CafeTech-ExchangePantip MarketChatPantownBlogGangTorakhongGameRoom


    อุบัติ(สา)เหตุรัก (ตอน...ผมรักคุณ)

    “นี่ๆยัยพิม เมื่อเช้าฉันเจอเอกที่ห้องสมุดด้วยล่ะแล้วได้ไปกินข้าวเที่ยงกับเอกด้วย” ฉันบอกกับยัยพิมเมื่อเพื่อนรักของฉันเดินมานั่งที่เตียงในห้องหลังจากอาบน้ำเสร็จ ยัยพิมหันมามองฉันด้วยสายตาสงสัย ฉันก็เลยเล่าให้ฟังอย่างละเอียดเพราะว่าฉันกับพิมไม่มีอะไรปิดบังกันอยู่แล้ว

    “ฉันว่านะแกมันต้องเป็นพรหมลิขิตแน่ๆเลย ฉันกับเอกเลยได้เจอกันที่ห้องสมุดวันนี้อ่ะ” ฉันบอกพร้อมกับทำตาลอยด้วยความเพ้อฝัน พิมเห็นอาการของฉันก็หัวเราะออกมาเต็มเสียงจนฉันอดไม่ได้ที่จะค้อนไปทีหนึ่ง “เพ้อเจอ เพ้อฝันใหญ่แล้วแก แกนี่เพี้ยนจริงๆเลย” ยัยพิมบอกกับฉันพร้อมกับส่ายศีรษะอย่างระอาในความเพ้อฝันของฉัน แต่ฉันก็คิดของฉันอย่างนี้จริงๆนะ ก็ลองคิดดูสิปกติฉันออกจะขี้เกียจ ถ้าวันไหนมีเรียนสายหรือบ่ายฉันก็จะออกตอนใกล้ๆเวลาเพื่อที่ไปถึงแล้วจะได้เข้าห้องเรียนเลยไม่ต้องมานั่งรอ แต่วันนี้ทำไมฉันถึงได้ตัดสินใจไปนั่งอ่านหนังสือที่หอสมุดล่ะ ทุกคนรวมถึงยัยพิมด้วยอาจจะว่าฉันเพ้อเจ้อแต่ฉันเชื่อในเรื่องพรหมลิขิตนะ ไม่งั้นคนเราที่ไม่น่าจะมาเจอกันได้จะเจอกันได้ยังไงใช่มั้ย

    “เออแก เดือนหน้าที่คณะเราจะมีละครเวทีนะแกจะไปดูป่ะ ถ้าไปดูฉันจะได้จองที่เอาไว้ให้” พิมพูดขึ้นมาระหว่างที่ฉันกำลังนั่งคิดอะไรเพลินๆอยู่ ฉันกระพริบตาครู่หนึ่งเพื่อเรียกสติตัวเองกลับมา พร้อมกับที่สมองประมวลผลว่ายัยพิมพูดอะไรกับฉันเมื่อกี้นี้

    “อ๋อ เอาสิ ขอบคุณมากนะแก แล้วปีนี้คณะแกทำเรื่องอะไรล่ะ ใครเป็นพระเอกนางเอก” ฉันตอบรับยัยพิมไป เพื่อนคนนี้ช่างรู้ใจฉันเสียจริงๆ ไม่เสียดายที่คบมาเป็นเพื่อนตั้งนาน

    “ยังไม่รู้รายละเอียดเท่าไหร่ว่ะ เพราะฉันไม่ได้อยู่ในคณะทำงานด้วย แต่เท่าที่ได้ยินมาปีนี้จะเป็นแนวโรแมนติกคอมมีดี้นะ ส่วนพระเอกนางเอกนี่ยังไม่รู้เลยเพราะเขากะจะทำเซอร์ไพร้ส์คนดูน่ะ ให้ไปลุ้นเอาเองตอนวันแสดงจริง” พิมตอบคำถามของฉัน ซึ่งฉันต้องขอขอบคุณในคำตอบมากเพราะทำให้ฉันรู้อะไรเยอะขึ้นมากจริงๆ (ประชดนะย่ะ)
    “ขอบคุณมากเลยะแก คำตอบของแกเนี่ยทำให้ฉันรู้อะไรขึ้นเยอะเชียว” ฉันประชดออกไปอย่างที่ใจคิดด้วยความหมั่นไส้ “แกไม่ต้องมาประชดฉันเลยนะ ฉันอุตส่าห์เอามาบอกก่อน เพราะถ้าเกิดแกจะซื้อบัตรเองแกก็คงซื้อไม่ทันหรอก แกก็รู้อยู่ว่าละครเวทีคณะฉันนะบัตรขายหมดเร็วจะตาย ถ้าแกพูดมากล่ะก็เดี๋ยวให้ไปซื้อบัตรเองซะเลยนี่” ยัยพิมบ่นซะยืดยาว แต่ก็จริงของพิมมันที่บอกว่าบัตรละครเวทีของคณะมันเนี่ยขายหมดเร็ว ก็เป็นเพราะตัวเนื้อหาของละครเอง และที่สำคัญที่สุดก็คือตัวพระเอกของเรื่องพระเอกละครที่ผ่านมาของคณะนี้หน้าตาหล่อเหลาระดับไปเป็นดาราได้สบายๆ เอ...ว่าแต่ปีนี้ใครจะเป็นพระเอกล่ะเนี่ย เดาไม่ถูกเลยจริงๆ

    “เรื่องเอกที่แกเล่าให้ฟังน่ะ ฉันว่านะมันเป็นเรื่องบังเอิญว่ะ แกอย่าเพ้อให้มากเลย ระวังนะจะถลำไปลึก ถ้าเอกมันไม่คิดอะไรกับแกน่ะ” อยู่ๆพิมก็วกกลับมาคุยถึงเรื่องเอกที่พูดกันตั้งแต่ต้น เล่นเอาฉันงงไปสักครู่ก่อนที่จะตั้งตัวติดแล้วหันมาคุยกับมันได้

    “แกก็รู้ว่าฉันก็เพ้อไปอย่างนั้นแหละ ฉันก็แค่แอบปลื้มเขาที่หน้าตาดี เป็นสุภาพบุรุษก็เท่านั้นเอง” ฉันบอกให้พิมฟัง พร้อมกับเป็นการบอกกับตัวเองไปในตัวด้วยว่าฉันไม่ได้คิดอะไรกับเขาลึกซึ้งมากมายแค่แอบกรี๊ดแอบชื่นชมเขาเหมือนกรี๊ดเหมือนชื่นชมดาราหรือคนหน้าตาดีคนอื่นๆก็แค่นั้น

    “ก็ดีถ้าแกคิดแค่นั้นก็ดี แต่ถ้าเกิดมีวันหนึ่งแกเกิดอยากร้องไห้ขึ้นมาแกอย่าลืมนะว่าฉันยังอยู่ตรงนี้อยู่ข้างๆแกเสมอ ขอแค่แกหันมามอง” พิมเพื่อนรักของฉันพูดพร้อมกับจับมือฉันเอาไว้ ฉันส่งยิ้มขอบคุณกลับไปให้เพื่อนที่แสนดีคนนี้ หลายครั้งที่ฉันร้องไห้และก็ได้เพื่อนรักของฉันคนนี้แหละที่เป็นคนคอยปลอบฉันอยู่ข้างๆ


    “อ้าว! เอกมาทำไรที่นี่ละเนี่ย” ฉันทักเมื่อเปิดประตูห้องพักอาจารย์ที่ฉันเข้าไปส่งงานแล้วมาเจอกับเอกยืนอยู่หน้าห้องเตรียมตัวเคาะประตูบานที่ฉันเพิ่งเปิดออกมา เอกส่งยิ้มให้ฉันเหมือนเคย ยิ้มที่ทำให้หัวใจของฉันแทบจะละลาย อยากบอกเขาจังเลยว่าอย่ายิ้มอย่างนี้บ่อยๆได้มั้ย เดี๋ยวฉันก็หัวใจวายตายพอดี

    “เรามาพบอาจารย์เรื่องธุระนิดหน่อยน่ะ ไปก่อนนะ” เอกพูดจบก็เดินเข้าห้องพักอาจารย์ไป ฉันยืนงงอยู่สักพักก่อนออกเดินมาตามทางเพื่อไปหาเพื่อนที่นั่งรออยู่ที่ชั้นล่างของตัวอาคาร

    “มีนา มีนา” เสียงเรียกชื่อของฉันดังขึ้นจากด้านหลัง ฉันหันไปมองก็เจอเอกที่กำลังเดินเร็วๆตรงมาที่ฉันที่หยุดยืนอยู่หน้าลิฟท์ ฉันส่งยิ้มไปให้เขาก่อนจะถามเขาว่า “ทำไมเสร็จเร็วจัง”

    “ก็บอกแล้วไงว่าธุระนิดหน่อย ไม่ได้บอกว่าธุระเยอะนี่” เอกบอกพร้อมกับหัวเราะเบาๆ ฉันหัวเราะออกมากับคำพูดของเอก แล้วลิฟท์ก็มา เราสองคนเดินเข้าไปในลิฟท์ที่มีคนอยู่ก่อนแล้วสามคนซึ้งทั้งสามคนก็เป็นอาจารย์หมดเลยฉันกับเอกก็เลยไม่ได้พูดอะไรกันเพราะรู้สึกเกร็งๆเล็กน้อย

    “แล้วนี่มีนาจะไปไหนเหรอ” เอกถามเมื่อเราเดินออกมาจากลิฟท์ตัวนั้นแล้ว บรรยากาศข้างนอกลิฟท์ต่างจากข้างในอย่างลิบลับ เสียงคุยกันดังจ้อกแจ้กจอแจ “เราจะไปหาเพื่อนน่ะ เพื่อนเรานั่งรออยู่น่ะ แล้วเอกล่ะจะไปไหนต่อ” ฉันให้คำตอบเอก แล้วถามคำถามต่อด้วยเลย

    “เรากะว่าจะไปหาข้าวกินหน่อยน่ะ ไม่รู้ว่าที่นี่มีอะไรอร่อยกินบ้าง” เอกตอบ พอฉันได้ยินอย่างนั้นฉันก็เลยบอกกับเอกว่า “พอดีเลย เรากับเพื่อนกำลังจะไปกินข้าวเที่ยงกันพอดีเลย แต่เราขึ้นไปส่งงานอาจารย์ก่อนน่ะ เอกไปกับเรามั้ย” เอกทำหน้าคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะส่ายหน้าพร้อมกับบอกว่า “ไม่ดีกว่า มีนาไปกับเพื่อนเหอะ เดี๋ยวเราเดินดูเองก็ได้ หรือไม่ก็เดินกลับไปกินที่คณะ”

    “ไม่ได้ ไม่ได้ เอางี้ดีกว่าเดี๋ยวเราไปกินข้าวเป็นเพื่อนเอกละกัน เอกมาถึงถิ่นเราทั้งที ให้กลับไปกินที่คณะตัวเองได้ไง” ฉันบอกกับเอกหลังจากคิดอยู่ครู่หนึ่ง เอกกำลังอ้าปากจะปฏิเสธ ฉันก็รีบชิงพูดขึ้นมาก่อนว่า “ไม่ต้องปฏิเสธเลยเอก เราไปกินข้าวที่คณะเอกตั้งหลายทีแล้ว คราวนี้เอกมาที่นี่เราก็ต้องดูแลบ้างสิ ไม่งั้นใครรู้เข้าเสียชื่อคณะหมดเลย”

    “แล้วเพื่อนมีนาล่ะ” เอกถามขึ้นมาอย่างไม่แน่ใจ ฉันบอกกับเอกไปว่า “ไม่ต้องห่วง เพื่อนเราไม่ว่าอะไรหรอก” ‘เพื่อนเรามีแต่จะกรี๊ดกันล่ะไม่ว่าที่มีหนุ่มหล่อมาเยือน’ ฉันนึกในใจ เอกได้ยินอย่างนั้นก็เลยปฏิเสธไม่ได้ ฉันเลยบอกให้เอกรออยู่ตรงนี้ ฉันวิ่งไปบอกเพื่อนซึ่งเพื่อนของฉันก็ไม่ได้ว่าอะไรอย่างที่ฉันคิดเอาไว้แถมสนับสนุกอีกต่างหากแล้วก็วิ่งกลับมาหาเอกที่ยืนรออยู่ที่เดิม

    “ไปกันได้แล้ว เอกอยากกินอะไรล่ะ เราจะได้แนะนำได้ถูก” ฉันพูดพร้อมกับเริ่มออกเดินไปยังโรงอาหารโดยมีเอกเดินอยู่ข้างๆ “กินอะไรก็ได้ที่อร่อยๆน่ะ มีนาแนะนำสิ” เอกตอบ ฉันทำหน้าครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะบอกเอกว่า “งั้นกินผัดไทยดีกว่า ผัดไทยร้านนี้อร่อยเด็ดมาก ไม่รู้เอกกินได้รึเปล่า”

    “ทำไมจะกินไม่ได้ล่ะ เราก็คนนะ” เอกตอบ แล้วเราก็เดินมาถึงหน้าร้านขายผัดไทยเจ้าอร่อยที่มีคนยืนต่อคิวอยู่หน้าร้านสี่ห้าคน “สงสัยจะอร่อยจริงอย่างที่มีนาบอก” เอกพูดกับฉันเมื่อเห็นจำนวนคนที่ยืนรออยู่หน้าร้าน

    “อ้าว! หนูมีนาวันนี้พาใครมาด้วยจ้ะเนี่ย แฟนเหรอ ตาถึงนะเนี่ยเรา” ป้าเจ้าของร้านทักเมื่อถึงคิวของฉันกับเอก อยากเป็นอยู่เหมือนกันค่ะ ฉันนึกในใจแต่ในความเป็นจริงฉันกลับตอบไปอีกอย่าง เอกคงกลัวป้าเจ้าของร้านเข้าใจผิด เขาเลยรีบพูดขึ้นมาพร้อมฉันเลยว่า “เปล่านะค่ะ/ครับ เราเป็นเพื่อนกันเฉยๆ” พูดจบเราสองคนก็หันมองหน้ากันด้วยความแปลกใจ แต่สำหรับฉันแล้วนอกจากความแปลกใจยังมีความรู้สึกแปลกๆอีกต่างหาก ความรู้สึกที่ไม่อยากได้ยินคำปฏิเสธอย่างนี้ออกมาจากปากเอกเลย เมื่อได้ยินแล้วมันรู้สึกเจ็บนิดๆอยู่ข้างในยังไงไม่รู้

    “นี่ขนาดไม่ได้เป็นแฟนกันนะเนี่ย ยังพร้อมใจกันตอบขนาดนี้แล้วถ้าเป็นแฟนกันล่ะจะขนาดไหน” ป้าเจ้าของร้านยังแซวไม่เลิก ฉันเลยต้องรีบอธิบายต่อเพราะกลัวเอกจะอึดอัดใจมากไปกว่านี้ “บังเอิญน่ะค่ะป้า เขาเป็นเพื่อนของพิมเพื่อนหนูไงคะ ป้าจำพิมได้มั้ยคะ” ฉันถามกลับไปเพื่อต้องการเปลี่ยนหัวข้อสนทนา โชคดีนะที่ตอนนี้ร้านของป้าไม่มีลูกค้าอื่นแล้วนอกจากฉันกับเอกที่ยืนอยู่หน้าร้านสองคนเท่านั้น คงเป็นเพราะตอนนี้เลยเวลาเที่ยงมาพอสมควรแล้ว ไม่อย่างนั้นทั้งฉันทั้งเอกคงโดนสายตาพิฆาตจากบรรดาลูกค้าทั้งหลายของป้าแน่ๆเลย การเปลี่ยนเรื่องคุยของฉันท่าจะได้ผลเพราะป้าเจ้าของร้านร้องอ๋อขึ้นมาเมื่อนึกถึงยัยพิมออก แล้วก็หันมาถามรายการอาหารของเราสองคน จากนั้นก็หันไปจัดการตามรายการอาหารที่ได้รับมา

    “ต้องขอโทษเอกด้วยนะ ที่เมื่อกี้ป้าเขาเข้าใจผิดน่ะ” ฉันบอกกับเอกเมื่อเรานั่งลงที่โต๊ะว่าง เอกส่งยิ้มละลายหัวใจมาให้ฉันก่อนที่จะพูดว่า “ไม่เป็นไรหรอก ดูท่ามีนาคงจะสนิทกับป้าเจ้าของร้านพอสมควรเลยนะเนี่ย” ฉันพบักหน้ารับ “ก็เราเป็นลูกค้าประจำของป้าเขาน่ะ เอกลองชิมดูดิว่าอร่อยสมกับที่เราบอกรึเปล่า” เมื่อได้ฟังอย่างนั้นเอกก็ก้มลงตักผัดไทยหน้าตาน่าทานเข้าปากตามคำบอกของฉัน ช่างเป็นคนว่านอนสอนง่ายอะไรอย่างนี้

    “อืม...อร่อย” เอกบอกกับฉันแล้วเราสองคนก็ก้มหน้าก้มตาทานผัดไทยเจ้าอร่อยจนหมดจาน เมื่อหมดจานแล้วเอกก็ขอตัวกลับไปที่คณะเพราะใกล้จะได้เวลาเรียนของเขาแล้ว ส่วนฉันก็ต้องไปเรียนเหมือนกัน วันนี้ฉันรู้สึกว่าผัดไทยเจ้าอร่อยของฉันจะอร่อยมากขึ้นเป็นพิเศษ


    “พิมวันนี้ฉันได้ไปกินข้าวกับเอกอีกแล้วล่ะแก” ฉันบอกกับพิมเมื่อฉันเจอพิมที่จอดรถมอเตอร์ไซค์ในตอนเย็นเพื่อที่จะกลับห้องพร้อมกัน

    “ดูจะก้าวหน้ามากขึ้นแล้วนี่แก นี่แกกินข้าวกับเอกไปกี่มื้อแล้วล่ะ” พิมถาม ฉันทำหน้านึกระหว่างที่มือก็จัดการกับเจ้าหมวกกันน็อกที่อยู่บนศีรษะให้เข้าที่ “ไม่รู้ว่ะ ไม่ได้นับ แต่ไม่เยอะเท่าไหร่หรอก”

    “ไม่เยะเท่าไหร่ของแกเนี่ย แต่มันเยอะสำหรับเอกนะ เพราะปกติมันไม่ค่อยจะสุงสิงกับผู้หญิงสักเท่าไหร่ ยิ่งต่างคณะยิ่งไม่ต้องพูดถึง” พิมพูดถึงข้อสังเกตของมันให้ฉันฟัง คำพูดของพิมทำให้ฉันรู้สึกดีใจยังไงบอกไม่ถูกรู้แต่ว่าดีใจ แต่ไม่รู้หรอกว่าด้วยสาเหตุอะไร แต่แล้วมันก็ความรู้สึกนั้นก็จางหายไปเมื่อคำพูดที่เอกพูดกับป้าร้านผัดไทยลอยขึ้นมาในความคิด ‘เปล่าครับ เราเป็นเพื่อนกันเฉยๆ’ ฉันรีบสะบัดหน้าเพื่อไล่ความคิดฟุ้งซ่านของตัวเองให้ออกไปจากหัว ตอนนี้ฉันยังไม่อยากรู้ว่าเจ้าความรู้สึกดีใจเมื่อได้ยินคำพูดของพิมกับความรู้สึกเสียใจที่พอได้ยินคำพูดของเอกนั้นมันเกิดมาจากสาเหตุอะไร เพราะฉันไม่รู้ว่าตัวเองนั้นพร้อมสำหรับคำตอบนั้นแล้วหรือยัง แล้วเราก็ออกจากมหาวิทยาลัยเพื่อกลับหอตามปกติ

    จากคุณ : Crystal Star - [ 3 ก.ค. 49 16:47:32 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | PanTown.com | BlogGang.com