เกย์ ใช่กะเทยไหม ?
มีคำถามจากคนรู้จักถี่ๆ หลังจากได้สำแดงฤทธิ์ทางอักษรไปในหน้านิตยสารยอดฮิตของเมืองไทย ในคอลัมน์ผู้หญิงเม้าท์แตก เดือน ก.พ.49 ของชะนีขี้กังวล พวกคนอยากรู้ คงเข้าใจว่าเป็นชะนีเกจิในเรื่องเกย์กระมัง เมื่อมีคำถาม ถามกันบ่อยๆ จะตอบส่งเดชก็กลัวเป็นภาระสังคม ก็เลยไปศึกษาค้นคว้ามาพอให้ได้ตอบผู้คน ได้อย่างไม่ขายหน้า เกย์ เป็นแขนงหนึ่งของกะเทยค่ะ
ลำพังตัวเอง เมื่อก่อน ก็สับสนเหมือนกัน กับคำเรียกอย่าง เกย์ ตุ๊ด กะเทย แต๋ว อีแอบ เสือใบ ใบไม้ กระแสสลับ ประเทือง ตุ๊ดตู่ ชาวสีม่วง ดอกไม้เหล็ก ไม่รู้แน่ชัดว่ามันจะมีคุณสมบัติอย่างไรบ้าง ถึงจะได้รับอนุญาตให้เป็น เพราะความสงสัยใคร่รู้ เลยเสาะหาจนได้ข้อมูลมา เล่าสู่กันฟังแบ่งปันเรื่องราว
1.กะเทยแท้ (Hermaphrodite)
เป็นชายที่มีทั้งอวัยวะเพศชายและอวัยวะเพศหญิงในตัว จะเกิดความสับสนทางจิตใจว่าตนเองจะเป็นเพศชายหรือเพศหญิง กะเทยแท้มีให้พบในคนน้อย แต่พบมากในพืชและสัตว์
และมนุษย์ที่มีความผิดปกติของยีนส์และการแบ่งเซล
2.กะเทยลักเพศ (Transvestitism)
กลุ่มนี้ชอบแต่งกายเป็นเพศตรงข้าม แต่งหน้า ทำผม มีความสุขกับการได้แต่งหญิง ส่วนใหญ่ทำโดยเปิดเผย มีกลุ่มเพื่อนของตนเอง อาจเรียกเล่นๆน่ารักๆว่า กะเทยฝึกหัด ก็ได้แต่ กลุ่มนี้ยังไม่ต้องการแปลงเพศ เรียก ตุ๊ด แต๋ว น้องเตย
3.กะเทยแปลงเพศ (Transsexualism)
คือ คนที่รู้สึกว่าตัวเองเกิดผิดเพศ ต้องการเปลี่ยนเพศให้เป็นผู้หญิง ไม่พอใจและไม่ยอมรับเพศที่แท้จริงของตัวเองโดยกำเนิด มีพฤติกรรมแสดงออก แบบผู้หญิงตลอดเวลา อาจแปลงด้วย ศัลยกรรมผ่าตัด กินฮอร์โมน จะรู้สึกว่าแท้ที่จริงเธอเป็นผู้หญิง 100% มีแต่ร่างกายหรือเครื่องเพศเท่านั้นที่เป็นผู้ชาย หลายคนสวยเด่น ผิวนวลเนียน สะโพกผาย อกโต สูงชะลูดหุ่นเพรียวลม ทำเอาผู้หญิงแท้มากมายรู้สึกขายหน้ายิ่งนัก ดูตัวอย่างจากการประกวดมิสทิฟฟานีดูสิ เรียก สาวประเภทสอง กะเทย ได้
4.รักร่วมเพศเดียวกัน (Homosexuality)
หมายถึงผู้ที่ต้องการมีความสุขกับเพศเดียวกัน คือ ชายรักชาย แต่ก็ต้องมีแบ่ง ว่าใครจะเล่นบทไหน เรียก ไม้ป่าเดียวกัน ชาวสีม่วง
4.1 เกย์คิง ( Gay king) ฝ่ายที่เล่นบทโน้มไปทางเป็นชาย หรือฝ่ายบุก
4.2 เกย์ควีน ( Gay queen)-ฝ่ายที่เล่นบทโน้มไปทางเป็นหญิง หรือฝ่ายตั้งรับ
แล้วยังมีพวกรักสองเพศ ( Bisexuality) ซึ่งเป็นคนที่มีความสุขได้กับทั้งเพศชายและเพศหญิง ทั่วๆไปขนานนามว่า เสือใบ หรือ กระแสสลับ
เกย์ ยังกำหนดเพศตนเองเป็นผู้ชาย 100% เต็ม ดังนั้นจำนวนมากดูภายนอกเป็นชายเต็มตัว ดูไม่ออกไม่บอกก็ไม่รู้ว่าเป็นเกย์ บางคนมีลูกมีเมีย มีครอบครัว อาจมีไว้บังหน้าหรือเพราะสังคมบังคับ ผู้ชายที่แต่งงานแล้วก็ไม่ได้เป็นการยืนยันว่าเขาไม่ใช่เกย์ ในทางตรงข้ามก็เช่นเดียวกัน ผู้ชายที่ไม่แต่งงานก็ไม่ได้แปลว่าเขาเป็นเกย์
ความเป็นเกย์อยู่ที่ในใจ เป็นความรู้สึกส่วนตัว มันเป็นสิทธิส่วนตัว จิตแพทย์ยกเลิกการวินิจฉัยว่า Homosexuality เป็นความผิดปกติ โดยให้ถือว่า เป็นวิถีทางเลือกอย่างหนึ่งของชีวิต เป็นรสนิยมที่แตกต่างจากคนทั่วไป
แล้วจะรู้ไปทำไมว่าคนไหนเป็นเกย์หรือไม่เป็น ? ใช่แล้ว จะรู้ไปทำไม เว้นเสียแต่ว่าไอ้หนุ่มที่เทียวไล้เทียวขื่อชั่วนาตาปีข้างตัว ที่คุณจะใช้ชีวิตร่วมโรงร่วมหอด้วย จะมีพฤติกรรมเสี่ยงไหม ค่อยหาวิธีพิสูจน์กัน
ส่วนคนอื่นๆที่ไม่มีผลต่อความเป็นตัวคุณนั้น ก็ไม่เห็นมีความจำเป็นจะไปรู้ว่าเขาเป็นหรือไม่เป็น รู้เพื่อความสะใจ เพื่อตอกย้ำให้เป็นปมด้อยพวกเขางั้นหรือ ขอตอบดังๆแทนสภาเกย์เลยนะคะว่า เสียใจ เพราะความเป็นเกย์ ไม่ได้เป็นเรื่องน่าอายหรือเป็นปมด้อยใดๆเลยด้วยซ้ำ
ในสังคมปัจจุบันไม่ได้ต่อต้านเกย์และกะเทย
( Non-Homophobic Male Sexual Culture)
แต่ก็ยังไม่ได้รับการนิยมส่งเสริมอย่างชัดเจนนัก เพียงแต่มีการยอมรับมากขึ้นกว่าแต่ก่อน ปัจจุบันเป็นการมองด้วยความเข้าใจ เกย์หรือกะเทยเป็นเรื่องของความพึงพอใจ และมีความสุขกับสิ่งที่เขาหรือเธอเป็น เป็นความชอบธรรมที่จะใช้สิทธิในการเลือกรสนิยมของตนเอง ไม่มีอะไรน่าวิตก เป็นเพียงกลุ่มที่มีรสนิยมและพฤติกรรมแตกต่างจากคนส่วนใหญ่เท่านั้นเอง
ถ้าพวกเขามีสุขภาพจิตดี มีความรู้ ความสามารถ และทำประโยชน์ให้สังคมได้ ที่สำคัญคือ สามารถใช้ชีวิตร่วมกับคนในสังคมได้อย่างปกติสุข
สาเหตุของการเป็นกะเทยและเกย์ ก็มีที่มาจากหลายๆสำนัก ที่ทำการศึกษาวิเคราะห์กันมา
นักจิตวิทยา มองว่า เด็กชายที่เติบโตขึ้นมาโดยห่างเหินพ่อหรือใกล้ชิดกับแม่มากๆ ทำให้สวมบทบาทของแม่ที่เป็นหญิงแทนที่จะเป็นชาย และสิ่งแวดล้อมในการเลี้ยงดู ที่เด็กชายถูกแวดล้อมด้วยพี่น้องญาติที่เป็นเด็กหญิง การเล่น การแสดงออกล้วนอยู่ในหมู่ผู้หญิง แถมยังได้มีโอกาสแสดงออกในบทบาทของผู้หญิงใน กิจกรรมการแสดงต่างๆ ที่ครูหรือผู้ปกครองจัดให้ แล้วเด็กได้รับการชื่นชมยอมรับ ทำให้ฝังในจิตสำนึกว่า นี่คือสิ่งที่ควรทำควรเป็น และคนที่เป็นเกย์ตอนโต เพราะอยู่ในหมู่แวดวงของกลุ่มเพื่อนเกย์ ทำให้ได้ทดลองความสุขในความสัมพันธ์ทางเพศที่แตกต่างจากเพศตรงข้าม เป็นเรื่องที่ให้ความรู้สึกแปลก ตื่นเต้น และมีความสุขกว่า จึงพาตนเข้าสู่วงการเกย์
และนักวิจัยทางกายภาพพบว่า กะเทยกลุ่มชายรักชาย มีฮอร์โมนเพศชายน้อยกว่าเพศชายปกติทั่วไป ยิ่งฝาแฝดจากไข่ใบเดียวกัน มีโอกาสเป็นกะเทยเหมือนกัน ได้มากกว่าแฝดไข่คนละใบ สาเหตุของการเป็นเกย์เป็นกะเทย เกิดจากหลายๆสาเหตุรวมกัน ไม่ว่า พันธุกรรม สมอง การเลี้ยงดู สิ่งแวดล้อม และค่านิยมทางสังคม แฟชั่นในหมู่เพื่อน
บทบาทของเกย์ กะเทย ในสังคมปัจจุบัน เป็นที่ชื่นชมยอมรับมากขึ้น เพราะพวกเขาเหล่านี้ ล้วนมีความสามารถ มีพรสวรรค์ที่มาทดแทนพวงสวรรค์ที่ไม่ปรารถนา หรือปรารถนาแค่บางคราว ความเป็นตัวของตัวเอง การยอมรับตัวตน เปิดเผยต่อสังคม ทำให้เกิดความเชื่อมั่น และเห็นคุณค่า ชื่นชมในความเป็นตัวเอง ทำให้พวกเขาได้สร้างสรรค์สิ่งดีๆได้มากมาย ไม่ว่า วงการแฟชั่น ความงาม การแสดง ดารา นักร้อง การสร้างสรรค์งานศิลปะ ออกแบบสิ่งประดิษฐ์สร้างสรรค์ ครีเอทีฟบริษัทต่างๆ ไม่น้อยเลยที่มาจากมันสมองและสองมือของกะเทยและเกย์
ยังขอร่วมยืนยันอีกคนว่า กะเทยและเกย์ไม่ใช่คนป่วยทางจิตใจ ไม่ต้องถึงกับจำกัดบทบาททางสังคม ที่ออกกฏห้ามแสดงออกทางสื่อ เช่น ห้ามออกทีวี ห้ามแสดงบทบาท ห้ามมีส่วนร่วมในบางอาชีพ ห้ามทำงานในบางสถาบัน ความรู้ความสามารถมันไม่ได้ตัดสินกันที่บุคลิกภาพภายนอก ควรจะให้โอกาสกัน เท่าๆกับคนในสังคมอื่นๆที่ได้รับอย่างเท่าเทียมกัน
เคยจะมีนโยบายห้ามกะเทยออกทีวี เพราะกลัวเป็นเยี่ยงอย่างแก่เยาวชน เกิดการวิพากษ์วิจารณ์กันมาก ส่วนใหญ่แล้วมีความเห็นว่า ผู้ที่เป็นอยู่แล้วจะเห็นหรือไม่เห็นทางสื่อให้เลียนแบบ พวกเขาก็ดำเนินชีวิตตามที่เลือกอยู่ดี และผู้ที่เป็นชายแท้ๆรักผู้หญิงจริงๆ ถึงแม้มีให้เห็นสักหมื่นพัน ก็ไม่คิดเลียนแบบเพราะที่ตนเองเป็นก็พอเหมาะพอดีแล้ว ส่วนพวกครึ่งๆกลางๆยังไม่แน่ชัดในตัวเอง ก็กล้าเปิดเผยมีความมั่นใจขึ้น เพราะว่ายังมีเพื่อนในสังคมอีกมากที่เหมือนกัน ทำให้เชื่อมั่นในตัวตนเห็นค่าในตัวเอง ซึ่งจะทำให้มีชีวิตอยู่ร่วมกับสังคมได้อย่างมีความสุขขึ้น จากแอบจิต ก็เป็นสลัวจิต และสว่างจิตเสียที ประมาณนั้น
มาถึงตรงนี้แล้ว คงเกินเลยการตอบคำถามว่า เกย์ใช่กะเทยไหม และไม่ทราบเหมือนกันว่าคำตอบจะเป็นประโยชน์แก่คนถามหรือไม่อย่างไร แต่อย่างไรก็ตาม จุดประสงค์คือ ต้องการความเข้าใจและการยอมรับเกย์และกะเทย ในสังคม ให้ได้ใช้ชีวิตร่วมกับเราได้อย่างปกติสุข อย่าไปสนดีกว่าว่าเขาจะเป็นอะไร มาใส่ใจและใส่สมองไปดีกว่า ว่าพวกเขาเป็นอย่างไร มีคุณงามความดีอย่างไร มีศักยภาพในตัวตนอย่างไร แล้วให้การยอมรับ เข้าใจ เหมือนที่ทุกๆคนต้องการกันดีกว่า
ขอร่วมยืนยันด้วยอีกครั้ง ว่าพวกกะเทย เกย์ ไม่ได้เป็นผู้มีปัญหาทางด้านจิตใจ เป็นกลุ่มน้อยในสังคมกลุ่มใหญ่ เหมือนคนส่วนมากถนัดการใช้มือขวา แต่คนส่วนน้อยถนัดการใช้มือซ้าย เท่านั้นเอง เราไม่ควรจะไปตัดสินอะไรใคร ด้วยมาตรฐานของตัวเราเองเลย ซึ่งมันมาจากพื้นฐานชีวิต การเติบโต เลี้ยงดู สภาพแวดล้อม ที่แตกต่างกัน จึงไม่ควรเอามาตรฐานตัวเองไปเป็นตัวชี้วัดตัดสินใคร
อย่างปลาร้าไง บางคนว่า มันเหม็น น่ารังเกียจ บ้างก็ว่าหอม น่ากิน ชื่นชอบเป็นนักหนา
คนไม่ชอบปลาร้า ก็คงไม่ใช่ความผิดของปลาร้า ปลาร้าไม่ใช่ปัญญา แต่ปัญหาอยู่ที่คนชอบหรือไม่ชอบเอง ใช้หัวใจและสมองในการคิดการมองกันและกันดีกว่าค่ะ
ทั้งหมดนี้เป็นเพียงความคิดเห็นส่วนบุคคล โปรดใช้วิจารณญาณและหัวใจในการวิเคราะห์
ขอขอบคุณข้อมูลจาก นพ.สุกมล วิภาวีพลกุล www.elib-online.com
จากคุณ :
เพลงสน บนยอดภู 
- [
วันสุนทรภู่ 00:22:07
]
เกย์ ใช่กะเทยไหม
