ร่างบางที่เดินลงมาจากบันไดโค้งครึ่งวงกลมลงมาในห้องรับแขกนั้น ตกแต่งด้วยเครื่องแต่งกายที่งามหรูหรา สวยงามราคาแพง ผมถูกเกล้าขึ้นสูงเป็นมวยดูน่ารัก หากใบหน้าที่ควรสดชื่นแจ่มใสนั้นเล่ากลับดูหมองเศร้าเหมือนคนอมทุกข์หนักอยู่ตลอดเวลา เมื่อหยาดรุ้งมองไปเห็นบิดามารดาผู้อาวุโสของเทพพงศ์ที่จิรภัทรเชิญมาเป็นแขกของตัวเอง ก็จำต้องแย้มยิ้มเพื่อรักษาหน้า ไม่ให้พี่ชายต้องอับอายอย่างสุดความสามารถ
สวยขึ้นกว่าวันก่อนที่แม่เห็นตั้งเยอะแน่ะ ลูกรุ้ง คุณหญิงอารีย์เข้ามาประคองใบหน้านวลไว้ในมือแล้วเขย่งปลายเท้าขึ้นหอมแก้มซ้ายขวาอย่างสนิทสนม พี่เทพเขารอรุ้งอยู่แน่ะ ว่าจะชวนไปทานอาหารเย็นที่บ้านตั้งแต่เมื่อวาน แต่เห็นเขาบอกว่ารุ้งไม่ว่าง วันนี้ภัทรก็เลยชวนให้แม่มาทานข้าวเย็นที่นี่แทน
ค่ะ ว่าที่ลูกสะใภ้ตอบสั้นๆ
ไปนั่งข้างเทพสิจ๊ะ... จะหมั้นกันอยู่อีกไม่กี่วันแล้ว
ครั้นเมื่อหล่อนเดินเหมือนหุ่นไร้ชีวิตไปหาเทพพงศ์ พี่ชายคนดีก็แทรกขึ้นมาด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล หากแกมเป็นคำสั่งอยู่ในทีว่า
รุ้งพาเทพไปนั่งในสวนหน้าบ้านเราสิ พี่กับคุณน้าจะได้คุยธุระของผู้ใหญ่กัน
ธุระของผู้ใหญ่... คนฟังนึกในใจอย่างยอกแสลง... ธุระที่ผู้ใหญ่รวมหัวกันเพื่อจะรังแกเด็กไม่มีทางสู้อย่างหล่อนน่ะหรือ?
ไปเถอะครับ รุ้ง... พี่ภัทรเล่าให้ฟังว่าซื้อปลาคาร์ฟพันธุ์หายากมาจากญี่ปุ่น เพิ่งปล่อยลงไปเลี้ยงในสระ ผมอยากเห็นจังเลยว่าจะสวยแค่ไหน
หยาดรุ้งลอบถอนหายใจด้วยความเบื่อหน่าย หากก็ยอมเดินนำว่าที่คู่หมั้นของตัวเองไปยังสระน้ำหน้าบ้านที่เลี้ยงปลาหายากเอาไว้ดูเล่นแต่โดยดี หันไปมองด้านหลังก็เห็นแต่สายตาดุของพี่ชายที่มองมาคล้ายจะปรามบังคับ
อย่าทำอะไรให้พี่ต้องเสียหน้า
ฮึ... บางครั้ง...หล่อนก็นึกอยากทำ... ทำให้เสียหน้าจนต้องเอาปี๊บคลุมหัวเดินไปตลอดเมืองเลย
มันคงจะน่าสนุกดีพิลึก
วัช ลงมาทานข้าวได้แล้ว ข้าวหุงเสร็จแล้ว
เสียงตะโกนเรียกของนลินดังลั่นบ้านกลบเสียงโทรทัศน์ที่เปิดทิ้งไว้เพื่อดูรายการโปรดตอนเที่ยงวัน แดดลำเล็กๆ ส่องเข้ามาตามกระจกที่เปิดแง้มไว้เล็กน้อยให้อากาศระบายเข้าออก ลมเย็นๆ วิ่งฉิวผ่านจากหลังบ้านที่เป็นทุ่งหญ้าคาโล่งทำให้บรรยากาศในบ้านไม่ร้อนอบเหมือนกับบ้านที่อยู่ในเมืองใหญ่หลังอื่น หญิงสาววางจานกับข้าวลงบนโต๊ะอาหาร ก่อนจะเดินขึ้นบันไดไปตามหาน้องชาย ที่ยังอยู่ในห้องเงียบกริบ ไม่ยอมส่งเสียงตอบ
มือเรียวบางยกขึ้นเคาะบานประตูไม้สองสามครั้ง ก่อนจะถือวิสาสะเปิดเข้าไปโดยไม่รอคำอนุญาต ในห้องที่สว่างเพราะแสงจากด้านนอกส่องเข้ามานั้น มีร่างของธีรวัชนั่งอยู่บนเก้าอี้ข้างโต๊ะทำงาน และลงมือร่างแบบงานของตัวเองอย่างขะมักเขม้น
ทำอะไรอยู่เหรอวัช?
โปรเจคครับ ผมรับมาทำเสริมนอกจากงานปกติ คนเป็นน้องตอบ แล้วทำงานของตัวเองต่อไปอย่างมุ่งมั่น จนคล้ายว่าจะลืมเวลา ที่เคลื่อนผ่านไปอย่างรวดเร็ว
นลินถอนหายใจเบาๆ ด้วยความสงสาร... หลังจากวันที่จิรภัทรตามมาหาน้องสาวถึงที่บ้าน ธีรวัชก็เปลี่ยนไปยิ่งกว่าเดิม เคร่งเครียดและมุ่งมั่นจนร่างกายซูบซีดผ่ายผอม บางครั้งดึกดื่นหล่อนตื่นขึ้นมาดื่มน้ำด้านล่างก็ยังเห็นไฟในห้องเล็กเปิดไว้สลัวๆ พร้อมกับเสียงเคลื่อนไหวก๊อกแก๊กเบาๆ เป็นสัญญาณบอกว่าเจ้าของห้องที่อยู่ด้านในยังไม่ได้หลับไม่ได้นอน
ลงไปทานข้าวก่อนเถอะไป พี่เตรียมไว้ให้เสร็จเรียบร้อยแล้ว
ประเดี๋ยวผมตามลงไปครับพี่ลิน ขอแก้งานตรงนี้อีกนิดหนึ่งก่อน จะได้เสร็จเสียที พรุ่งนี้จะเอาไปส่งให้กับนายจ้าง งานนี้ได้ตั้งหลายหมื่นแน่ะ
โอ้โฮ พี่สาวเบิกตา... หลายหมื่น...หลายหมื่นเลยหรือ ทำไมหล่อนไม่ยักทราบแม้สักนิดว่างานที่น้องชายของตัวเองทำนั้นมันทำให้มีรายได้มากมายขนาดนี้ นอกจากเงินเดือนประจำที่ธีรวัชได้รับ รวมกับเงินรายได้เสริมพวกนี้ มันก็คงจะพอเพียงแน่สำหรับการเลี้ยงดูใครสักคน... หากผู้หญิงคนนั้นจะไม่ใช่หยาดรุ้ง อัสสดาวงศ์ ที่มีทรัพย์สินส่วนตัวมากมายหลายร้อยล้านคนนั้น
ถ้าอย่างนั้นเดี๋ยวพี่ลงไปรอด้านล่างนะ...วัชค่อยตามลงไปทีหลังก็แล้วกัน
ครับ
นลินปิดประตูตามหลังตัวเองอย่างเงียบเชียบ แล้วค่อยๆ เดินลงจากบันไดด้วยทีท่าเหม่อลอย ใจนึกกระหวัดห่วงไปถึงน้องชายที่อยู่ด้านใน.... นึกถึงสีหน้าโทรมซูบนั้นแล้วไม่สบายใจขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก
ถึงแม้การทำงานหนักจะทำให้ธีรวัชร่ำรวย และมีหลักมีฐานน่าเชื่อถือในวงสังคม แต่การมีเงินทองมีหลักมีฐานนั้นจะทำให้มีความสุขได้อย่างไร ในเมื่อแม้แต่หน้าตาก็หม่นหมองจนแทบจะไม่เหลือเค้าสดชื่นแจ่มใสที่เคยเป็นเมื่อครั้งก่อนอยู่เลย
หล่อนอยากให้น้องชายที่ตัวเองรักมีความสุข....แต่ก็มองไม่เห็นทาง ว่าธีรวัชจะไขว่คว้าหาความสุขนั้นมาสู่ตัวเองได้ด้วยวิธีไหน ในเมื่อเงาครึ้มทะมึนของผู้ชายที่ชื่อจิรภัทร อัสสดาวงศ์ ได้ตระหง่านกั้นขวางไว้เสียหมดสิ้นแล้ว
(มีต่อ)
จากคุณ :
พิณณ์อวี
- [
3 ก.ค. 49 23:26:06
]