ลูกศิษย์ที่รัก
แสงไฟสว่างจากหลอดไฟยาวภายในห้องสี่เหลี่ยมขนาดกลาง โต๊ะทำงานสองชุดตั้งหันหลังใส่กัน แต่ในห้องขณะนี้มีเพียง รวิตา อานาบุรารักษ์ นั่งหลับตาอยู่ที่โต๊ะทำงานฝั่งขวามือ
อีกสิบนาทีเท่านั้นที่เธอจะต้องไปเผชิญกับสิ่งที่แปลกใหม่ ใจเธอเต้นตุบตับ อย่างกับกลองเพลนตามวัดต่าง ๆ มือเรียวบางดูซีดผิดปกติ แอบหวังไว้ในใจว่าหน้าของเธอคงจะไม่เป็นอย่างมือทั้งคู่ไปด้วย
ดวงตาโต ลูกตาดำขลับเหลือบมองนาฬิกาที่ตั้งอยู่บนโต๊ะอย่างใจระทึก ใจหนึ่งอยากให้เวลาที่รอคอยมาถึงเสียที อีกใจหนึ่งก็อยากให้วันนี้ เวลานี้ เป็นเพียงความฝัน..........
ภาพนักศึกษาพูดคุยกันเอ๊ะอะ โวยวาย ไม่สนใจในบทเรียนที่เธอกำลังสอน เสียงปามาศว่าเธอยังเด็กเกินกว่าที่พวกเขาจะยอมรับได้ หน้าตานักศึกษาเบื่อหน่าย เซ็ง ไม่เชื่อถือ มโนภาพที่ผุดขึ้นมาทำให้เธออดที่จะหวาดหวั่นไม่ได้
วิตายังไม่ไปสอนหรือ จวนได้เวลาแล้ว
เสียงร้องทักด้วยภาษาอังกฤษจากอาจารย์รุ่นพี่ชาวอเมริกันดังเข้ามาในโสตประสาท ปลุกให้หญิงสาวตื่นขึ้นมาจากห้วงความคิด
กำลังจะไปแล้วค่ะ
หญิงสาวระล่ำระลักบอก ไม่ทราบว่าว่าอาจารย์รุ่นพี่เข้าห้องมาตั้งแต่เมื่อใด
ตื่นเต้นเป็นของธรรมดา ตอนที่ไอมาสอนที่นี่ใหม่ ๆ ก็ตื่นเต้น แต่ก็อย่างว่าวิชาที่คุณสอนก็เป็นเด็กใกล้จะจบแล้ว คงไม่มีปัญหาอะไร
หญิงสาวผืนยิ้มให้อาจารย์รุ่นพี่
มั่นใจตัวเองเข้าไว้ ไม่มีอะไรง่ายไปเสียทุกเรื่อง
หญิงสาวผืนยิ้มให้ผู้สูงวัยกว่าอีกครั้ง ก่อนที่จะสูดลมหายใจเข้าปอดลึก ๆ คลายมือที่ชื้นด้วยเหงื่อออก แล้วเดินมุ่งหน้าสู่ห้องเรียนที่จะต้องทำการสอน
รถคันหรูมุ่งทะยานฝ่าแสงแดดจ้าเข้าสู่รั้วมหาวิทยาลัย สองข้างทางขนานไปด้วยต้นหูกวางที่กำลังผลัดใบสีน้ำตาลแก่ปลิดปลิวสะเทิ้นสายลมลงมายังพื้นดินดั่งขนนก
ชายหนุ่มสวมชุดสูทประณีตนั่งอยู่หลังพวงมาลัยรถ เหลือบสายตาดูนาฬิกาที่ด้านหน้าแผงคอนโซล 15:20 เวลาเรียนวิชาสุดท้าย และวิชาเดียวของการเรียนมหาวิทยาลัยกำลังจะเริ่มขึ้น เขาไม่อยากพลาดให้ตนเองหมดสิทธิ์สอบอย่างเทอมที่แล้วมา
กระจกข้างรถฝั่งคนขับถูกเลื่อนลง อาเขต อานาบุรารักษ์ รับบัตรจอดแล้วจัดการจอดรถอย่างรวดเร็ว เขาถอดเสื้อนอก และเสื้อเชิ้ตตัวหรูออก เปลี่ยนเป็นเสื้อนักศึกษาทั่วไป แล้วยกมือขึ้นมายีผมตนเองให้เป็นธรรมชาติ ส่งให้หน้าดูอ่อนเยาว์ลง พลันดับเครื่องยนต์ เอี้ยวตัวไปคว้าหนังสือเล่มใหญ่และหนาทางเบาะหลัง ออกจากรถเดินมุ่งหน้าไปยังอาคารเรียน
อาคารเรียนเชื่อมต่อกันเป็นรูปสี่เหลี่ยมตั้งตระหง่านท้าท้ายแสงแดดยามบ่าย สายลมบางเบาพัดโบกให้ความสดชื่น
นักศึกษาหลายชั้นปีเดินย้ายห้องเรียนกันขวักไขว่ ทำให้การสัญจรทางเท้าเป็นไปอย่างติดขัด อีกทั้งยังเสียงพูดคุยเจี้ยวจ้าว ชวนหนวกหู
พี่เขต เทอมนี้จบยังครับพี่ หลายปีแล้วนะ
เสียงหนุ่มน้อยรุ่นน้องแว่วเข้ามาจากบริเวณ Center point (บริเวณที่นัดพบของเหล่านักศึกษา)
ตัวสุดท้ายแล้วไอ้พาท ไปก่อนนะ ไม่มีเวลาอบรมเด็ก
เขาบอกออกไปเมื่อแหวกว่ายสายตาฝ่านักศึกษามากมายไปเห็นหน้าทะเล้นของรุ่นน้องจอมกวน
ไปเถอะครับพี่ เดี๋ยวไปเรียนไม่ทัน
หนุ่มน้อยพูดไล่หลังไป ขณะที่อาเขตรีบร้อนเดินไปห้องเรียน
วันนี้เรียนห้องใหญ่ เพราะเป็นการฟังบรรยาย หากว่าเขาสายสักหน่อย คงจะต้องตกเป็นเป้าสายตาเมื่อเปิดประตูเดินเข้าห้องเรียนไป
จนได้ สายห้านาที
ชายหนุ่มรำพึงรำพันกับตนเอง เมื่อมาหยุดที่หน้าประตูห้องเรียน พลันเขาค่อย ๆ ดันประตูห้องเปิดออกเบา ๆ เดินมุ่งหน้าไปแถวกลาง นั่งลงที่เก้าอี้ริมสุดอย่างเงียบ ๆ เพื่อไม่ให้เป็นการรบกวนเพื่อนร่วมห้องเรียน
สวัสดีค่ะ อาจารย์ชื่อรวิตา อ..อานาบุรารักษ์ค่ะ เสียงภาษาอังกฤษดังกังวาน แต่เมื่อยามที่เอื้อนเอ่ยนามสกุลช่างกรท่อนกระแท่น เพราะเธอยังไม่เคยชินกับนามสกุลที่พึ่งจะได้มาเมื่อหนึ่งอาทิตย์ที่ผ่านมา
นี่อีเมลของฉันนะคะ
เธอเขียนที่อยู่จดหมายอิเลกทรอนิคบนกระดานไวท์บร์อดขนาดใหญ่อย่างสั่น ๆ ด้วยเรื่องการที่ต้องยืนต่อหน้านักศึกษาเกือบร้อยคน และกังวลว่าสิ่งที่เธอเตรียมการสอนมาทั้งอาทิตย์จะทำให้นักศึกษาเข้าใจในบทเรียนหรือเปล่า
เริ่มเรียนกันเลยนะคะ
เธอปรับน้ำเสียงไม่ให้สั่น ห้วงหนึ่งเธอคิดว่ากำลังมีสายตาคมคู่หนึ่งกำลังจับจ้องมาที่เธออย่างไม่วางตา จึงทำให้เธอต้องกวาดสายตามองไปข้างหน้าอย่างเกรง ๆ พลันสายตาสะดุดเข้าดวงตาคม ปากาในมือเรียวล่วงหล่นลงสู่พื้น
เป็นไปไม่ได้ที่จะเป็นเขา เพราะทั้งอาทิตย์ที่ผ่านมา เธอไม่เคยเห็นหน้าค่าตาของเขาเลย นับจากวันแต่งงาน คนรับใช้ในบ้านบอกว่างานของเขายุ่งมาก ทำให้ไม่มีเวลาพักผ่อน
สมองของเธอหมุนคว้าง คำถามมากมายผุดขึ้นในสมอง ว่าทำไมเขาถึงมาอยู่ที่นี่ ทำไมเขายังเรียนอยู่
ชายหนุ่มแปลกใจที่ภรรยาหมาด ๆ ของเขากลายมาเป็นอาจารย์ของเขาไปแล้ว หญิงสาวหน้าเรียว บวกกับเครื่องหน้าจุ๋มจิ๋มน่ารักที่เขาเคยเห็น บัดนี้มีแว่นตาหนาเตอะบดบังดวงหน้า ร่างบางอ้อนแอ้นถูกคลุมอย่างมิดชิดด้วยสูทสีเทา กระโปรงทรงเอ แต่ทันสมัย ยังดีที่เธอไม่ขมวดผมหยักศก ดำขับ และเงางามให้เป็นมวยด้วย ถ้าเป็นอย่างนั้นเธอคงจะดูน่าเกลียดดีพิลึก
นี่เธอเปลี่ยนตัวเองจนเขาเกือบจำไม่ได้ หากมองไม่เห็นแหวนแต่งงานที่เธอสวมอยู่ที่นิ้ว พลันเขาลุกขึ้นเดินตรง ลงบันไดไปหาเธออย่างไม่เก้อเขิน ขณะที่เธอตะลึงตาโตกับการกระทำของเขา จนเขามาหยุดต่อหน้าเธอ ยิ้มน้อย ๆ ระบายบนใบหน้าเข้มห่างจากใบหน้าของเธอไม่ถึงศอก
ปากกาหล่นครับอาจารย์รวิตา อานาบุรารักษ์
เสียงมั่นคงเปล่งออกมา ทำให้เธอตกตะลึงไปชั่วครู่ มารู้สึกตัวอีกที่เมื่อปากกาที่ร่วงหล่นไปนั้น กลับมาอยู่ในอุ้งมืออีกครั้ง ขณะที่ชายหนุ่มเดินไปนั่งที่เรียบร้อยแล้ว
อาจารย์เป็นอะไรหรือเปล่าคะ
เสียงนักศึกษาหญิงชาวเกาหลีที่นั่งแถวหน้าเรียกสติของเธอให้กลับมา
เปล่าค่ะ
หญิงสาวปฏิเสธ พลันหันหลังเขียนตัวหนังสือไปที่กระดานอีกครั้ง
วันนี้เธอคงไม่มีสติสอนแน่นอน เอาไว้คาบหน้าค่อยว่ากันใหม่แล้วกัน วันนี้ขอกลับไปตั้งหลักก่อนดีกว่า เธอบอกตนเองในใจ
เขียนชื่อ, รหัสนักศึกษา, เบอร์โทร, อีเมล, และสิ่งที่อยากจะบอกลงในกระดาษนะคะ แล้วส่งต่อ ๆ กันมาให้อาจารย์ ถ้าใครส่งแล้วเชิญได้เลยนะคะ เพียงเท่านี้ในวันนี้
อย่าตื่นตะนะวิตา เขาก็แค่ผู้ชายทั่วไป ไม่มีอะไรให้ต้องกลัวนี่ แข็งใจไว้ เธอเก่ง มั่นใจ
นักศึกษาเริ่มทยอยเดินออกไปจากห้องเรียน จนทั้งห้องเหลือเพียงสามีหมาด ๆ กับเธอเพียงสองคนเท่านั้น เขากำลังเดินมาหาเธอ ขณะที่เธอกลั้นใจรออย่างใจระทึก แต่ก็ต้องทำทีว่า เขาไม่มีอำนาจใด ๆ เหนือเธอทั้งสิ้น
นี่ครับอาจารย์วิตา
ชายหนุ่มส่งแผ่นกระดาษปึกหนึ่งให้เธอ
อ้อ ขอบคุณค่ะ พึ่งทราบว่าคุณยังเรียนไม่จบ
ทำไงได้ ไม่ได้เก่ง ฉลาดปราชญ์เปลื่องอย่างคุณนี่ครับจะได้จบปริญญาโทตั้งแต่อายุยี่สิบเอ็ด
ชายหนุ่มมิวายค่อนเธอ ทั้ง ๆ ที่ใจไม่ได้คิดจะพูดออกไปอย่างนั้น
ขอบคุณที่ชมนะคะ ฉันต้องขอตัวก่อน
เธอบอกจัดเตรียมเก็บข้าวของ
เชิญครับ ผมจะไปรอที่บ้านนะครับ อาจารย์คนสวย ภรรยาที่รัก
เขาพูดออกมาพร้อมกับระเบิดเสียงหัวเราะไล่หลังเธอ
บ้า
หญิงสาวไม่วายบ่นอุบอิบ เมื่อพ้นสายตาจากลูกศิษย์ และสามีจอมกวน
เวรกรรมอะไรที่ต้องทำให้ฉันมาเจอกับคนพรรค์นี้นะ
โชคยังดีที่ได้เจอแค่อาทิตย์ละครั้ง ถ้ามากไปกว่านี้มีหวังเธอคงจะทำอะไรให้นักศึกษาคนอื่นสงสัย ว่ามีอะไรแปลกแตกต่างออกไประหว่างเขากับเธออย่างแน่นอน
รวิตาขับรถกลับบ้านอย่างสบายใจ ไม่คาดคิดว่าจะมาพบเจอสามีที่บ้าน เพราะเขามักจะกลับดึก และตื่นเช้าออกจากบ้านก่อนเธอเป็นประจำ อีกทั้งเธอกับเขายังแยกห้องกันนอน ไม่ได้อยู่กันฉันสามี-ภรรยาดั่งครอบครัวทั่วไป
มิใช่เธอหรอกที่ต้องการแบบนี้ แต่ตั้งแต่เข้ายึดห้องนอน ก็ไม่เห็นว่าเขาจะเดินเฉียดเข้ามาในรัศมีสามเมตรอีกเลย แต่ก็นั่นล่ะ เธอไม่อยากให้เขาเข้ามาก้าวก่ายชีวิตเธอมากไปกว่านี้เหมือนกัน
การแต่งงานที่เกิดขึ้นเป็นความเห็นพ้องกันระหว่างผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่าย หาใช่เกิดจากความรักระหว่างเขาและเธอไม่
กลิ่นดอกลีลาวดีสีขาวนวลยามเย็นหอมตลบอบอวล ขับไล่ความเมื่อยล้าออกจากจิตใจ กว่าเธอจะขับรถเข้าเมือง ฝ่าการจราจรมาได้ ก็เล่นเอาแทบจะหลับคาพวงมาลัย สี่สิบกิโลเมตรจากมหาวิทยาลัยมาถึงบ้านไม่ใช่น้อยเลยทีเดียว สำหรับคนที่ไม่ชอบไปไหนมาไหนไกล ๆ อย่างเธอ
หญิงสาวถอดแว่นตาหนาเตอะที่ไปสั่งทำมาพิเศษเพื่อที่จะทำให้ตนเองดูมีคุณวุฒิมากขึ้นออก ส่งให้เครื่องหน้าสวยงามปรากฏออกมา
กลับถึงบ้านแล้วหรือครับอาจารย์รวิตา อานาบุรารักษ์
อาเขตส่งเสียงทักทายภรรยา เมื่อเห็นว่าเธอกำลังเดินผ่านห้องนั่งเล่นที่เขากำลังนั่งอ่านหนังสือพิมพ์อยู่ เสียงนี้มีผลทำให้เธอชะงัก หันมาทำตาเขียวให้ต้นเสียง
ผมว่าชุดนี้ไม่เหมาะกับคุณสักนิดเดียว แต่งธรรมดาเถอะครับ อย่าพยายามแก่กว่าอายุเลย
เขาบอกพลางมองสำรวจเธอตั่งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า
ฉันจะแต่งอย่างไรก็เรื่องของฉัน คุณไม่เกี่ยว
เธอสะบัดเสียง แล้วเดินขึ้นชั้นบน ไม่วายที่จะได้ยินเสียงค่อนคอดตามหลังมา
ไม่เกี่ยวได้ไง ก็คุณเป็นอาจารย์ภรรยาของผมนี่นา
ชายหนุ่มยิ้มกว้างเมื่อเห็นเธอไม่พอใจ รู้สึกมีความสุขที่ได้แหย่เธอ ได้ทำให้เธอโกรธ
นานแล้วสินะที่เขาไม่ได้ยิ้ม หรือหัวเราะมีความสุขอย่างวันนี้
เขาหุบยิ้มเมื่อเห็นแม่บ้านสูงวัยเดินเข้ามาหา
วันนี้ไม่ไปไหนหรือคะคุณเขต
แม่มาตรบอกกระเซ้าแกมเหน็บแนมเจ้านายที่เลี้ยงดูมาตั้งแต่เขายังเป็นเด็ก
อยากอยู่บ้าน ขี้เกียจออกไปไหน รถติด น่าเบื่อ
นายหนุ่มบอกพลางคว้าหนังสือพิมพ์ขึ้นมาอ่านกลบเกลื่อนพิรุธในหน้า
ถ้าคุณอาดา คุณผู้หญิงท่านทราบคงตกใจ และดีใจพิลึกที่คุณอยู่ติดบ้าน
แม่บ้านบอกด้วยสีหน้าแปลกใจในตัวผู้เป็นนาย
แปลกอะไร ไม่เห็นมีอะไรแปลก ผมอยากทำอะไรก็ทำ โตแล้ว ไม่ต้องขออนุญาตใครนี่นา
เขาบอกราบเรียบ พยายามไม่แสดงความรู้สึกออกมา
แม่บ้านหลบหน้าชายหนุ่ม พลางยิ้มในใจอย่างรู้เท่าทัน ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่
เขาเป็นอย่างนี้มาแต่ไหนไร ขี้เก๊ก ท่ามาก แต่เก็บความรู้สึกไม่เก่งกับคนในครอบครัว หากเป็นเรื่องธุรกิจนั้น กลับทำให้เขาเป็นอีกคนซึ่งตรงกันข้าม
จากคุณ :
ชนกมล
- [
19 มิ.ย. 49 10:10:20
]