แปลจากเรื่อง Allan Quatermain ของ SIR HENRY RIDER HAGGARD
บทที่ ๘
อัลฟองเซ อธิบาย
แล้วการต่อสู้ก็ยุติลง เบือนหน้าหนีมาจากภาพอันน่าสยดสยองในทันใดข้าพเจ้านึกขึ้นมาได้ว่าไม่เห็นอัลฟองเซมายี่สิบนาทีแล้ว---การต่อสู้ครั้งนี้ใช้เวลาบรรยายนานมาก แต่ในความจริงแล้วใช้เวลาไม่นานเลย---เมื่อข้าพเจ้าถูกบังคับให้กระทุ้งเขาด้วยด้ามปืนจนเกือบจะถูกยิง กลัวว่าชายร่างเล็กที่น่าสงสารจะตายในการต่อสู้ ข้าพเจ้าค้นหาไปตามซากศพของคนตายเพื่อหาร่างของเขา แต่ไม่เห็นหรือว่าได้ยินสิ่งใดเลย ข้าพเจ้าสรุปเอาว่าเขาน่าจะยังมีชีวิตอยู่จึงเดินไปข้างค่ายพักตรงที่เราซุ่มอยู่ในตอนแรก แล้วร้องเรียกชื่อเขา ที่ตรงนี้ห่างออกไปสิบห้าก้าวจากค่ายพักมีต้นไทรเก่าแก่มากขึ้นอยู่ มันเก่าแก่มากจนลำต้นภายในผุพังไปหมดแล้วเหลือแต่เปลือกหุ้มอยู่
อัลฟองเซ ข้าพเจ้าตะโกนเรียกขณะเดินไปตามกำแพง อัลฟองเซ
โอ นายท่าน มีเสียงตอบกลับมา ผมอยู่ตรงนี้
ข้าพเจ้ามองไปรอบ ๆ แต่ไม่เห็นใครสักคน อยู่ที่ไหน ? ข้าพเจ้าร้องเรียก
ผมอยู่ตรงนี้นายท่าน ในต้นไม้
ข้าพเจ้ามองหา และตรงนั้นจ้องออกมาจากโพรงของต้นไทรลึกลงไปห้าฟุตจากพื้นดิน ข้าพเจ้ามองเห็นใบหน้าขาวซีดพร้อมกับหนวดหนึ่งคู่ ข้างหนึ่งถูกตัดจนสั้นอีกข้างหนึ่งบิดเบี้ยวเหมือนกับหางของหมาจูแรกเกิด และนั่นเป็นครั้งแรกที่ข้าพเจ้าได้รู้สิ่งที่สงสัย ว่าอัลฟองเซเป็นคนขี้ขลาดอย่างที่สุด ข้าพเจ้าเดินไปที่เขา ออกมาจากรูได้แล้ว ข้าพเจ้าพูด
มันจบแล้วหรือ ? เขาถามอย่างกังวล จบเรียบร้อยหรือยัง ? มันช่างน่ากลัวเหลือเกิน ผมสวดภาวนาอย่างที่สุด !
ออกมาได้แล้ว เจ้าตัวร้าย ข้าพเจ้าพูดไม่รู้สึกเห็นใจเขาเลย จบเรื่องกันแล้ว
ถ้าอย่างนั้นนายท่าน การอ้อนวอนของผมก็ได้ผล ? ผมจะออกไปแล้ว แล้วเขาโผล่ออกมา
ขณะที่เราเดินมาด้วยกันเพื่อรวมตัวกับคนอื่น ที่รวมกันอยู่เป็นกลุ่มหน้าทางเข้าค่ายพักซึ่งตอนนี้กลายเป็นที่เก็บศพ นักรบมาไซคนหนึ่งที่หนีออกมาหลบซ่อนตัวอยู่ใต้พุ่มไม้กระโดดขึ้นมาในทันทีแล้วปรี่เข้ามาหาเราด้วยความโกรธแค้น อัลฟองเซวิ่งเผ่นหนีพร้อมกับส่งเสียงโหยหวนด้วยความหวาดกลัว นักรบมาไซควบตามไปข้างหลังตั้งใจจะแก้แค้นก่อนตาย เขาจะไล่ทันชาวฝรั่งเศสร่างเล็กในไม่ช้า และคงจัดการกับเขาได้ตรงนั้น ถ้าข้าพเจ้าไม่ส่งลูกกระสุนเข้าไปที่ไหล่อันกว้างใหญ่ของนักรบ ขณะที่อัลฟองเซเร่งฝีเท้าเป็นสองเท่าอย่างสิ้นหวังที่จะหลบหลีกคมหอกที่ส่องประกายวาบอยู่ข้างหลังในระยะหนึ่งหลา ผลการยิงเป็นที่น่าพอใจช่วยชาวฝรั่งเศสเอาไว้ได้ แต่ว่าในทันทีนั้นเข้าสะดุดล้มแผ่ไปกับพื้นและร่างของนักรบมาไซล้มคว่ำลงไปทับอยู่บนร่างเขาพร้อมกับดิ้นกระตุกอย่างรุนแรงด้วยอาการของคนใกล้ตาย พร้อมกันนั้นมีเสียงร้องอย่างโหยหวนดังขึ้นมาข้าพเจ้าจึงสรุปเอาว่าก่อนที่จะตายคนป่าเถื่อนคงแทงอัลฟองเซผู้น่าสงสาร ข้าพเจ้ารีบวิ่งเข้าไปดึงร่างของชาวมาไซออกมาเบื้องใต้เป็นร่างของอัลฟองเซมีเลือดท่วมตัว ร่างกายของเขาสั่นกระตุกเหมือนกับซากกบที่ถูกจี้ด้วยไฟฟ้า ชายผู้น่าสงสาร ! ข้าพเจ้าคิดในใจ เขาจบชีวิตลงแล้ว คุกเข่าลงข้างตัวเขาข้าพเจ้าตรวจหาบาดแผลของเขาเท่าที่ร่างสั่นกระตุกอยู่จะยอมให้ทำได้
โอห์ รูที่หลังของผม เขาแผดเสียงขึ้นมา ผมถูกฆ่า ผมตายแล้ว โอห์ แอนเน็ต !
ข้าพเจ้าตรวจหาอีกครั้ง แต่ไม่พบบาดแผล ทันใดความเป็นจริงก็บังเกิดกับข้าพเจ้า ชายคนนี้หวาดกลัวไม่ได้บาดเจ็บ
ลุกขึ้น ข้าพเจ้าตะโกนใส่ ลุกขึ้น แกไม่ละอายใจบ้างเลยหรือ ? แกไม่โดนอะไรเลย !"
ด้วยเหตุนั้นเขาจึงลุกขึ้น ไม่มีบาดแผลสักนิดเดียว แต่ว่านายท่านผมคิดว่าผมโดนแทง เขาพูดแก้ตัว ผมไม่รู้สักนิดว่าพิชิตมันได้ จากนั้นเตะไปที่ร่างของนักรบมาไซ กล่าวสำรากเสียงแสดงความมีชัยออกมา เจ้าหมาดำป่าเถื่อน แกตายแล้ว นี่ไงผู้ชนะ
น่ารังเกียจอย่างที่สุด ข้าพเจ้าทิ้งให้อัลฟองเซดูแลตัวเองเดินไปรวมตัวกับคนอื่นตรงทางเข้าค่ายพัก แต่ว่าเขาก็ตามมาเหมือนกับว่าเป็นเงา สิ่งแรกที่ข้าพเจ้าเห็นคือคุณแมคเคนซี่นั่งอยู่บนก้อนหินใช้ผ้าเช็ดหน้ามัดไปที่ขาอ่อนซึ่งมีเลือดไหลออกมาจากบาดแผลถูกหอกแทงจนทะลุ และในมือยังถือมีดล่าสัตว์เล่มโปรดซึ่งตอนนี้โค้งงอจนแทบจะหัก ซึ่งข้าพเจ้าทราบมาว่าเขาประสบชัยชนะในการต่อสู้อย่างอุตลุดกับเจ้านักรบมาไซ
อาห์ ควอเตอร์เมน เขาร้องออกมาด้วยเสียงตื่นเต้นสั่นสะท้าน ในที่สุดเราก็ได้ชัยชนะ แต่มันเป็นภาพที่น่าเสียใจ น่าเสียใจเหลือเกิน จากนั้นเขาพูดเป็นภาษาสก็อตแล้วมองไปที่มีดงอในมือ ผมขมขื่นใจอย่างเหลือเกินที่มีดเล่มงามของผมต้องบิดงอไปเพราะทรวงอกของคนเถื่อน แล้วเขาหัวเราะอย่างคนเสียสติ ชายที่น่าสงสาร บาดแผลที่เขาได้รับและความตื่นเต้นจากการฆ่าฟันกันมันสั่นประสาทเขามากเกินไปอย่างไม่ต้องสงสัย มันสาหัสอย่างเหลือเกินสำหรับคนรักสงบและจิตใจดีอย่างเขาต้องเข้ามาร่วมฆ่าฟันกันอย่างสยดสยอง แต่ที่นั่นชะตากรรมบางครั้งก็ผลักดันพวกเราให้อยู่ในสภาพอันน่าขบขัน
ที่หน้าทางเข้าค่ายพักภาพที่ได้เห็นแตกต่างออกไป ตอนนี้การฆ่าฟันกันยุติลงแล้ว คนบาดเจ็บได้รับการปลดเปลื้องให้พ้นจากความทรมานเพราะไม่มีการจับเป็นเชลย พุ่มไม้ที่นำมาใช้เป็นเครื่องกีดขวางถูกเหยียบจนราบ และแทนที่พุ่มไม้เป็นร่างคนตายเรียงซ้อนทับถมกันอยู่ คนตาย ทุกหนแห่งมีแต่ร่างคนตายพวกเขานอนรวมกันเป็นกระจุก กระจัดกระจายกันไปคนหนึ่งบ้างสองคนบ้างอยู่ทุกหนแห่งของพื้นที่ว่าง ช่างเหมือนกับคนที่นอนอยู่บนสนามหญ้าในสวนสาธารณะของกรุงลอนดอนในวันที่ร้อนเป็นพิเศษของวันอาทิตย์ในเดือนสิงหาคม ตรงหน้าปากทางเข้าแห่งนี้ตรงพื้นที่ว่างซึ่งร่างของคนตายได้ถูกนำออกไปพร้อมกับโล่และหอกที่ถูกทิ้งอยู่อย่างกระจัดกระจายทั่วไปหมดไม่ว่าจะเป็นร่วงลงมาจากมือของผู้ตายหรือถูกโยนทิ้งโดยเจ้าของ ผู้ที่รอดจากการต่อสู้อันสยดสยองครั้งนี้ยืนและนอนกันอยู่ และที่เบื้องเท้าของพวกเขาเป็นผู้ที่ได้รับบาดเจ็บสี่คน พวกเราเข้าต่อสู้ด้วยจำนวนสามสิบคน จากสามสิบคนมีผู้รอดชีวิตเพียงสิบห้าคน และในจำนวนนี้ห้าคนได้รับบาดเจ็บ (รวมคุณแมคเคนซี่ด้วย) สองคนได้รับบาดเจ็บอย่างสาหัส สำหรับผู้ที่ยึดพื้นที่ตรงปากทางเข้าเคอร์ตีสกับขุนขวานซูลูรอดเพียงสองคนเท่านั้น กัปตันกู๊ดสูญเสียไปห้าคนถูกฆ่าตาย ส่วนของข้าพเจ้าสองคนถูกฆ่าตาย สำหรับคุณแมคเคนซี่ไม่น้อยกว่าห้าคนจากหกคนที่ไปกับเขา สภาพของผู้ที่รอดชีวิตยกเว้นข้าพเจ้าที่ไม่ได้เข้าร่วมตะลุมบอน แดงเถือกตั้งแต่หัวจรดเท้า---ชุดเกราะของเซอร์เฮนรี่ถูกย้อมด้วยสีแดงนั้น---หมดสิ้นเรี่ยวแรงอย่างที่สุด ยกเว้นอัมสโลโปกาสผู้ซึ่งยืนอยู่อย่างถมงทึงบนเนินเล็ก ๆ เหนือซากร่างของคนตายที่กองทับถมกันอยู่ ยืนพิงตัวเหมือนเช่นเคยด้วยขวานของเขา ดูเหมือนกับว่าไม่ได้รับความยากลำบากแต่อย่างใด แม้ว่าผิวหนังที่ปกคลุมหลุมบนหัวของเขาจะเต้นระริกอย่างรุนแรง
จากคุณ :
Sv
- [
4 ก.ค. 49 21:25:53
]