เช้าวันรุ่งขึ้นหลังจากรับประทานอาหารและเช็คเอาท์ออกจากโรงแรมแล้วรถตู้คันเดิมก็นำคณะเดินทางไปยังอุทยานแห่งชาติภูพระบาทซึ่งอยู่ห่างจากตัวเมืองไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือประมาณ 60 กิโลเมตร ตลอดเส้นทางพรพิรุณที่อ่อนเพลียมาจากการเดินเที่ยวเมื่อวานประกอบกับเมื่อคืนยังนอนดึกกว่าปกติเสียอีกก็เลยม่อยหลับไปอย่างง่ายดาย มารู้สึกตัวอีกทีก็เมื่อเพื่อนๆ สะกิดว่าถึงแล้วนั้นแหละ เธอจึงขยี้ตาให้หายงัวเงียก่อนจะตามคนอื่นๆ ลงจากรถ
เดี๋ยวเราจะต้องลงเดินแล้วละครับ อัศวินบอกก่อนจะเตือนอีกด้วยว่า
แล้วยังไงเวลาเดินก็ช่วยเกาะกลุ่มกันไว้แล้วกัน เดี๋ยวเกิดพลัดหลงกันขึ้นมาจะยุ่ง ตกลงตามนี้นะครับ
ทั้งหมดจึงเดินไปตามทางซึ่งเป็นพื้นที่ถางไว้พอให้เดินได้สะดวก ระหว่างทาง อัศวินก็แนะนำให้รู้จักที่นี่ก่อนว่า เมื่อหลายล้านปีก่อน บริเวณนี้ได้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางธรณีวิทยาทำให้เกิดธารน้ำแข็งปกคลุมอยู่โดยทั่วไป ต่อมาเมื่อธารน้ำแข็งละลายไปจึงได้พัดพาเอาก้อนหินขนาดใหญ่จำนวนมากมากองรวมกันเกิดเป็นเพิงหินรูปร่างแปลกประหลาดมากมายกระจัดกระจายอยู่เป็นบริเวณกว้าง ซึ่งต่อมาชาวบ้านได้ไปพบเห็นเข้า จึงได้เรียกชื่อเพิงหินเหล่านั้นโดยนำเรื่องราวนิทานพื้นบ้านเรื่องนางอุษากับท้าวบารสมาผูกเข้าตามจินตนาการของตนตามแต่จะมองเห็นว่ารูปร่างของเพิงหินนั้นมีลักษณะคล้ายกับอะไร เช่น หอนางอุษา วัดพ่อตา วัดลูกเขย คอกม้าท้าวบารส โลงศพนางอุษา เป็นต้น
ตอนนี้เรามาถึงหอนางอุษาแล้ว เดี๋ยวแวะถ่ายรูปที่นี่กันก่อนนะครับ
อัศวินพูดพร้อมกับชี้ให้ทุกคนเห็นกองหินประหลาดที่อยู่เบื้องหน้าของตน
พรพิรุณมองแล้วก็รู้สึกตื่นตาตื่นใจไม่น้อยกับ หอนางอุษา ซึ่งมีลักษณะเป็นกองหินขนาดใหญ่จำนวนมากตั้งซ้อนจนเป็นกองสูงจากพื้น และมีก้อนหินขนาดใหญ่มากเป็นพิเศษวางซ้อนอยู่ข้างบนจนมองดูคล้ายกับเป็นร่มเห็ดหรือว่าหลังคาบ้าน หินแต่ละก้อนนั้นมีขนาดใหญ่โตมโหฬารเสียจนแทบไม่อยากเชื่อเลยว่าพวกมันจะถูกน้ำพัดพามากองกันอยู่อย่างที่เห็นได้ แต่ก็นั่นแหละ ถ้าหากไม่เป็นเพราะฝีมือของธรรมชาติรังสรรค์ขึ้นแล้ว ก็นึกไม่ออกเหมือนกันว่ามนุษย์ตัวเล็กๆ จะมีความสามารถนำก้อนหินเหล่านี้มากองรวมกันในลักษณะเช่นนี้ได้อย่างไรและทำไปเพื่ออะไร
พลังธรรมชาติสามารถทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงบนพื้นโลกได้อย่างที่เราคาดไม่ถึงอยู่เสมอแหละ อย่าว่าแต่อีแค่กระแสน้ำพัดก้อนหินมาเรียงตัวกันเป็นรูปร่างแปลกๆ อย่างนี้เลย ขนาดทำให้พื้นดินยกตัวสูงขึ้นจนกลายเป็นภูเขาหรือจมลงในทะเลก็ยังเป็นไปได้เลย พูดก็พูดเถอะ พวกเราจะเชื่อหรือเปล่าว่าตรงที่เรายืนอยู่นี้นะเมื่อสมัยโบราณหลายล้านปีมาแล้วก็เคยเป็นทะเลมาก่อนเหมือนกัน
อัศวินให้ความรู้กับสาวๆ ที่รุมล้อมเข้ามาฟังอย่างสนใจก่อนจะกล่าวด้วยว่า
อันนี้พี่ไม่ได้โม้เองเลยนะ แต่ว่าจากการสำรวจทางธรณีวิทยาได้ค้นพบหลักฐานหลายอย่างแสดงให้เห็นว่าที่ภาคอีสานนี้เคยเป็นทะเลมาก่อน อย่างที่ใกล้ๆ กับที่นี่ก็มีร่องรอยการค้นพบซากหอยโบราณฝังอยู่ในหิน คล้ายๆ กับสุสานหอยที่กระบี่
ที่อุดรฯ ก็มีสุสานหอยเหมือนกันหรือคะ เจิดจรัสสาวชาวกระบี่ทำตาโต เอ่ยถามด้วยความประหลาดใจแกมผิดหวังเล็กน้อยกับสิ่งที่เพิ่งได้รู้ในวันนี้
เมื่อก่อนเคยมี แต่เดี๋ยวนี้ไม่มีแล้วล่ะ อัศวินตอบพร้อมกับแอบอมยิ้มเล็กน้อย
อ้าว ทำไมถึงเป็นอย่างนั้นละคะพี่ไนท์ เกิดอะไรขึ้นกับสุสานหอยที่ว่าหรือคะ คราวนี้มิ่งโมฬีแสดงความสงสัยขึ้นมาบ้าง
หรือว่ามีอะไรไปทำลายมันจนสูญหายไปหมดแล้ว
ชายหนุ่มหัวเราะร่วนก่อนจะเฉลยให้ฟังว่า
เปล่าหรอก สุสานหอยที่ว่ายังคงอยู่ดีตามปกติไม่มีอะไรเสียหายทั้งนั้น แต่ว่าทางการต่างหากที่ไปวุ่นวายเจ้ากี้เจ้าการย้ายสุสานหอยที่ว่าออกไปจากจังหวัดอุดรธานีเอง
คือเมื่อก่อนสุสานหอยที่ว่าตั้งอยู่ในเขตอำเภอหนองบัวลำภูจังหวัดอุดรธานีไง แต่พอทางการยกอำเภอหนองบัวลำภูขึ้นเป็นจังหวัดใหม่ สุสานหอยที่ว่าก็เลยกลายเป็นสมบัติของจังหวัดหนองบัวลำภูที่ตั้งขึ้นใหม่ไป ที่อุดรฯ ก็เลยไม่มีสุสานหอยอีกแล้ว ทีนี้เข้าใจหรือยัง
อ๋อ เข้าใจแล้วค่า
มิ่งโมฬีลากเสียงยาวด้วยความหมั่นไส้เล็กน้อย ในขณะที่คนอื่นๆ อมยิ้มไปตามๆ กันกับคำตอบแบบกวนๆ ของอัศวิน
หลังจากถ่ายรูปกับหอนางอุษากันจนจุใจแล้วทั้งหมดก็เริ่มออกเดินกันต่อไปตามทางเดินที่บางส่วนเป็น เป็นพื้นหินที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติซึ่งไม่ราบเรียบและทำให้การเดินตามปกติก็ยากลำบากมากพอดูอยู่แล้ว แถมฝนที่ตกลงมาเมื่อตอนเช้ามืดก็ทำให้ทางเดินลื่นและนักเดินทางต้องเพิ่มความระมัดระวังในการเดินมากขึ้นอีก
ตัวพรพิรุณเองก็หวุดหวิดจะหน้าคะมำเสียก็หลายหน ดีแต่ว่าได้อัศวินอยู่ใกล้ๆ คอยช่วยไว้ได้ทันทุกครั้งไป ไม่อย่างนั้นเธอคงได้เจ็บตัวจากการล้มลงกระแทกพื้นหินแข็งๆ บ้างเป็นแน่ ซึ่งนั้นก็ยิ่งทำให้เธอมีความรู้สึกดีๆ กับเขามากขึ้นทุกที
เขาจะเป็นคนๆ นั้นที่ในอีเมล์ว่าไว้จริงหรือไม่เธอก็ดูจะไม่สนใจ และไม่คิดว่ามันจะเป็นเรื่องสำคัญอีกต่อไปแล้วด้วย
เพราะวินาทีนี้เธอขอพียงแค่มีเขาคนนี้อยู่ใกล้ๆ คอยปกป้องดูแลเธอเหมือนอย่างในตอนนี้ตลอดไป
เท่านั้นก็เพียงพอแล้ว
..
หลังออกจากอุทยานภูพระบาทแล้วทั้งหมดก็แวะทานอาหารก่อนจะเดินทางไปยังหมู่บ้านนาข่า ที่นี่เป็นหมู่บ้านทอผ้าไหมลายขิตเลื่องชื่อของจังหวัดอุดรธานี แต่ดูเหมือนสาวๆ จะค่อยไม่สนใจจะดูชาวบ้านเขาทอผ้าซักเท่าไหร่หรอก จะสนก็แต่ผ้าที่ทอเสร็จแล้วเสียมากกว่าโดยเฉพาะสองสาวนักช้อปอย่างมิ่งโมฬีกับเจิดจรัสที่เดินเข้าร้านนั้นออกร้านนี้พลางเลือกดูผ้าไหมอย่างเบิกบานใจหยิบดูและส่งเสียงเจี้ยวจ้าวด้วยความถูกใจเมื่อเห็นผืนไหนสวยๆ เหมาะจะซื้อไปตัดเสื้อใส่เองหรือผืนไหนควรจะซื้อไปฝากคนอื่นๆ ดี
ข้างฝ่ายพรพิรุณเห็นร้านแรกไม่มีผ้าผืนไหนถูกใจจึงเดินไปดูที่อีกร้านหนึ่ง ดูอยู่เพลินๆ พรพิรุณก็รู้สึกเหมือนว่ามีใครตามมาข้างหลังจึงหันกลับไปกะว่าจะต่อว่าเสียหน่อย แต่พอเห็นว่าเป็นใครเท่านั้นเธอก็ต้องอุทานด้วยความแปลกใจ
อ้าว พี่ไนท์นี่เอง นึกว่าใครที่ไหนเสียอีก มีอะไรกับฝนหรือเปล่าคะถึงได้มาตามฝน...
อ๋อ เปล่า ไม่มีอะไรหรอก อัศวินพูดเสียงตะกุกตะกักเล็กน้อยด้วยความประหม่า ก่อนจะ
อ่อ ฝนครับ พี่มีเรื่องอยากขอให้ฝนช่วยหน่อย ฝนจะขัดข้องไหมครับ
ได้ซิคะ เธอกล่าวอย่างเต็มใจ
ถ้าไม่เหนือบ่ากว่าแรงจริงๆ ฝนก็ยินดีช่วยพี่นะ ว่าแต่ พี่ไนท์จะให้ฝนช่วยอะไรละ บอกมาซิคะ
ขอบคุณนะครับ
เขาพูดด้วยความยินดีก่อนจะเอ่ยปากขอความช่วยเหลือจากเธอตามที่ตั้งใจไว้
คืองี้ พี่อยากจะซื้อผ้าไปฝากเพื่อนซักผืนสองผืนนะ อยากให้ฝนช่วยเลือกให้พี่หน่อย
หัวใจของเธอชาวูบขึ้นมาทันทีเมื่อรู้ว่าอีกฝ่ายอยากให้ตนช่วยอะไร ซื้อผ้าไปฝากเพื่อน แน่ละ ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเพื่อนคนนั้นต้องเป็นผู้หญิงแน่ๆ ผู้ชายที่ไหนกันเล่าจะซื้อผ้าไหมไปฝากเพื่อนผู้ชายด้วยกัน
ว่าแต่ เพื่อนคนนั้นเป็นคนสำคัญระดับไหนของเขากันแน่ เขาถึงได้คิดจะซื้อของฝากที่ค่อนข้างจะมีราคาให้กันแบบนี้
โอ๊ย ถ้าเรื่องนี้ละก็ฝนว่าพี่มาหาผิดคนแล้ว ฝนเลือกผ้าไหมเป็นซะทีไหน พรพิรุณปฏิเสธโดยเร็วพร้อมกับบุ้ยใบ้ไปทางเพื่อนสองสาว พูดแนะนำเขาไปว่า
ฝนว่าพี่ไปขอร้องมิ่งหรือเจ็ตเขาดีกว่า สองคนนั้นนะเขาดูผ้าเลือกผ้าเก่งกว่าฝนเป็นไหนๆ...
ไม่ได้หรอก ต้องฝนคนเดียวเท่านั้นที่จะช่วยพี่ได้
เขาขัดด้วยการยืนยันย้ำความต้องการของตนอีกครั้งก่อนจะอธิบายเพิ่มเติมว่า
คืออย่างนี้ พอดีเพื่อนพี่คนนี้รูปร่างผิวพรรณคล้ายๆ กับฝน พี่ก็เลยอยากให้ฝนช่วยแบบแทนเขาให้ทีว่าผ้าผืนไหนน่าจะเหมาะกับฝน เอ๊ย เพื่อนคนนั้น ว่าไงครับ ตกลงฝนจะช่วยพี่ซักหน่อยได้หรือเปล่าครับ
หญิงสาวได้ฟังน้ำเสียงวิงวอนของเขาแล้วก็ใจอ่อน เอาเถอะ ไหนๆ พี่ไนท์เขาก็อุตส่าห์ช่วยเหลือมาเป็นไกด์ให้เราทั้งที่ เราจะแล้งน้ำใจกับพี่เขาได้ไงกันละ เธอบอกกับตัวเองอย่างซึมๆ ก่อนจะพยักหน้า
เอาเถอะค่ะ ถ้าพี่ขอร้องฝนก็จะช่วยแล้วกัน แต่ไม่รับรองนะคะว่าจะช่วยได้แค่ไหน
ดังนั้นหญิงสาวจึงจำยอมต้องเป็น นางแบบ ให้กับอัศวินในการเลือกผ้าไหมไปฝาก เพื่อน ของตน ซึ่งหลังจากที่เขาเลือกได้แล้วเธอก็อดเสียดายไม่ได้ เพราะสายตาของชายหนุ่มแหลมคมจริงๆ ผ้าผืนนี้ดูเข้ากันกับตนมากจนเธอแน่ใจว่าหากผู้หญิงคนที่อัศวินจะซื้อไปให้มีรูปร่างและผิวพรรณใกล้เคียงกับตนจริง เธอคนนั้นก็น่าจะนำมันไปตัดเป็นเสื้อใส่ได้อย่างเหมาะเจาะเข้ากับตัวเองอย่างยิ่งแน่นอน เล่นเอาเธอแทบอยากจะซื้อผ้าลวดลายเดียวกันอีกซักผืน แต่ก็ต้องผิดหวังเพราะผ้าลายนี้ขายมีอยู่แค่ผืนเดียวเท่านั้น ในขณะที่ผืนอื่นๆ ก็ไม่ถูกใจตนเสียอีกจนแทบอยากจะขอซื้อผ้าผืนนั้นต่อจากอัศวินเลยทีเดียว แต่ก็เกรงใจเหลือเกินไม่กล้าทำเช่นนั้น จึงได้แต่ตัดใจออกจากร้านด้วยความเสียดาย...
เสียดายทั้งผ้า เสียดายทั้งคนซื้อ
จากคุณ :
samita
- [
28 มิ.ย. 49 00:10:44
]