*
บุญเดียว
ร่างที่เหมือนไร้น้ำหนักลอยขึ้นแล้วตกลงมาอย่างแรง ความรู้สึกเจ็บแปลบซ่านไปทั่วทั้งร่าง
และไม่รู้สึกอะไรอีกเลย ไม่รู้แม้กระทั่งว่าได้หลุดออกมาจากซากรถได้อย่างไร
สักครู่ใหญ่สำนึกของเขาก็เตือนให้ได้กลิ่นเลือดคาวคลุ้งจวนเจียนจะเป็นลม เลือดใครกัน
ความรู้สึกมึนพร่าและปวดศีรษะเริ่มรุมเร้า ประสาทสัมผัสที่เลือนลาง สายตาเลือนมัว แต่ก็เขายังรู้สึกได้อีกว่าตัวเองกำลังนอนเปรอะอยู่บนกองอะไรเหนียวๆ
เลือด!
เสี้ยวหนึ่งของสติสัมปชัญญะอันน้อยนิด ส่งให้เขาเห็นลำแสงวูบเป็นทางยาวพุ่งตรงมาที่ตัวเขา
คงเป็นชาวบ้านที่กำลังมาช่วยเรา เขาคิดเข้าข้างตนเอง ความเต็มตื้นเอ่อล้นขึ้นมาพร้อมกับการภาวนาของให้ความคิดของเขาไม่เป็นเท็จ
คนไทยที่มีน้ำใจยังมีอีกเยอะ แต่
ถ้าเป็นแค่พวกไทยมุงล่ะ? ใจเขาพลันวูบไหวไปตามความคิด
แล้วถ้าเป็นยมทูตล่ะ
ไม่ได้นะ
เรายังไม่อยากตาย เราไม่เคยทำชั่วช้าสามานย์ที่ไหน เราทำแต่ดีเหรอ?
มันก็ไม่ใช่นี่นา เราก็เป็นเหมือนกับทุกๆ คนในโลกใบนี้นั่นแหละ ที่เลวไม่เคยมี แต่ความดีก็ไม่เคยแตะเหมือนกัน
เพียงแต่ทำไมต้องเป็นเรา
แต่เมื่อเช้านี้ อา
ใช่สิ อย่างน้อยเมื่อเช้านี้ เราได้ทำความดี
เป็นบุญเดียวของเรา
ช่างนานเหลือเกิน นานเสียจนเขาคิดว่าคงหมดหวัง แสงไฟที่เห็นอาจเป็นเพียงรถที่ผ่านมาและก็ผ่านไป ตามแบบฉบับของคนที่ไม่สนใจเพราะมันไม่ใช่กงการอะไร
จะเป็นได้หรือว่าเขาจะต้องจบชีวิตลงในไม่ช้านี้เสียแล้ว
ความทรงจำเก่าๆ ทยอยไหลย้อนมาไม่ต่างกับสายน้ำที่ไหลคืน นี่คงเป็นลักษณะของคนจะสิ้นลมกระมัง
โอ เขาเคยทำความดีอะไรบ้างหนอ แน่นอนที่สุดอย่างน้อยก็เมื่อเช้านี้ แต่
นั่นจะเป็นความดีครั้งสุดท้ายของเขาแล้วจริงๆ หรือ?
*
รถกลางเก่ากลางใหม่แล่นฉิวไปตามถนนที่ยาวจนเหมือนจะทอดยาวไปจรดกับเมฆดำทะมึนเบื้องหน้า อีกไม่นานท้องฟ้าครึ้มนี้คงจะโปรยละอองชุ่มฉ่ำลงมาจนกระทั่งไม่ลืมหูลืมตาเป็ฯแน่
สองข้างทางเป็นทุ่งโล่ง นานๆ จึงจะมีต้อนไม้ใหญ่ๆ สักต้นสวนผ่านเข้ามาในฉากข้างทางที่รถแล่นเลียบ ชายหนุ่มหมุนกระจกรถยนต์ขึ้นเมื่อเห็นว่าท้องฟ้าเบื้องบนคงไม่พลาดโอกาสที่จะพร่างพรมความชุ่มชื้นในครมนี้ แล้วจึงเปิดเพลงบรรเลงเบาๆ แทนเสียงหวีดหวิวของลมที่พัดอู้กรูเข้ามาเมื่อครู่ สมาธิตั้งมั่นที่จะขับรถยุโรปปุโรทังคันนี้ให้รอดไปถึงสระแก้วให้ได้ ด้วยเรื่องงานแท้ๆ ที่ทำให้เขาต้องห้อตะบันบึ่งรถมาให้ทันการณ์ก่อนที่ปัญหาที่ดินแปลงงามซึ่งบริษัทหมายตาเอาไว้ว่าจะเนรมิตให้เป็นบ้านจัดสรรแสนสวย จะยุ่งเสียก่อนเพราะน้ำมือของแกนน้ำชาวบ้านที่ปลุกปั่นเรื่องไม่ให้โครงการดำเนินต่อไปได้อย่างสะดวกทั้งการก่อสร้างและทางใจ
มันกระทันหันมาก
ผู้จัดการเพิ่งบอกให้ไป จัดการ เรื่อง เมื่อตอนสายของวันนี้เอง เหมือนกับเป็นโชคดีที่มีงานให้ทำหลังจากนั่งแกร่วอยู่ที่โต๊ะทำงานอย่างซังกะตายมาหลายวัน คงเป็ฯเพราะผลตอบแทนที่เขาทำเมื่อตอนเช้ามันส่งให้เห็นทันตาเห็นเป็นแน่
ใช่สิ
เมื่อเช้านี้เขายังรู้สึกอิ่มเองเปรมใจอยู่เลย ที่เขาเลือกที่จะเป็น มนุษย์ ที่แท้จริง ยายคนนั้นทำให้เขารู้สึกถึงความเป็นคน เปลี่ยนความรู้สึกเก่าๆ ความคิดเดิมๆ จนเขามิอาจจะเก็บกับความรู้สึกเอ่อล้นท้นใจนี้ได้ ระยะทางตั้งแต่กรุงเทพฯออกมายังไม่มมีเวลาใดที่เขาไม่หยุดคิดเรื่องนี้เลย เพราะมันแสนจะทำให้เขามีความสุข แม้ว่ามันเป็นเพียงบุญเดียว บุญแค่เล็กๆ น้อยๆ ก็ตาม
เขาจำได้ว่าเขากระหืดกระหอบออกมาจากลานจอดรถอย่างไร แต่โมโหกับเรื่องปัญหารถโลกแตกนี้มากมายกว่าขนาดไหน จนทำเอาไม่ได้สนใจ แถมเบื่อหน่ายยายแก่สกปรกกับเด็กชายตัวผอมโซสองคนเสียอีก ที่มานั่งขวางทางเข้าออฟฟิตของเจ้านายเขา
เสื้อผ้าขาดวิ่น เนื้อตัวมอมแมมไม่ต่างจากหลานชายตัวน้อยที่นั่งดูดนิ้วอยู่ข้างๆ ทำเขารู้สึกขยะแขยง
พ่อหนุ่ม นึกว่าสงสารยายเถอะ ยายขอตังค์ค่ารถกลับปราจีนสักหน่อยเถอะนะพ่อคู้ณ แทนที่จะเป็นใจ เขากลับชักสีหน้าใส่อย่างรำคาญใจ เมื่อได้ยิน พลางนึกในใจว่า
คงเป็นพวกมาหลอกขอเงินละสิ แหม
อุตส่าห์ไปหาเด็กมาเล่นละครด้วย อย่าหวังเลย
อะไรกันยาย ไม่มีเงินแล้วมากรุงเทพฯทำไม? ดูสิหอบลูกหลานมาลำบากด้วย พูดพลางมองดูอย่างพิจารณา ผมยายยาวระบ่าเป็นสีเทาแถมพันกันยุ่งเหยิงกันทั้งศีรษะ ส่วนเจ้าเด็กน้อยสภาพก็ไม่ต่างกันเท่าใดนัก เสื้อผ้าที่สวมอยู่สกปรกดำด่างแทบมองไม่เห็นเค้าเดิมเลย แต่ก็ยังสองจิตสองใจ
ยายมาตามหาลูกสาว มันมาทำงานที่กรุงเทพฯ นังเรืองมันเคยส่งเงินไปให้ยายทุกเดือน แต่พักหลังนี้ไม่มีวี่แววมันเลยแม้แต่จดหมายสักฉบับพ่อคุณ แถมยังต้องเลี้ยงไอ้ตัวน้อยนี้สิ ที่บ้านไม่มีอะไรจะกินพ่อเอ๊ย
ข้าวสารสักเม็ดยังไม่มี ยายเลยกะว่าจะมาตามหามันนี่แหละ ที่อยู่ก็ไม่รู้ว่ามันอยู่ตรงไหน มันเคยเขียนบอก แต่ถามใครเขาก็บอกว่าไม่รู้จัก ยายว่าหมดหวังแวก็คิดว่าจะกลับบ้านดีกว่า หาผักหาหญ้ากินกันตามประสากันตาย เออ
นี่แหนะพ่อหนุ่ม ช่วยยายสักหน่อยเถอะนะ เผื่อจะรู้จักบ้าง นึกว่าสงสารเด็กมันก็ได้
นางทำหน้าเศร้า แล้วนึกขึ้นได้ ยืนซองจดหมายเก่าๆ ที่ดูท่าจะถูกเปิดดูนับครั้งไม่ถ้วน หรือไม่ก็ทรหดอดทนมากับการเดินทางของยายแก่ผู้นี้ จึงได้ยับยู่ยี่ไม่เหลือเค้าเดิมของซองจดหมายลายดอกไม้แสนสวยอยู่เลย
นี่
เผื่อพ่อหนุ่มจะรู้จักบ้าง
โอ๊ย
ไม่ร้งไม่รู้อะไรทั้งนั้นแหละ โธ่เอ๊ย
ไม่ส่งข่าวไปบ้านนานยั่งงั้นถูกฆ่าตายไปแล้วเหรอ
ไม่รู้ซะแล้วว่ากรุงเทพฯ มันโหดร้ายขนาดไหน? เขาพูดด้วยความโมโหระคนรำคาญ
คำพูดของเขาทำให้หญิงชราอึ้งไปทีเดียว ดวงตาเหม่อลอยคู่นั้นกลับค่อยๆ ระเรื่อแดงขึ้นเรื่อยๆ หากชายหนุ่มกลับไม่ใส่ใจนำพาเท่าไร ได้แต่หันหลังแล้วเดินเข้าออฟฟิตไป
ทันทีที่เขาผลักประตูกระจกเข้าไป สายตาทุกคู่ก็จับจ้องมองมาที่เขา แต่เขาไม่สนใจ เพราะเป็นกิจวัตรประจำวันของเขาอยู่แล้วที่จะมาสาย
ช่วยไม่ได้ก็บ้านมันอยู่ไกลนี่นา แถมรถก็ยังติดมหาประลัยอีก
อ้าว
คุณชยุตม์มาสายตามเคยนะคะ
เสียงแหลมใสซึ่งเป็นของพนักงานสาวช่างจำนรรจาประจำบริษัท ดังมาข้างๆ ยิ่งก่อกวนป่วนปั่นในหัวสมองของเขาทับทวี
ทำไงได้ล่ะครับคุณดาวดึงส์ รถติดออกอย่างนั้น แหม
มันช่างเป็นคำแก้ตัวที่ฟังไม่ขึ้นเลยใช่มั้ยครับ?
หญิงสาวที่ชื่อดาวดึงส์ที่ชอบเด้งดึ๋งหน้าหลังคนนั้นได้แต่ยัดไหล่ แต่ชยุตม์รู้ ภายใต้ท่าทางที่ดูเหมือนว่าไม่ใส่ใจนั้นแฝงรอยไว้ด้วยความแข่งขัน พูดง่ายๆ คือหล่อนเป็นคู่แข่งของเขาในการช่วงชิงตำแหน่งผู้จัดการ หลังจากที่เจ้าของตำแหน่งนี้เอ่ยปากว่าออกจะเบื่อหน่ายกับงานที่ทำ และจะปลดตัวเองเสียที ระหว่างหล่อนและเขาจึงมีอะไรมากกว่าถ้อยคำที่เคลือบน้ำหวานไว้เป็นอย่างดี
ก็ไม่เห็นจะเป็นไรนี่คะ เพียงแค่บริษัทเสียผลประโยชน์ที่ควรจะได้ไปไม่เท่าไรหรอกค่ะ อย่างคิดมากไปเลย
คุณชยุตม์ คำสุดท้ายที่เป็นการเรียกชื่อเขา ฟังดูแล้วน่าขนลุกมากกว่าท่าทีที่แสร้งทำเป็นอ่อนหวานของหล่อนหลายร้อยพันเท่า เห็นไหมล่ะไม่วายที่หล่อนจะทิ้งโอกาสเหน็บแนมเขา ศึกครั้งนี้ใหญ่หลวงนัก
ชายหนุ่มคิด
เขาหันมาใส่ใจงานบนโต๊ะ แต่แทนที่จะมีกองแฟ้มเอกสารเหมือนเคยกลับว่างเปล่า แม้แต่เศษกระดาษสักแผ่นยังไม่มี อะไรกัน
เมื่อมีเวลาว่างเขาจึงมองออกไปข้างนอกผ่านผนังกระจก บังเอิญสายตาเจ้ากรรมเหลือบไปมองประตูทางเข้าอย่างไม่ได้ตั้งใจ เขาเห็นยายแก่กับหลานยังคงนั่งอยู่ที่เดิม ยาแก่ที่ทำให้เขาเข้าทำงานสาย และอดทำงานชิ้นแรกของวันที่จะช่วยส่งเสริมความน่สเชื่อถือในตำแหน่งผู้จักการคนใหม่ในอนาคตบ้าง หรือพอจะลบล้างความผิดที่มาสายเป็นประจำได้บ้าง แต่งานชิ้นนั้นคงถูกตัดหน้าไปโดยแม่สาวดาวดึงส์คนนั้นแล้วอย่างแน่นอน
คิดแล้วเขาก็เริ่มหงุดหงิดขึ้นมาอีกรอบ
ยายแก่คงนั่งพิงประตูทางเข้าบริษัทกับหลายชายตัวน้อยที่นอนแอบอิงอย่างไม่ทุกข์ร้อนอาทรต่อโชคชะตาของตนเองเลยแม้แต่น้อย ขณะที่ยายที่เดือดร้อนหาทางจะกลับบ้านโดยการขอเงินจากผู้สัญจรไปมา รวมถึงคุณยุทธินท์ผู้จัดการที่เดินผ่านยายไปอย่างไม่สนใจเข้าบริษัทมาเป็นคนสุดท้าย
จนแล้วจนรอดนางก็ยังไม่ได้เงิน
ผู้คนที่เดินผ่านไปผ่านมาก็ไม่มีใครสนใจยาย ไม่อินังขังขอบใดๆ ทั้งสิ้น ได้ยินเสียงยายร้องขอก็เมื่อเห็ฯว่าเป็นคนที่ดูจะนึกสงสารยายอยู่บ้าง แต่ก็ไม่มีใครให้ความช่วยเหลืออยู่ดี ชยุตม์คิดว่า คนเหล่านี้ก็เหมือนกับเขานั่นแหละ ใครจะเสี่ยงให้ตัวเองโดนหลอกล่ะ
*
จากคุณ :
Roy_พิม
- [
22 มิ.ย. 49 16:14:53
]