยหัวเราะต่อกระซิบกันเบาๆ ผสมกับเสียงกรุ๋งกริ๋งสดใสของกระดิ่งลูกเล็กที่ร้อยอยู่ที่กำไลข้อเท้าทั้งสองข้างของหญิงสาวเหล่านั้น ช่วยให้บรรยากาศรอบๆตัวเต็มไปด้วยความสดใสรื่นเริง
นอกจากผู้คนรอบตัวที่แต่งกายกันสวยงามแล้ว ชายคาของบ้านเรือนทั้งสองข้างทางยังประดับประดาไปด้วยกระดาษสีสันสดใสที่ตัดเป็นลายฉลุต่อเนื่องกันเป็นแผ่นยาว ตามมุมบ้านมีการแขวนตะเกียงที่ถูกหุ้มด้วยกระดาษสีสวยฉลุลายให้แสงลอดผ่านออกมาทำให้แสงไฟที่ส่องออกมาให้แสงสีที่ไม่เหมือนกัน และมีลวดลายแปลกตา
คิดว่าจะไม่ถามเสียแล้ว วันนี้ถือเป็นวันแรกของฤดูกาลเหมันต์ ก่อนที่ชีวิตจะเข้าสู่ความหนาวเย็นพระแม่เจ้าวสันตราจะเสด็จลงมาประทานพรแก่ผู้ขอพรเป็นครั้งสุดท้ายของปี ไผ่เงินมองรอบๆตัวแล้วยิ้ม ปีที่แล้วที่ข้าก็มาขอพรจากพระแม่เจ้าเช่นกัน
พรอะไรหรือ
คนร่างเล็กยิ่งยิ้มมากขึ้น หยุดเดินที่แผงขายของข้างทางซึ่งวางตะกร้าที่เต็มไปด้วยดอกไม้หลายหลากรูปแบบ หยิบมาหนึ่งตะกร้าส่งให้คนข้างตัว จ่ายเงินเสร็จก็เริ่มเดินต่อ
ด้วยตระกร้าที่ใบใหญ่เกินกว่าจะถือด้วยท่าทางปกติได้และผู้คนที่ค่อนข้างแน่น ทำให้ธาราต้องเทินตะกร้าบนศีรษะเหมือนหญิงสาวคนอื่นๆอีกหลายคนรอบตัว
ไผ่เงินมองหญิงสาวข้างตัวแล้วยิ้ม ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนสวยคู่นั้นกวาดตามองรอบๆตัว แต่คงไม่ได้สังเกตเห็นว่า ด้วยใบหน้าที่สวยหวานและท่วงท่าการเดินที่สง่างามเหมือนคุณหนูในตระกูลสูง เมื่อมีตะกร้าเทินอยู่บนศีรษะ ซึ่งเหมือนเป็นการบ่งบอกถึงสถานะว่ายังไม่มีคู่หมาย ทำให้เมื่อเดินผ่านไปตามที่ต่างๆจะมีชายหนุ่มจำนวนมากมองตามมา
พรที่ ปีนี้ข้าไม่สามารถขอได้แล้ว ข้าจะพาเจ้าไปขอจากพระแม่เจ้าบ้าง แต่ข้าว่าคนสวยๆอย่างเจ้าไม่จำเป็นต้องขอพรก็คงสมหวังได้ไม่ยาก
ไผ่เงินหัวเราะออกมาเมื่อเห็นสายตาสงสัยของอีกฝ่าย
ทั้งคู่เดินตามฝูงชนไปถึงทะเลสาปกว้างใหญ่ใจกลางเมือง ซึ่งดูเหมือนเป็นจุดหมายปลายทางของใครหลายๆคน หญิงสาวจำนวนมากต่างนำตะกร้าที่เทินอยู่บนศีรษะไปลอยน้ำในทะเลสาป แสงจันทร์ที่สาดส่องลงมา และตะเกียงจำนวนมากที่แขวนอยู่ตามต้นไม้ริมทะเลสาปทำให้เห็นตะกร้าจำนวนไม่น้อยที่ลอยอยู่ในทะเลสาปกว้างนี้ บางตะกร้าจะมีธนูที่ปลายทำจากขนนกหลากสีสันปักอยู่กลางตะกร้า
เข้าไปลอยตะกร้าขอพรจากพระแม่เจ้าสิธารา ข้าขอรออยู่ตรงนี้นะ ไม่อยากเบียดคนเข้าไป
ธารามองข้างหน้าซึ่งเต็มไปด้วยคนจำนวนมากแล้วทำหน้าเมื่อย ขยับตะกร้าบนศีรษะเพื่อหาท่าวางที่สบายที่สุด
ข้าก็ไม่อยากเข้าไปเหมือนกัน แล้วที่สำคัญเจ้ายังไม่ได้บอกข้าเลยว่า ต้องขอพรอะไร
พรที่ทำให้หัวใจของเจ้าอบอุ่นไม่หนาวเย็นตลอดกาล
คนฟังแม้จะพยายามทำความเข้าใจกับคำตอบแค่ไหนก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดี เพราะแม้อากาศบริเวณนี้จะมีฤดูหนาวที่แสนทรมาณ แต่การขอพรไม่ให้หนาวนี่เทพเทวดาไม่น่าจะช่วยได้ ...เอาเวลาที่มาขอพรไปเตรียมฟืนยังจะรับรองว่าไม่หนาวได้แน่นอนกว่าเสียอีก...
ธาราคิดพร้อมกับอยากส่ายหัวไม่เห็นด้วย แต่ตะกร้าดอกไม้ที่เทินอยู่บนศีรษะทำให้ไม่กล้าขยับมาก ได้แต่จำใจต้องเดินเบียดผู้คนเข้าไปให้ถึงริมฝั่งทะเลสาบข้างหน้า มองไปรอบๆตัว เพิ่งสังเกตุว่าบริเวณนี้มีแต่หญิงสาวเท่านั้นไม่มีชายหนุ่มสักคนเดียว แต่จากมุมทางขวามือ จะมีธนูลอยมาจากศาลามุงกระเบื้องเป็นระยะๆ ดูเหมือนเป้าหมายจะเป็นตะกร้าในน้ำเสียด้วย หญิงสาวหลายคนเมื่อลอยตะกร้าเสร็จก็จะยืนถอยออกมารวมกลุ่มกัน ถ้าตะกร้าของใครถูกธนูยิงเพื่อนๆสาวรอบตัวก็จะหัวเราะต่อกระซิบกัน
ธาราวางตะกร้าลงข้างตัวก่อนจะนำมันลอยไปตามน้ำ เงาจันทร์ในน้ำทำให้เหมือนมีพระจันทร์อยู่สองดวง ในน้ำ.....และในท้องฟ้า..... การมองสายน้ำเป็นสิ่งหนึ่งที่หล่อนชอบทำตั้งแต่ลืมตาพบว่าอยู่ท่ามกลางคนแปลกหน้า และไม่มีความจำในอดีตหลงเหลืออยู่เลย เพราะเหมือนสักวันหนึ่งสายน้ำตรงหน้าอาจจะยอมบอกถึงเรื่องราวในอดีตที่หล่อนเฝ้าโหยหา
หญิงสาวนั่งมองผืนน้ำตรงหน้าอยู่ได้ไม่นาน ก็เห็นมีธนูดอกหนึ่งพุ่งตรงมาที่ตะกร้าที่หล่อนเพิ่งลอยออกไปได้ไม่ไกลนัก ธนูที่มีขนหางของนกหลากสีสันอันนั้นทำให้ตะกร้าที่กำลังลอยกระเพื่อมตามสายน้ำค่อยๆจมลงเหมือนมีกระแสน้ำวนเกิดขิ้นบริเวณนั้น ดึงดูดทั้งตะกร้าและดอกไม้ทั้งหมดให้จมลงสู่ใต้ท้องน้ำ ท่ามกลางเสียงฮือฮารอบๆตัว หล่อนลุกขึ้นยืนเหลียวมองตรงไปที่ศาลาซึ่งคาดได้ว่าเป็นแหล่งที่ธนูดอกนี้ลอยมา เห็นชายหนุ่มรูปร่างสูงใหญ่ยืนอยู่ในเงามืดของศาลาริมน้ำ ท่าทางของผู้คนที่ยืนรายล้อมทำให้เดาได้ไม่ยากว่าเขาเป็นเจ้าของธนูดอกที่เป็นสาเหตุให้ตะกร้าของหล่อนจมน้ำอย่างแน่นอน และเหมือนชายหนุ่มคนนั้นจะรู้ว่าหล่อนมองไป ร่างสูงใหญ่นั้นโค้งคำนับให้เหมือนล้อเลียนก่อนที่จะหันหลังเดินออกจากศาลา ท่าทางทั้งหมดนั้นทำให้หญิงสาวเจ้าของตะกร้าอดรู้สึกโกรธขึ้นมาไม่ได้
(มีต่อค่ะ)
จากคุณ :
w_panda
- [
16 มิ.ย. 49 01:28:06
]