เป็นเรื่องที่อยู่ๆเกิดนึกสนุกลุกขึ้นมาแต่งเอามันส์ล้อเลียนนิยายของแดน บราวน์ครับ อย่าได้อินและถือเป็นจริงมากมายเลย แต่งเอาสนุกจริงๆครับ ^^'
=================================
"รหัสลับขรัวอินโข่ง" โดย ธามาดา
ร้อยตำรวจเอกบรรเจิด แรงดอนก้าวลงจากรถตำรวจทันทีที่มันแล่นเข้ามาจอดสนิทหน้าอาคารพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ หอศิลป เจ้าหน้าที่ตำรวจท้องที่และจากกองพิสูจน์หลักฐานล่วงหน้ามาที่นี่ก่อนเขาหลายคนแล้ว ขณะนั้นเป็นเวลาตีหนึ่งครึ่ง สายฝนยามดึกกลางเดือนสิงหาคมกำลังโปรยปรายแผ่วเบา นับเป็นเวลาที่น่าจะได้พักผ่อนนอนหลับมากกว่าออกมาปฏิบัติงานเสียจริงๆ
นายตำรวจหนุ่มก้าวเท้าเข้าไปในหอศิลปซึ่งบัดนี้เปิดไฟสว่างไสวแม้จะอยู่นอกเวลาราชการ ตำรวจหลายนายกำลังชันสูตรพลิกศพชายคนหนึ่งที่นอนหงายอยู่กลางโถงทางเดินอันรายรอบไปด้วยภาพเขียนของจิตรกรไทยชั้นครูมากมาย รอยกระสุนกลางอกแม้จะบ่งชี้ว่าคนร้ายใช้ปืนขนาดเล็กยิงชายคนนี้ แต่มันก็เพียงพอที่จะทำให้เขาตายในเวลาอันสั้น ไม่พบปลอกกระสุนในที่เกิดเหตุ คนร้ายคงชำนาญในการใช้ปืนมาก
เจออะไรอีกบ้างไหม ร้อยตำรวจเอกบรรเจิดถามผู้ใต้บังคับบัญชาขณะยืนดูศพ ผู้ตายรายนี้ชื่อนายชัก โสนิยา ซึ่งเป็นยามรักษาความปลอดภัยกะกลางคืนของหอศิลปนี่เอง
คนร้ายไม่ทิ้งร่องรอยเอาไว้เลยครับ สิบตำรวจพิทักษ์ที่เพิ่งเดินออกจากห้องจัดแสดงภาพด้านในด้วยท่าทางตื่นเต้น แต่มีรอยเลือดแปลกๆบนกำแพงทางโน้นครับ คาดว่าจะเป็นฝีมือผู้ตาย
รอยเลือด? ผู้กองบรรเจิดขมวดคิ้วแล้วรีบเดินตามลูกน้องไปทันที จริงอย่างที่พิทักษ์บอก ที่มุมห้องด้านหนึ่งซึ่งเป็นจุดนั่งพักของยามรักษาความปลอดภัยนั้นมีรอยเลือดกระเซ็นเหมือนกับเป็นจุดที่ผู้ตายถูกยิง แต่ที่น่าฉงนมากไปกว่านั้นคือที่กำแพงส่วนที่ใกล้พื้นห้องที่สุดนั้นมีรอยอักษรเลือดที่เขียนด้วยนิ้วว่า หลวงปู่ในหอย
หลวงปู่ในหอย? บรรเจิดทวนคำช้าๆ นี่คงจะเป็นอะไรสักอย่างที่ผู้ตายอยากจะบอก
ผมลองตรวจดูแล้ว พระที่ผู้ตายห้อยเป็นพระกริ่งมหาอุตม์ มีชื่อด้านคงกระพัน แต่ไม่มีอะไรในตัวผู้ตายที่เกี่ยวกับหลวงปู่ในหอยนี่เลย ถามยามคนอื่นในนี้ก็ไม่มีใครรู้จักชื่อหลวงปู่นี้
ผู้ตายเขียนคำๆนี้หลังจากที่ถูกยิงแล้ว.... ร้อยตำรวจเอกนิ่งคิด คนร้ายอาจจะยังอยู่แถวนั้นตอนที่เขาพยายามจะเขียน ผู้ตายคงไม่อยากเขียนอะไรที่สื่อความหมายตรงเกินไปกระมัง
บรรเจิดยืนคิดกลางโถงหอศิลปอยู่นาน พยายามเชื่อมโยงข้อมูลเล็กๆน้อยๆต่างๆในคดีและสถานที่เข้ามาด้วยกันแต่ก็ยังคิดไม่ออก ในที่สุดเขาก็ถอนหายใจอย่างจนปัญญา ร้อยตำรวจหนุ่มเดินช้าๆไปตามทางเดินในหอศิลปเพื่อหาทางไปห้องน้ำ เวลาแบบนี้ถ้าได้ล้างหน้าและอยู่เงียบๆสักสองสามนาทีก็คงจะดี....
เดินไปได้เพียงไม่เท่าไรบรรเจิดก็เกิดความรู้สึกบางอย่าง มันเป็นสัมผัสแปลกๆที่แล่นอยู่ในร่างจนรู้สึกเย็นขนลุกซู่ ไม่แปลกใจเลยถ้าหากบรรเจิดรู้สึกแบบนี้แล้วจะเงยหน้าขึ้นเห็นวิญญาณสักดวงในหอศิลปนี้ มันเป็นความรู้สึกเหมือนกำลังได้รับการสื่อสารจากโลกที่เร้นลับอยู่
บรรเจิดเงยหน้าขึ้น เบื้องหน้าของเขาไม่มีวิญญาณ แต่มีป้ายๆหนึ่งตั้งอยู่หน้ากำแพง
"ภาพจิตรกรรมสีฝุ่น บางกอก โดยพระอาจารย์เดิม วัดราชบูรณะ (วัดเลียบ)
ขออภัย กำลังอยู่ระหว่างปรับปรุงซ่อมแซม"
ร้อยตำรวจหนุ่มนิ่งไปนิดหนึ่ง ดูเหมือนมันจะเป็นป้ายที่ไม่ได้มีความสลักสำคัญหรือเกี่ยวข้องกับคดีอะไรเลย แต่ชื่อของพระอาจารย์เดิมนั้นดูเหมือนจะคุ้นหูของเขาเหลือเกิน อาจจะเป็นเพราะวัยเด็กของเขาเติบโตมาในย่านใกล้ๆกับวัดเลียบด้วยนั่นเอง ไม่กี่วินาทีต่อมาเขาก็เบิกตากว้าง ปริศนาของรอยอักษรเลือดบนกำแพงคลี่คลายไปได้เปลาะหนึ่งแล้ว!!
พิทักษ์ เขาหันไปตะโกนบอกลูกน้องที่อยู่ห่างออกไป มาตรงนี้หน่อย ตามรปภ.ของหอศิลปมาอีกคนด้วยนะ ผมมีเรื่องอยากจะถาม
นาทีถัดมาเบื้องหน้ากำแพงที่ว่างเปล่านั้นก็กลายเป็นจุดที่ตำรวจกับรปภ.มายืนออกันอยู่
ภาพเขียนนี้มีคนยกออกไปเมื่อไหร่ บรรเจิดถามยามอีกคน
ยกออกไปเมื่อเช้าที่ผ่านมาครับ ตอนนี้หอศิลปว่าจ้างผู้เชี่ยวชาญด้านการซ่อมแซมภาพเขียนมาจากอิตาลีก็เลยต้องค่อยๆทยอยย้ายรูปลงไปซ่อมที่ห้องด้านหลังครับ
พาผมไปที่ห้องนั้นหน่อย
(มีต่อจ้ะ)
จากคุณ :
ธามาดา
- [
1 ก.ค. 49 23:30:33
]