CafeTech-ExchangePantip MarketChatPantownBlogGangTorakhongGameRoom


    Trip & Love ตามรอยแห่งรัก: ปั้นรักไว้ในใจสองเรา#2 โดย เกียรตินำ

    การเข้าชมพิพิธภัณฑ์บ้านเชียงนั้นจะต้องจ่ายค่าเข้าชมคนละสิบบาท หลังจากซื้อบัตรผ่านประตูแล้ว อัศวินก็เดินนำทุกคนเข้าไปในตัวอาคาร ชั้นล่างนั้นจัดแสดงโบราณวัตถุในส่วนของสิ่งของเครื่องใช้อื่นๆ ที่ขุดค้นพบที่บ้านเชียงนอกเหนือจากภาชนะดินเผาซึ่งเป็นที่รู้จักกันดีอยู่แล้ว ข้าวของเครื่องใช้เหล่านี้มีทั้งที่เป็นเครื่องใช้ไม้สอยในชีวิตประจำวันรวมถึงเครื่องมือที่ใช้ในการผลิตภาชนะดินเผา และบางส่วนก็เป็นเครื่องประดับจำพวกกำไลและลูกปัดร้อยเป็นพวง พรพิรุณเดินชมสิ่งของที่จัดแสดงบางชิ้นแล้วก็อดแปลกใจตัวเองไม่ได้ ทำไมหนอ เธอได้รู้สึกว่าสิ่งของในห้องนี้หลายๆ ชิ้นนั้นมันช่างดูคุ้นตาเธอเหลือเกิน ราวกับว่าเธอเคยได้จับต้องสัมผัสเป็นเจ้าของมันมาก่อนอย่างนั้นแหละ

    “พี่ไนท์เคยมาที่นี่กี่ครั้งแล้วคะ ท่าทางดูจะรู้จักคุ้นเคยกับของที่นี่ดีจังเลย”

    เจิดจรัสถามด้วยความประหลาดใจแกมทึ่งในความรอบรู้หลังจากได้ฟังอัศวินเล่าประวัติความเป็นมาของสิ่งของต่างๆ ที่จัดแสดงอยู่ในห้องเป็นคุ้งเป็นแควไม่แพ้เจ้าหน้าที่พิพิธภัณฑ์เลยทีเดียว

    “ถ้านับครั้งนี้ด้วย ก็เป็นครั้งที่หกแล้วล่ะ” ชายหนุ่มตอบเสียงเรียบๆ

    “ครั้งที่หก จริงหรือคะเนี่ยะ” มิ่งโมฬีทำตาโตแทบไม่เชื่อหูกับคำตอบของเพื่อนพี่ชายคนนี้จนอดสงสัยไม่ได้
    “โห ถามจริงๆ เถอะ ที่บ้านเชียงนี่มีดีตรงไหนหนอถึงทำให้ชายหนุ่มนักเดินทางอย่างพี่ไนท์แวะเวียนมาบ่อยขนาดนี้ แอ่ หรือว่าแอบมีกิ๊กอยู่แถวนี้กันแน่ บอกมาเดี๋ยวนี้นะ”

    “ก็คงจะอย่างนั้นแหละมิ่ง” อัศวินแกล้งทำเป็นพูดคล้อยตามก่อนจะหัวเราะเบาๆ แล้วจึงเล่าให้ฟังตามตรงว่า
    “เปล่าหรอกน่า ความจริงที่พี่มาที่นี่บ่อยๆ ก็มาจากความผูกพันและความรู้สึกดีๆ กับที่นี่เพราะที่นี่เป็นที่แรกที่พี่เขียนถึงในการเป็นนักเขียนสารคดีท่องเที่ยว...”

    พูดแล้วชายหนุ่มอดหวนรำลึกถึงความหลังเมื่อครั้งที่เข้ามาทำงานใหม่ๆ ไม่ได้ ในครั้งแรกที่เขาได้รับมอบหมายเขียนสารคดีเชิงท่องเที่ยวเพื่อลงตีพิมพ์นั้น แรกเริ่มเดิมที่เขาตั้งใจว่าจะเขียนเกี่ยวกับธรรมชาติที่งดงามของเขาพลายดำบ้านของกำนันดำผู้เป็นญาติห่างๆ ข้างแม่ของเขาเองแท้ๆ แต่ก่อนจะลงมือเขียน กานนท์เพื่อนรักของเขาก็แวะมาหาพร้อมกับนำภาพถ่ายของแหล่งมรดกโลกบ้านเชียงที่เจ้าตัวเพิ่งไปถ่ายมาให้เขาดู ซึ่งพอได้เห็นภาพถ่ายเหล่านั้นเขาก็รู้สึกเหมือนกับมีแรงดึงดูดมหาศาลจนทำให้เขาตัดสินใจเปลี่ยนมาเขียนเรื่องราวเกี่ยวกับบ้านเชียงแทน และทันทีที่เดินทางมาที่นี่เป็นครั้งแรกเพื่อมาข้อมูลประกอบการเขียนสารคดีเท่านั้น ชายหนุ่มก็รู้สึกได้ถึงความผูกพันบางประการระหว่างตนเองกับแหล่งอารยธรรมโบราณที่มีประวัติความเป็นมาเก่าแก่แห่งนี้ราวกับว่าที่นี่คือเคยเป็นผืนแผ่นดินที่ตนเกิดและอาศัยมาตลอดชีวิตมาก่อน

    และนั่นก็เป็นสาเหตุที่ทำให้เขาต้องแวะเวียนมาที่นี่เป็นประจำทุกครั้งที่มีเวลาว่าง ไม่เพียงแต่เพื่อมาหวนรำลึกถึงความหลังและเติมพลังให้กับชีวิตเท่านั้น แต่ลึกๆ แล้วเขายังรู้สึกคลับคล้ายว่ายังมีปริศนาบางอย่างที่รอให้เขาค้นพบอยู่ แต่ที่ผ่านมาเขายังค้นไม่พบเสียทีว่ามันคืออะไร

    แต่การมาในครั้งนี้ดูจะแตกต่างไปอย่างสิ้นเชิง เพราะครั้งนี้เขาได้รู้คำตอบของมันแล้ว

    ผู้หญิงคนนี้…พรพิรุณ

    คนที่ทำให้เขารู้สึกหวั่นไหวตั้งแต่วินาทีแรกที่พบกัน คล้ายกับว่าเขากับเธอเคยมีความผูกพันกันมาตั้งเมื่อครั้งอดีตนานแสนนานมาแล้ว เพราะเธอคือ...

    “พี่ไนท์คิดอะไรอยู่หรือคะ ใจลอยเชียว”

    เสียงทักของเจิดจรัสทำให้ชายหนุ่มที่กำลังใจลอยคิดอะไรเพลินๆ อยู่สะดุ้งเล็กน้อย ยิ้มอย่างเขินๆ ก่อนจะพูดจากลบเกลื่อน

    “อ๋อ เปล่า ไม่มีอะไรหรอก เอ้อ พี่ว่าเราขึ้นไปดูห้องข้างบนกันบ้างดีกว่า จะได้มีเวลาเหลือไปเที่ยวที่อื่นกันต่อ ดีไหม...”

    ชั้นบนของพิพิธภัณฑ์นั้นเป็นห้องแสดงเกี่ยวกับประวัติความเป็นมาของการค้นพบภาชนะเครื่องปั้นดินเผาที่ขุดพบที่บ้านเชียง มีการตั้งแสดงภาชนะเครื่องปั้นดินเผาบ้านเชียงในยุคต่างๆ ที่ขุดค้นพบ ซึ่งแต่ละยุคก็จะมีรูปแบบและเทคนิคในการผลิตที่แตกต่างกันออกไป ภาชนะเครื่องปั้นดินเผาที่พบมีทั้งอยู่ในสภาพสมบูรณ์หรือเกือบสมบูรณ์เต็มใบ แต่บางจำพวกก็แตกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย ซึ่งนักโบราณคดีต้องใช้จินตนาการประกอบกับความรู้และความอุตสาหะเป็นอย่างยิ่งในการนำชิ้นส่วนต่างๆ ที่กระจัดกระจายกันอยู่มาปะติดปะต่อเข้าด้วยกันให้เป็นรูปเป็นร่างใกล้เคียงกับของเดิมมากที่สุดเท่าที่จะทำได้อย่างที่ตั้งแสดงอยู่นี้

    “การค้นพบภาชนะเครื่องปั้นดินเผาที่บ้านเชียงไม่เพียงแต่จะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญเกี่ยวกับความรู้ทางด้านโบราณคดีในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เท่านั้น แต่ยังได้ส่งผลให้วิถีชีวิตของผู้คนในละแวกนี้ที่ต้องพลอยเปลี่ยนแปลงไปด้วยอย่างช่วยไม่ได้ จากที่เคยเป็นสังคมชนบทที่ยึดอาชีพการเกษตรเป็นหลักก็เริ่มมีบางส่วนหันมาทำธุรกิจบริการเพื่อต้อนรับนักท่องเที่ยว” อัศวินพูดสรุปหลังจากเดินออกจากตัวอาคารพิพิธภัณฑ์แล้ว

    “อย่างหมู่บ้านคำอ้อซึ่งเป็นชุมชนช่างปั้นหม้อที่อยู่ห่างจากที่นี่ไม่ไกลนักก็เช่นกัน คนที่นั่นเขาเคยเล่าให้ผมฟังว่าสมัยก่อนเขาก็ปั้นหม้อปั้นไหขายแลกข้าวกินเหมือนๆ กับหมู่บ้านทำเครื่องปั้นแห่งอื่นๆ ในภาคอีสาน แต่พอเริ่มมีการขุดค้นพบภาชนะเครื่องปั้นดินเผาโบราณที่บ้านเชียงเข้าจนกระทั่งที่นี่กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญของจังหวัดขึ้นมา ชาวบ้านที่นั่นก็เลยหันมาปั้นหม้อปั้นโอ่งขนาดเล็กและเขียนลวดลายแบบของโบราณเพื่อจำหน่ายเป็นของที่ระลึกให้กับนักท่องเที่ยว...”

    “อย่างที่เราเห็นในร้านค้านี่ใช่ไหมคะ” มิ่งโมฬีถามพร้อมกับชี้ไปยังร้านขายของที่ระลึกที่ตั้งอยู่ตรงข้ามกับประตูพิพิธภัณฑ์พอดี

    “ใช่ครับ” เขาผงกศีรษะรับก่อนจะกล่าวเสริมว่า
    “ถ้าเดี๋ยวเรามีเวลาเหลือ พี่จะพาพวกเราไปดูการทำเครื่องปั้นดินเผาที่นั่นกัน สนใจจะไปกันหรือเปล่าครับ”

    “ไปซิคะ” เจิดจรัสคนกระตือรือร้นรีบพูดตกลงทันทีก่อนจะหันมาพยักเพยิดกับเพื่อนๆ
    “นะ ไปกันเถอะนะ ไหนๆ ก็มาถึงที่นี่ทั้งทีแล้วก็ไปดูให้เห็นกับตาเสียหน่อยว่าเขาปั้นหม้อปั้นไหกันยังไง ไม่นั้นไม่รู้เมื่อไหร่ถึงจะได้มาที่นี่อีก จริงไหมเรา…”

    เพื่อนอีกสองคนยิ้มๆ ไม่ว่าอะไร จึงเป็นอันว่าตกลงกันตามที่อัศวินเสนอมา

    หลังจากได้ ‘ของฝาก’ จากร้านค้าหน้าพิพิธภัณฑ์กันพอหอมปากหอมคอจนแทบเต็มด้านหลังรถตู้แล้วทั้งหมดก็เดินทางไปดูที่หลุมที่มีการขุดค้นพบโครงกระดูกและเศษภาชนะโบราณซึ่งอยู่ภายในบริเวณวัดโพธิ์ศรีในห่างจากตัวพิพิธภัณฑ์ไปราวครึ่งกิโลเมตรเป็นลำดับต่อไป

    จากคุณ : samita - [ 24 มิ.ย. 49 06:32:19 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | PanTown.com | BlogGang.com