CafeTech-ExchangePantip MarketChatPantownBlogGangTorakhongGameRoom


    ~~~[เรื่องสั้นคั่นบรรยากาศ] ทางเดินบนดวงดาวสีฟ้า ตอน เมล็ดพันธุ์แห่งความดี~~~

    ตอน เมล็ดพันธุ์แห่งความดี

             พระอาทิตย์กำลังเคลื่อนตัวลงคล้อยต่ำแต่ยังไม่ลา
    ลับขอบฟ้า

               รถสปอร์ตสีแดงเคลื่อนตัวเข้ามาจอด ณ ที่จอด
    รถข้างศาลาอภิธรรมศพของบิดาของหญิงสาวอย่างนุ่ม
    นวลที่สุด ขัดกับรูปลักษณ์ของความปราดเปรียวของเครื่อง
    ยนต์ และภาพคุ้นตาที่หญิงสาวเคยพบเห็นอยู่ทุกเมื่อเชื่อ
    วันถึงลักษณะการแล่นของรถคันนี้บนท้องถนน

              ภาพรถสปอร์ตคันนี้ที่เคยแต่รวดเร็ว รีบเร่ง ขัด
    จากวันนี้อย่างสิ้นเชิง

           ชายร่างสูงภายใต้เครื่องแต่งตัวที่ดูภูมิฐานก้าวลงมา
    จากรถ เบนสายตามายังในศาลา ก่อนที่จะหยุดนิ่ง เหม่อ
    มองมา..ราวกับลืมหายใจ

             และไม่นานนักเมื่อเขาหลุดออกมาจากภวังค์ของตัว
    เอง เขาก็เดินตรงเข้าไปในศาลา ก้มลงกราบบิดาของเธอ
    นิ่งนานเสียยิ่งกว่าแขกเหรื่อคนใด

           เธอพินิจเขานานกว่าแขกคนอื่นๆ อาจเป็นเพราะเขา
    เป็นเจ้าของรถคันที่เธอคุ้นตา กอปรกับท่าทีที่เธอไม่เคย
    คิดว่าจะได้พบจากเขา และยิ่งไม่อยากจะเชื่อว่าเขาผู้แท้
    จริงแล้วแทบจะไม่ได้รู้จักอะไรกับบิดาของเธอเลยจะมาใน
    งานนี้ ด้วยอากัปกิริยาเช่นนี้

          'เขาเป็นนักซิ่ง' หญิงสาวบอกกับตัวเอง

           จำได้ว่ารถสปอร์ตของเขามักจะวิ่งทะยานไปบนท้อง
    ถนนอย่างรวดเร็วปานจะแข่งกับความเร็วแสงเสมอ

             วันไหนที่เธอมีเที่ยวบินลงจอดที่ท่าอากาศยาน
    กรุงเทพฯกลางดึก บิดาของเธอจะคอยอาสามารับเสมอ
    และเมื่อไหร่ก็ตามที่เธอกลับมาราวห้าทุ่ม ก็จะพบรถ
    สปอร์ตสีแดงคันเก่งของเขาโฉบซ้ายขวาอย่างไม่กริ่งเกรง
    ในอันตรายใดๆ

           จำได้แม้กระทั่งความหมั่นไส้เขาในตอนนั้นที่ยุให้
    บิดาของเธอเหยียบเบรคแกล้งเขาบ้าง แต่ก็มักโดนเอ็ด
    กลับมาเสมอ
       
             ทุกครั้งท่านจะยิ้มน้อยๆและบ่นตามประสาของท่าน
    ว่า 'เขาอาจจะมีธุระอะไรเร่งด่วนก็ได้ ยอมเขาได้ก็ให้เขา
    ไป'  นี่แหละมั้งที่ทำให้เธอเข้าใจอย่างถ่องแท้ว่าบิดาของ
    เธอเป็นคนมองโลกในแง่ดี หรือออกจะดีเกินไปด้วยซ้ำ

            "เสียใจด้วยนะครับ"

             เสียงทุ้มต่ำแปลกหูปลุกเธอให้ตื่นจากภวังค์แห่งความ
    อาลัยอาวรเมื่อหวนนึกถึงบิดาตั้งแต่ครั้งที่ยังมีชีวิตอยู่
    ผู้ชายที่เธอใส่ใจเขาคนนั้นยิ้มปลอบเธอบางๆด้วยดวงตา
    และสีหน้าที่บ่งบอกถึงความเสียใจอย่างเห็นได้ชัด

            "ขอโทษนะคะ คุณ..รู้จักกับคุณพ่อของดิฉันเหรอคะ"

            เธอถามไปตามที่ใจคิด ซึ่งชายหนุ่มตรงหน้านิ่งงันไป
    เล็กน้อย ก่อนที่จะหันกลับไปมองโลงศพที่ประดับประดา
    ไปด้วยดอกไม้สดมากมายอีกครั้ง พร้อมผ่อนลมหายใจ
    บางเบา

            "ไม่เชิงครับ แต่ผมซาบซึ้งในจิตใจของท่านมาก"

             "ขอบคุณนะคะ" เธอพูดได้แค่นั้นก่อนที่จะนิ่งเงียบไป
    น้ำตาที่เคยไหลรินไม่หยุดบัดนี้กลับรื้นขึ้นมาที่ดวงตาทั้งคู่
    อีกครั้ง

                 “ท่านเป็นคนดีมาก ผมแน่ใจว่าคนดีๆอย่าง
    ท่านจะต้องได้ไปอยู่บนสวรรค์อย่างแน่นอน”

               เขาพูดปลอบใจหล่อน แต่ยิ่งทำให้หญิง
    สาวกลับต้องกลืนก้อนเจ็บๆบางอย่างลงคอไป

               ใช่...คุณพ่อเป็นคนดี ดีเกินไปเธอเชื่ออย่างนั้น
    ดีจนวาระสุดท้ายของชีวิตท่าน หากใครสักคนจะล่วงรู้

               จำได้ถึงวันที่ท่านจากโลกนี้ไป จำได้ถึงเสียง
    โทรศัพท์แทบในทันทีที่หญิงสาวเปิดเครื่องราวกับคนที่
    โทรศัพท์เข้ามาติดต่อพยายามต่อสายอยู่ตลอดเวลา

               “รีบมาดูใจคุณพ่อเถอะลูก คุณพ่อถูกรถชน”

                จำได้ถึงเสียงร่ำไห้ของมารดาที่แม้ไม่ดังนัก
    แต่หล่อนกลับรู้สึกปานถูกสายฟ้าฟาดลงมาที่กลางหัวใจนี่
    จำได้แม้กระทั่งทุกคำภาวนาของตัวเองที่เฝ้าร้องขอต่อ
    อะไรก็ตามบนโลกใบนี้ ร้องขอให้ความดีที่พ่อทำมาตลอด
    ชีวิตช่วยชีวิตพ่อเอาไว้

               แต่ความดีก็เป็นแค่ความดี ...ความดีของพ่อ
    อาจไม่เคยเข้าไปถึงจิตใจสิ่งศักดิ์สิทธิ์บนสวรรค์ ถึงได้
    พรากพ่อของเธอไปเพียงไม่กี่อึดใจที่เธอไปถึง

               พ่อถูกวัยรุ่นขับรถพุ่งเข้าชนอย่างแรงตอนที่
    ไปซื้อของในตลาด เด็กวัยรุ่นคึกคะนองที่หาญกล้า
    ซิ่งมอเตอร์ไซค์แข่งกันในเขตชุมชนแบบนั้น

               ถึงจะเห็นท่าทีร้องห่มร้องไห้อ้อนวอนขอให้เธออภัย
    แต่มันเจ็บเกินกว่าจะพูดคำนั้นออกไปได้ ทั้งโกรธทั้งแค้นที่
    ความสนุกของคนกลุ่มหนึ่งเป็นมัจจุราชจะคร่าชีวิตของพ่อไป
    แบบนี้

                แต่ที่เสียใจยิ่งกว่าคือสภาพของพ่อ ทั้งๆแบบ
    นั้น ทั้งๆที่มีสายน้ำเกลือสายให้เลือดสายวัดความดันวัด
    การเต้นของหัวใจระโยงระยางเต็มตัวไปหมด พ่อยัง
    พยายามบอก...บอกให้ลูกสาวที่เจ็บใจจนแทบบ้าคนนี้อภัย
    ให้เขา เห็นแก่อนาคตของพวกเขา เห็นแก่อนาคตของที่ไม่
    เคยเห็นแก่อนาคตของคนอื่นเลยสักนิดแบบนี้น่ะเหรอ

                 ทั้งๆที่มีผู้ชายคนหนึ่งยังคิดถึงคนอื่นแม้กระทั่ง
    ลมหายใจสุดท้ายของชีวิต แต่ก็ยังมีคนอีกหลายคนที่ถึง
    แม้จะมีลมหายใจต่อไปอีกมากมายแค่ไหน แต่ก็กลับไม่
    เคยคิดถึงใครสักนิด

                  เธอไม่เคยเข้าใจ...ว่าพ่อทำไปเพื่ออะไรกัน

                หยดน้ำใสๆไหลรินลงเปื้อนแก้มเมื่อนึกถึง
    ความเจ็บปวดใจในวันนั้น ทำให้ผู้ชายที่ยืนอยู่เคียงข้างถึง
    กับทำหน้าไม่ถูกไปเพียงครู่ ก่อนที่จะเป็นฝ่ายหยิบยื่นผ้า
    เช็ดหน้าของเขามาให้

                  “ผมจะเป็นคนนึงครับ ที่จะนึกถึงท่าน นึกถึง
    ความมีน้ำใจของท่านไปตลอดชีวิต”

                เขาพูดพลางหันกลับไปมองที่รูปภาพของชาย
    ชราดวงหน้าผ่องใสที่ตั้งอยู่หน้าโลงศพอีกครั้ง ทอดถอนใจ
    บางเบา

                “ท่านสอนให้ผมรู้ว่าแม้กระทั่งคนที่ไม่เคยรู้จัก
    กัน เราก็สามารถใช้ความเข้าใจมาแบ่งปันน้ำใจให้กันได้
    ถึงแม้ว่าผมจะรู้จักท่านผ่านทางการขับรถผ่านกันบนท้อง
    ถนนก็ตาม”

                    “น่าแปลกนะคะ”
                 
                 “เป็นความแปลกที่ยิ่งใหญ่สำหรับผมมากครับ
    เมื่อครึ่งปีที่ผ่านมาได้มั้งครับ ที่ๆเราสองคนอาจจะเคยนั่งรถ
    แล่นอยู่บนถนนสายเดียวกัน ตรงนั้นรถบรรทุกคว่ำแล้วรถ
    ติดมาก ผมมีเหตุจำเป็นเหลือเกินที่จะต้องกลับบ้านไปให้
    ทันเวลาที่กำหนดทุกครั้ง ความจำเป็น...ที่อาจจะหมายถึง
    ความเป็นความตายของคนที่ผมรักที่สุด คุณรู้มั้ยผมจำได้
    ว่าผมพยายามมองไปยังกระจกมองหลังของรถคันหน้า
    คาดหวังลมๆแล้งๆว่าเขาจะรับรู้และให้ผมผ่านไป ไม่เคย
    คิดเลยว่าคุณพ่อของคุณจะเข้าใจ มันอาจจะเป็นเรื่องเล็กๆ
    น้อยๆ แต่คุณรู้ไหมว่าท่านเบี่ยงทางให้ผมทุกครั้ง ยอมแม้
    กระทั่งเบี่ยงลงไหล่ทางให้กับผู้ชายนักซิ่งคนหนึ่งที่ท่านไม่
    เคยรู้จักอะไร และจะหันมายิ้มให้อย่างอบอุ่นเสมอ ทุกครั้ง
    ที่หันกลับไปมอง แต่ต่อให้ท่านจะทำทุกอย่างไปเพราะ
    อะไร ผมก็ยังคงซาบซึ้งในสิ่งเล็กๆน้อยๆแบบนี้แหละครับ”

               เขาเล่าออกมาหยาวเหยียดก่อนที่จะคลายยิ้ม
    รอยยิ้มที่แสดงถึงความนับถือ ขอบคุณ ความใจดีเพียงเล็ก
    น้อยนั่น ก่อนที่จะพูดขึ้นมาอีกครั้งเสียงแผ่วเบา

                “จะมีใครสักกี่คนกัน ที่จะรู้ว่ารถหลายพันหลาย
    หมื่นคันบนท้องถนน เขากำลังจะจากที่หนึ่งไปยังอีกที่หนึ่ง
    ด้วยธุระที่สำคัญแค่ไหน"

               "คุณพ่อมักเป็นแบบนี้เสมอค่ะ  จนวาระสุดท้าย"

              หญิงสาวนิ่งเงียบไปอีกครั้ง คราวนี้ทั้งสองฝ่ายนั่งนิ่งอยู่
    เนิ่นนานก่อนที่ฝ่ายชายจะหยัดกายลุกขึ้นก่อน

             "แล้วผมจะมากราบศพท่านทุกวันนะครับ ผมต้องรีบไป
    ทำงานก่อน"

            "ขอบคุณมากนะคะ จริงๆแล้วคุณไม่ต้องลำบากอะไร
    เลย"

            "ผมไม่เคยมองว่ามันลำบากเลยครับ เสียใจด้วยนะ
    ครับ"

             เขากล่าวอีกเป็นคำสุดท้ายก่อนที่จะเดินอย่างสุขุม
    เยือกเย็นกลับไปที่รถสปอร์ตคันงามของตัวเอง

    --------------------------------------------------------

    ((มีต่อค่ะ))

    แก้ไขเมื่อ 21 มิ.ย. 49 12:54:01

    จากคุณ : ฟองคลื่น คืนจันทร์ พันดาว - [ 21 มิ.ย. 49 12:44:25 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | PanTown.com | BlogGang.com