CafeTech-ExchangePantip MarketChatPantownBlogGangTorakhongGameRoom


    อุบัติ(สา)เหตุรัก (ตอน...ความสุข)

    “อุ๊ย! ขอโทษค่ะ” ฉันร้องออกมา เมื่อรู้สึกว่าเดินชนกับใครสักคนที่ตรงหัวมุมตึก หนังสือในมือฉันหล่นกระจายบนพื้น ฉันก้มลงไปเก็บโดยที่ไม่สนใจคนที่ฉันเดินชนด้วยเลย และแล้วมือใหญ่ๆคล้ำๆของคนที่เดินชนฉันเอื้อมมาช่วยฉันเก็บหนังสือที่หล่นอยู่บนพื้น

    “อ้าว!” เราสองคนร้องออกมาพร้อมกันเมื่อเงยหน้าขึ้นเจอหน้ากันและกัน ก็คนที่ฉันเดินชนก็คือเอกสุดหล่อของฉันนั่นเอง ฉันแอบกระหยิ่มยิ้มย่องอยู่ในใจ ส่วนภายนอกน่ะเหรอก็ต้องเก๊กหน้าแปลกใจเอาไว้ไง

    “เจ็บตรงไหนรึเปล่ามีนา” เอกถามฉันเมื่อเราสองคนยืนขึ้น เอกยื่นหนังสืออีกเล่มคืนมาให้ฉัน

    “ไม่เจ็บตรงไหนเลย เอกล่ะเจ็บตรงไหนรึเปล่า” ฉันถามเขากลับไป ฟังดูเหมือนเป็นคำถามโง่ๆยังไงก็ไม่รู้ ตัวฉันก็แค่นี้ (สูงแค่ไหล่เอกเอง) จะไปทำให้เขาเจ็บตรงไหนได้ก็ไม่รู้ สงสัยเอกจะคิดเหมือนฉันว่าฉันถามอะไรออกไปก็ไม่รู้เอกก็เลยหัวเราะออกมาเบาๆพลางตอบว่า “ไม่เจ็บตรงไหนเลย มีนาตัวแค่นี้เองจะทำผมเจ็บได้ยังไงล่ะ” นั่นไง! เห็นมั้ยเอกคิดเหมือนที่ฉันคิดเลย ตอนนี้ฉันเลยไม่รู้ว่าจะทำหน้ายังไงดี

    “แล้วนี่มีนาจะไปไหนเหรอ” เอกถามหลังจากที่หัวเราะเสร็จ ฉันมัวแต่มองเอกหัวเราะอย่างน่ารักอยู่เลยไม่ทันได้ฟังคำถามของเขาเลย ฉันเลยทำหน้าเอ๋อๆส่งไปให้เขา เอกก็เลยถามฉันด้วยคำถามเดิมอีกครั้ง

    “อ๋อ เอ่อ...” จะไปไหนดีว้า ตรงนี้มันใกล้หอสมุดนี่หว่า เมื่อนึกได้ฉันเลยตอบเขาไปว่า “กำลังจะไปหอสมุดน่ะ” ทั้งที่จริงๆแล้วฉันไม่มีจุดหมายอะไรเป็นพิเศษหรอก และแล้วเหมือนพระเจ้าจะเข้าข้างฉัน เพราะพอฉันตอบเขาไปอย่างนั้น เขาก็บอกว่าเขากำลังจะไปหอสมุดเหมือนฉันเลย เราเลยตกลงที่จะไปด้วยกัน ยาฮู้! ดีใจจังเลย ตอนนี้ในใจของฉันมีสาวปอมๆเกิร์ลออกมาเต้นเต็มไปหมดเลย


    ‘ไปหาอะไรกินกันมั้ย’ เอกส่งสมุดที่มีข้อความนี้เขียนเอาไว้ในหน้าว่างมาให้ฉันอ่าน ฉันพยักหน้าตอบกลับไป ก็ดีเหมือนกัน เมื่อเราเดินมาหอสมุด ต่างคนต่างก็ไปหาหนังสือของตัวเอง เอกหยิบหนังสือเกี่ยวกับเทคโนโลยีมา (ดูมีสาระมากๆ) ส่วนฉันน่ะเหรอก็หยิบนิยายมา พอได้หนังสือที่ถูกใจแล้วเราก็มานั่งที่โต๊ะที่เราเอาหนังสือวางจองไว้แล้ว เราสองคนแทบจะไม่ได้พูดอะไรกันเลย เอกเมื่อนั่งลงปุ๊บก็สนใจกับหนังสือในมือปั๊บ ฉันก็แสร้งทำเป็นก้มหน้าก้มตาอ่าน แต่จริงๆแล้วฉันแอบมองหน้าเอกบ่อยๆ คนอะไรก็ไม่รู้ยิ่งดูใกล้ๆก็ยิ่งหล่อ ถึงผิวของเอกจะไม่ขาวใสเหมือนบรรดานายแบบโฆษณาโฟมล้างหน้าสำหรับผู้ชายทั้งหลาย แต่หน้าของเอกก็เนียน สะอาด ไม่มีสิวเลย เมื่อฉันแอบมองเขาจนพอใจแล้วจึงหันมาสนใจหนังสือตรงหน้าต่อ บางครั้งเราก็เงยหน้าขึ้นมาเพื่อพักสายตาพร้อมกันโดยบังเอิญ เราก็จะส่งยิ้มให้กัน ฉันรู้สึกมีความสุขจังเลย ปกติฉันก็เป็นคนชอบห้องสมุดอยู่แล้ว ยิ่งมีเอกมานั่งอ่านหนังสือด้วยยิ่งชอบเข้าไปใหญ่เลย อยากมานั่งอ่านหนังสือกับเอกอย่างนี้ทุกวันจังเลย (ฝันแล้ว) แต่การนั่งมองหน้าเอกหรือการนั่งอ่านหนังสือที่รักพร้อมกับเอกนี่ไม่ได้ทำให้ท้องฉันอิ่มตามใจที่เต็มไปด้วยความสุขของฉันเลย ฉันเลยเห็นดีด้วยกับการที่เอกชวนออกไปหาอะไรเติมท้องให้อิ่มกัน

    “ไม่น่าเชื่อนะเนี่ยว่าเราจะมานั่งในห้องสมุดได้สองชั่วโมงแล้ว เวลาผ่านไปเร็วจริงๆเลยนะ” เอกคุยกับฉันหลังจากที่เราออกมาจากหอสมุดแล้ว ใช่! ฉันก็รู้สึกเหมือนกันว่าเวลาสองชั่วโมงนี่ช่างผ่านไปเร็วซะจริงๆ ก็อย่างที่เขาว่ากันเอาไว้แหละนะว่าช่วงเวลาแห่งความสุขมักจะผ่านไปเร็วเสมอ อย่างนี้ก็แสดงว่าเอกมีความสุขกับการที่ได้นั่งอ่านหนังสืออยู่กับฉันน่ะสิ (เข้าข้างตัวเองมากไปรึเปล่าเนี่ย)

    “ใช่ เราก็รู้สึกว่าเวลาผ่านไปเร็วจัง แป็บเดียวเองสองชั่วโมงล่ะ” ฉันบอกเขาไปด้วยน้ำเสียงร่าเริง เราสองคนรู้สึกเหมือนจะสนิทกันมากขึ้นกว่าเดิมนิดหน่อย เพราะเอกยอมพูดกับฉันมากขึ้น จากแต่ก่อนที่เขาพูดกับฉันแทบจะนับคำได้เลย ฉันมีความสุขจนอดยิ้มออกมาไม่ได้ เอกจะหาว่าฉันบ้ารึเปล่าเนี่ยที่เดินไปยิ้มไปอย่างนี้ ก็ช่วยไม่ได้นี่หน่าฉันมีความสุขของฉันนี่ และแล้วเจ้าความสุขของฉันก็หายไปทันทีที่ฉันเดินมาถึงโรงอาหารแล้วเจอกับหน้านายตี๋พลเพื่อนของเอกเข้า

    “มารอนานยังว่ะ” เอกถามเพื่อนของเขาทันทีเมื่อเราเดินมาถึงโต๊ะและนั่งลง นายตี๋ตาตี่นั่นมองมาที่ฉันก่อนจะตอบเอกกลับไปว่า “ไม่นานหรอก แต่ถึงจะนานกว่านี้ข้าก็รอแกได้เสมอ”

    “เดี๋ยวเอกกับพลไปซื้อกันก่อนละกันเดี๋ยวเราเฝ้าโต๊ะให้เอง” ฉันพูดอย่างผู้เสียสละ แต่จริงๆแล้วฉันต้องการจะโทรหายัยพิมด่วน ก็เลยต้องรีบไล่เอกสุดหล่อกับนายตี๋ตาตี่นั่นไปไกลๆ ฉันจะได้มีเวลาโทรหายัยพิม

    “งั้นเดี๋ยวเราไปซื้อมาให้มีนาก็ได้ มีนาอยากกินอะไรล่ะ” เอกถามฉัน โอ๊ย! ช่างเป็นสุภาพบุรุษอะไรอย่างนี้ใจของนางสาวมีนาจะละลาย

    “ไม่เป็นไรหรอก เดี๋ยวเราไปซื้อเองก็ได้” ฉันตอบเขาไปด้วยความเกรงใจ แต่เอกก็ไม่ยอมเหมือนกัน เอกนี่ดื้อเหมือนกันนะเนี่ย “ไม่เป็นไร เราซื้อให้เอง มีนาจะเอาอะไรล่ะ” ฉันมันเป็นคนใจไม่แข็งพอซะด้วยสิก็เลยตอบสนองความต้องการของเขาไปซะด้วยการฝากซื้อน้ำแดงใส่เม็ดแมงลักหนึ่งแก้ว

    “แล้วจะอิ่มเหรอ แค่น้ำแก้วเดียวเอง” เอกถามฉันกลับทันทีเมื่อได้ยินคำตอบของฉัน เอกถามอย่างนี้แสดงว่าเขาเป็นห่วงฉันเหมือนกันน่ะสิ (เข้าข้างตัวเองมากไปป่ะ) ฉันต้องอธิบายให้เขาฟังว่าฉันกินข้าวเที่ยงมาแล้วก่อนที่จะมาเจอเขาและ ตอนนี้ฉันยังอิ่มอยู่เลย เขาพยักหน้าเข้าใจก่อนจะพยักหน้าอีกครั้งให้กับนายตี๋พลเป็นสัญญาณให้ลุกขึ้นไปกันได้แล้ว

    “กว่าจะตกลงเสร็จเล่นเอารากเกือบงอกแน่ะ” นายตี๋ตาตี่นั่นพูดออกมา มันดังพอที่ฉันและเอกจะได้ยิน ฉันได้แต่ถลึงตาใส่นายนั่น ส่วนเอกก็เอาแต่หัวเราะ แล้วก็เดินไปกับนายนั่น ฝากไว้ก่อนเถอะอีตาบ้า ฉันอาฆาตนายพลนั่นในใจ

    “ฮัลโหล พิม นี่แกอยู่ไหนน่ะ” ฉันหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรหายัยพิมทันทีที่สองคนนั่นเดินไป พิมตอบกลับมาว่าตอนนี้มันกำลังคุยกับเพื่อนเรื่องรายงานอยู่ไม่ว่างคุยกับฉัน ฉันก็เลยได้แต่บอกมันกลับไปว่า “ไม่เป็นไรแก เอาไว้เดี๋ยวถึงห้องแล้วจะเล่าให้ฟัง” ยัยพิมทำเสียงรับรู้ก่อนจะกดตัดสาย นี่ฉันต้องมาผจญกับนายตี๋นั่นคนเดียวเหรอเนี่ย เฮ้อ!

    “มาแล้ว อ่ะนี่ของมีนา” เอกพูดพร้อมกับเลื่อนแก้วน้ำแดงใสเม็ดแมงลักและขนมเค้กช็อกโกแล็ตชิ้นปานกลางอีกหนึ่งชิ้นมาให้ฉัน ฉันมองเจ้าขนมก่อน แล้วก็หันไปมองคนเลื่อนขนมต่อด้วยความสงสัยว่าเขารู้ได้ยังไงนะว่าฉันชอบกินเค้กช็อกโกแลต สงสัยหน้าฉันจะเอ๋ออีกแล้ว เอกกับนายตี๋นั่นเลยหัวเราะกันใหญ่

    “เอามาให้กินเล่น เห็นมันน่ากินดี” เอกพูดออกมาหลังจากหยุดหัวเราะได้แล้ว ฉันได้แต่ก้มหน้ามองเจ้าขนมเค้กต้นเหตุ ฉันรู้สึกว่าหน้าฉันร้อนๆขึ้นมาอีกแล้ว เอกเห็นแล้วคงสงสารก็เลยบอกว่า “อ่ะๆ ไม่ขำแล้ว กินเถอะ” หลังจากนั้นทั้งเอกและนายพลนั่นก็ลงมือจัดการกับอาหารตรงหน้า ฉันรู้สึกผ่อนคลายขึ้น อุณหภูมิบนหน้าที่สูงขึ้นก็ลดลงมาอยู่ในระดับปกติแล้ว ฉันเลยลงมือจัดการเจ้าขนมเค้กตรงหน้าทันที อื้ม...เค้กอร่อยจังเลย เป็นเพราะเอกซื้อให้หรือว่าเค้กมันอร่อยอยู่แล้วกันแน่นะ

    พอฉันกินขนมเค้กชิ้นเล็กนั่นหมดสองหนุ่มก็จัดการกับข้าวตรงหน้าเสร็จเหมือนกัน ทั้งสองคนหันมาถามฉันเค้กอร่อยมั้ย ฉันก็ตอบไปว่าอร่อย สองคนนั่นเลยไปซื้อเค้กมาอีกคนละชิ้น ฉันได้แต่มองสองคนนั้นด้วยความทึ่งเพราะทั้งเอกและนายตี๋นั่นเพิ่งจะจัดการกับข้าวจานโตเสร็จแล้วยังมาตามด้วยเค้กอีก ถึงแม้ว่าจะเป็นเค้กชิ้นไม่ใหญ่นักก็ตาม ฉันสงสัยจริงๆว่าสองคนนี่เอาอาหารที่กินเข้าไปเนี่ยไปเก็บไว้ตรงไหนนะ เพราะทั้งสองคนไม่อ้วนเลย หุ่นกำลังดีด้วยซ้ำ ฉันได้แต่เก็บความสงสัยนั้นเอาไว้ กะว่ารอให้สนิทกันมากกว่านี้แล้วค่อยถาม  

    “แล้วนี่เดี๋ยวมีนาจะไปไหนต่อ” เอกถามฉันหลังจากที่เราสามคนจัดการกับอาหารและขนมของตัวเองเสร็จเรียบร้อย

    “ก็คงจะกลับหอเลยล่ะ” ฉันตอบกลับไป เอกอาสาจะไปส่งฉัน ตอนแรกฉันก็ปฏิเสธไปเหมือนเคยเพราะเกรงใจเอก แต่ดูเหมือนเอกจะรู้ว่าฉันกำลังเกรงใจเขาอยู่ เอกเลยบอกกับฉันว่า “ไม่ต้องเกรงใจหรอก เพื่อนพิมก็เหมือนเพื่อนเรา ไปส่งเพื่อนแค่นี้สบายมาก” ฉันได้ฟังแล้วไม่รู้จะเสียใจหรือดีใจดี เสียใจเพราะฉันไม่ได้อยากเป็นเพื่อนกับเอกสักหน่อย หรือว่าจะดีใจที่ฉันได้เขยิบฐานะจากคนไม่รู้จักมาเป็นเพื่อนแล้ว แต่ที่แน่ๆก็คือฉันพูดอะไรไม่ออก ได้แต่เออออตกลงให้เขาไปส่ง นายตี๋พลนั่นก็จะไปด้วย เพราะไม่อยากกลับหอเอกเอง ขี้เกียจนะนายเนี่ย ฉันแอบค่อนในใจ

    จากคุณ : Crystal Star - [ 20 มิ.ย. 49 20:26:33 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | PanTown.com | BlogGang.com