CafeTech-ExchangePantip MarketChatPantownBlogGangTorakhongGameRoom


    คนเฝ้ารอ........(ตอนเดียวจบ)

    ดึกแล้ว
    ในซอยตอนนี้เงียบสงัด มีฝนพรำปอยๆ ผู้คนส่วนมากคงพากันพักผ่อนหลับนอน ผมเดินอย่างไม่เร่งรีบและไม่สนใจต่อความเปียกชื้น เพราะกำลังสนใจกับความคิดของตัวเอง

    นานเท่าไรแล้วนะที่ไม่ได้เดินทอดน่องยามดึกแบบนี้

    ส่วนใหญ่รถแท๊กซี่จะส่งผมถึงหน้าบ้านพร้อมกับอาการปั่นป่วนมวนท้องสะลืมสะลือเมามายจนจดจำอะไรแทบไม่ได้ บางทีผมก็ออกจากบ้านไปหลายวัน โดยไม่สนใจคนซึ่งเฝ้ารออยู่ที่บ้าน ชีวิตช่วงหนุ่มหายไปกับการปีนลงไปในขวดเหล้าและอ่างอาบน้ำ ผู้หญิงและการพนัน
    สารพัดแห่งโลกีย์วิสัยทางโลก

    ลูกสาววัยสามสี่ขวบ เธอยังเด็กเกินไป ผมจึงไม่ค่อยเกรงอกเกรงใจ ก็เป็นเพียงเด็กๆ ไม่เห็นจะต้องดูแลอะไรมาก เพราะมีแม่คอยดูอยู่แล้ว  เด็กก็คือเด็ก มีความสุขตามประสาเด็กๆ  จะคิดอะไรมาก

    นานเท่าไรแล้วนะ ที่ผมไม่ได้อุ้มลูกสาว กอดหอมด้วยความเอ็นดู ก็คงไม่เป็นไร ยังไงเราก็เป็นพ่อลูกกัน ไม่จำเป็นต้องแสดงความรักอะไรมากมาย รู้ๆกันอยู่แล้วของแบบนี้

    ภรรยา..แม่ของลูก คนที่เฝ้าบ้านตลอดระยะเวลา หลายปีที่ผ่านมา เธอเป็นแม่บ้าน ก็ควรประพฤติตัวเป็นแม่บ้านที่ดี ทำงานบ้าน  มีความสุขกับการเก็บกวาดทำงานบ้าน เลี้ยงลูกอยู่กับบ้าน ไม่ต้องออกไปไหนมาไหนโดยไม่จำเป็นนอกจากไปจ่ายตลาด  ออกนอกบ้านบ่อยเดี๋ยวเปลืองตาย ปล่อยหน้าที่การออกจากบ้านให้เป็นภาระของสามีที่ดีคนนี้

    นานเท่าไรนะที่ผมไม่ได้กระซิบคำว่ารักกับเธอ แต่มันคงไม่สำคัญหรอก ไหนๆ เธอก็เป็นภรรยาของเราอยู่แล้วอย่างเชื่องเชื่อ จะหวานไปทำไมให้เสียเวลา ก็คำว่ารักนั่นมันใช้กันพร่ำเพรื่อตอนก่อนแต่งงานไปแล้ว ตอนนี้ต้องถึงเวลาประหยัดบ้าง บอกไปเดี๋ยวจะได้ใจ คำพูดดีๆมีค่าแบบนี้เก็บไว้ใช้กับสาวๆนอกบ้านดีกว่า

    ส่วนผม..เป็นผู้หาเงินหาทองเลี้ยงดูลูกเมีย ก็ควรได้รับรางวัลและสิทธิพิเศษ  ออกไปผ่อนคลายความเครียดหาความสุขนอกบ้านบ้าง ยังไงก็ไม่ถึงกับทุกวัน แค่เกือบทุกวันเท่านั้นจะเป็นไร กฏหมายก็ไม่ได้ห้ามไว้


    กี่คืนแล้วนะ ที่เธอเฝ้ารอผม ทั้งที่บางคืนผมไม่ได้กลับบ้านด้วยซ้ำ หากบางคืนทีกลับบ้านประมาณตีสองตีสามเธอก็ยังนั่งรออยู่ที่ห้องรับแขก ดูรายการทีวี ฟังวิทยุฆ่าเวลาไปตามเรื่องตามราว  ทำไมจะต้องมานั่งรอให้เสียเวลานอนด้วยก็ไม่รู้ พวกผู้หญิงนี่เข้าใจยากจริงๆ แค่เข้าไปนอนเสียก็สิ้นเรื่อง ข้าวปลาอาหารผมก็จัดการเรียบร้อยมาจากข้างนอกแล้ว ไม่เห็นต้องมาคอยถามว่ากินอะไรมาแล้วหรือยัง  ไม่ต้องมาเช็ดหน้าเช็ดตาให้ก็ได้ เพราะสาวๆสวยๆ ดูแลเรื่องพวกนี้ให้แล้ว ไม่ต้องมาทำหน้าเศร้าๆ ให้เห็น มันไม่สบอารมณ์ เห็นทีไรก็อารมณ์เสียจนผมต้องตะคอกใส่ด้วยเสียงอันดังเสียแทบทุกครั้ง และห้ามเถียงโดยเด็ดขาด ไม่งั้น.....



    นานเท่าไรกันนะที่ผมคิดแบบนั้นนึกแล้ว จนอดตกใจต่อความคิดของตนเองไม่ได้ เพราะตอนนี้ผมเริ่มรู้สึกถึงความรักความอบอุ่นของคำว่า “ครอบครัว”  ประสบการณ์ยาวนานสอนผมให้รู้สึกถึงความผิดพลาด เมื่อบริษัทค่อยๆล้มละลายลงต่อหน้าตาตา เพื่อนฝูงหลบลี้หนีหน้าราวกับผมเป็นตัวเชื้อโรค  และเงินก้อนสุดท้ายที่มีก็ใช้ไปในการละลายความทุกข์ของตัวเอง  สาวหลายคนที่เคยติดต่อได้ไม่ยอมแม้แต่จะรับสาย ผมกลายเป็นไอ้ขี้แพ้

    แต่อย่างน้อยก็ทำให้ผมเริ่มรู้จักกับตัวเองและครอบครัวมากขึ้น  

    สิ่งสุดท้ายที่เหลืออยู่ตอนนี้คือบ้านและครอบครัว สิ่งที่ผมห่างเหินไม่สนใจมานานหลายปี

    การกลับบ้านโดยที่ยังมีสติสัมปชัญญะครบถ้วนเป็นเรื่องที่แปลกใหม่เหลือเกิน ความเงียบและความหนาวเย็นทำให้ความคิดต่างๆ หลั่งไหลเข้ามาในความคิดไม่ขาดสายพร้อมกับความรู้สึกผิดซึ่งทวีมากขึ้นเป็นเงาตามตัว

    ภรรยาผู้แสนดีเธอยังจะนั่งรอผมอยู่อย่างที่เคยทำหรือไม่ ลูกสาวคงหลับไปแล้ว นี่เป็นครั้งแรกที่ผมคิดเรื่องนี้อย่างจริงจัง และเริ่มวิตกหวาดกลัว  ผมควรจะทำสีหน้าท่าทางอย่างไรดีกับเธอ ไม่น่าเชื่อว่าเรื่องแบบนี้จะเป็นปัญหาขึ้นมาได้ เธอจะตกใจหรือไม่ที่เห็นผมกลับบ้านเป็นคืนแรกโดยที่ไม่เมา!

    เมื่อมาถึงหน้าบ้าน ผมรีๆรอๆ ยังไม่กล้าเข้าไป ไฟที่ชั้นล่างยังเปิดอยู่ ใช่แล้ว เธอต้องนั่งรอผมอยู่อีกตามเคย พอคิดได้แบบนี้ผมรู้สึกอบอุ่นและดีใจขึ้นมาอย่างประหลาด ทั้งที่เธอเคยนั่งรอผมนับครั้งไม่ถ้วนและทุกครั้งจะมีแต่ความรำคาญ ผมก็ยังหาคำตอบที่ชัดเจนให้ตัวเองไม่ได้อยู่ดี

    แต่คนแรกที่ผมเจอกลับเป็นลูกสาวตัวน้อยๆของผม เธอยืนรออยู่หน้าประตูห้องนั่งเล่น ในมืออุ้มตุ๊กตาตัวโปรดมาด้วย พอเห็นหน้าผมเธอก็วิ่งเข้ามากอดอย่างดีใจ แม้ว่าเวลาที่ผ่านมา ผมจะไม่ได้ให้ความรักความอบอุ่นกับเธอเท่าที่ควรก็ตาม

    “ทำไมลูกยังไม่นอน”

    ผมถามด้วยความเป็นห่วง นี่ไม่ใช่เวลาที่เด็กๆจะมาวิ่งเล่นกัน

    “หนูนอนไม่หลับค่ะคุณพ่อ.หนูคิดว่าคุณพ่อจะมา.”

    ลูกสาวบอกเสียงใส ชัดบ้างไม่ชัดบ้างตามประสาเด็กๆ ตาเป็นประกายสดใสซึ่งจะสุขทุกข์อย่างไรดูง่ายไร้การเสแสร้งปิดบัง โถ...เด็กเอ๋ย...หัวใจที่บริสุทธิ์ช่างไวต่อลางสังหรณ์เหลือเกิน

    “คุณแม่ล่ะจ๊ะ”

    หลังจากพูดคุยซักถามสารทุกฃ์สุขดิบกันครู่หนึ่ง ผมถามเข้าประเด็น เพราะไม่เห็นมีใครอีกในห้องนั่งเล่น วูบหนึ่งความน้อยใจวิ่งพรวดพราดเข้ามาในความคิดอย่างไม่ให้ตั้งตัว อะไรกัน...ก็ทุกคืนเคยนั่งรอ แล้วทำไมคืนนี้ คืนที่ผมเริ่มรู้สึกผิดและรู้สึกดีต่อครอบครัวกำลังจะเริ่มต้นขึ้น ช่วงเวลาอันสวยงามกำลังจะคลี่ขยายประกายแห่งความสุข เธอควรจะเป็นคนแรกในการรับรู้

    รับรู้ความตั้งใจของสามีผู้จะกลับตัวกลับใจ เริ่มต้นชีวิตใหม่ ไม่มีอีกแล้วผู้ชายขี้เมาหยาบคาย เอะอะโวยวาย และเอาแต่ใจคนนั้น จะมีแต่ผู้ชายแสนดีที่รีบกลับบ้านตรงเวลา ผู้ชายที่จะปรี่ไปหาคนรักเป็นอันดับแรก บรรจงจูบสองแก้มเธอด้วยความรักความคิดถึงไม่ว่าเธอจะมอมแมมกับงานบ้านงานครัวแค่ไหนก็ตาม ผู้ชายที่จะช่วยเธอทำงานบ้านคลอเคลียอยู่กับเธอด้วยความรักความเน่หา   ผู้ชายที่จะพาเธอไปเที่ยวดูหนังฟังเพลงผ่อนคลาย หรือซื้อของวันหยุด คอยหิ้วสิ่งของพะรุงพะรังตามหลังเธออย่างไม่เหน็ดเหนื่อย สองตาที่เคยมองหญิงอื่นจะจ้องมองเธอแต่เพียงผู้เดียวเท่านั้นไม่ว่าหญิงอื่นจะงามหยาดฟ้ามาดินมาจากไหนก็ตาม ไม่มีความหมายและความสำคัญต่อหัวใจจงรักภักดีดวงนี้
    ผู้ชายที่จะคอยกอดเธอไว้ในอ้อมกอดแห่งรักแห่งฝันจนกว่าจะหลับไปในวงแขนอบอุ่นที่คอยหวงแหนปกป้องคุ้มภัย

    “แม่นอนแล้วค่ะ”

    นั่นไง......ความเจ็บปวดความผิดหวังอย่างที่หวั่นเอาไว้ถาโถมเข้ามาราวทำนบพังครืน หัวใจของผมเหมือนจะแตกออกเป็นเสี่ยงๆ ทำไมเธอไม่ให้โอกาสผมเลย ผมกำลังจะเปลี่ยนไปในทางที่ดีที่สุดเท่าที่คิดได้ในตอนนี้ หรือว่ามันสายเกินไปสำหรับการเริ่มต้นสิ่งที่ดีๆ

    เงาวูบวาบมาจากชั้นบน และเสียงซึ่งคุ้นเคยเหลือเกินก็แว่วลงมา

    “คุยกับใครหรือลูก ดึกแล้ว ทำไมไม่ขึ้นมานอน”

    ผมใจเต้นระรัว นึกหาคำพูดที่จะทำให้เธอประทับใจเป็นครั้งแรกไม่ได้ ทำไมผมต้องประหม่าราวกับเป็นเด็กหนุ่มหัดจีบสาวครั้งแรกด้วยก็ไม่รู้ ทั้งที่นั่นเป็นภรรยาที่อยู่กินกันมานานหลายปี

    “คุณพ่อมาแล้วล่ะคุณแม่ขา.....มาจากสรรค์”

    ลูกสาวคนดีที่หนึ่งร้องตอบขึ้นไปพลางจูงแขนผมออกไปหาร่างบางในชุดนอนซึ่งกำลังก้าวลงมาจากบันใด

    ทันใดนั้นเสียงกรีดร้องของเธอก็ดังสนั่นไปทั่วบ้าน เสียงนั้นดังจนผมสั่นไหวบิดเบี้ยวพร่ามัวราวเงาซึ่งปรากฏในน้ำถูกโยนก้อนหินลงไปรบกวน ก่อนที่ผมจะค่อยๆ สลายไปพร้อมด้วยหัวใจที่แสนเจ็บปวดและความรู้สึกผิดอันรุนแรงถึงอดีตที่ไม่อาจแก้ไขได้ตลอดกาล  สิ่งสุดท้ายที่ได้ยินคือเสียงร้องประสานอย่างตกใจของลูกสาวสุดที่รักเมิ่อเห็นผู้เป็นแม่ทรุดร่างลง

    ความทรงจำที่ไม่อาจแก้ไขความผิดพลาดได้มันเจ็บปวดจนสุดบรรยายจริงๆ

    รวมทั้งมัจจุราชที่ลากผมไปในเงามืดแห่งมรณะเมื่อเจ็ดวันที่ผ่านมานี่เอง

    +++++

    แก้ไขเมื่อ 19 มิ.ย. 49 14:33:02

    แก้ไขเมื่อ 19 มิ.ย. 49 14:21:47

    จากคุณ : GTW - [ 19 มิ.ย. 49 14:19:46 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | PanTown.com | BlogGang.com