CafeTech-ExchangePantip MarketChatPantownBlogGangTorakhongGameRoom


    [เรื่องสั้นคั่นบรรยากาศ] ทางเดินบนดวงดาวสีฟ้า : ตอน ที่แห่งอดีต (ในวัน 14 ตุลา)

    ตอน ที่แห่งอดีต


              "นี่ เธอส่งเด็กวัยรุ่นที่พยายามจะฆ่าตัวตายเป็น
    ร้อยครั้งนั่นไปไว้ห้องไหน"


            เสียงใสๆในเครื่องแบบสีขาวบริสุทธิ์ร้องถามหญิง
    สาวตรงหน้า ที่กำลังง่วนกับการจัดเรียงแคปซูลเม็ดเล็กๆ
    ลงในถ้วยยาสำหรับคนไข้ในวันนี้


            "ห้อง 401" คนถูกถามตอบขึ้นมาเบาๆ

       
            "จะคุยกันรู้เรื่องเหรอนั่น กับอีกคนนั่นน่ะ มีหวังจะ
    คลั่งอยากตายหนักกว่าเดิม"


           อีกฝ่ายทำหน้างงงวยสงสัย ต่างจากหญิงสาวที่เพิ่ง
    ตอบคำถามเมื่อครู่ ที่ได้แต่ยิ้มละไมเป็นการตอบบท
    สนทนา


                      ------------------------------

        สายลมบริสุทธิ์พัดลอยมาจนผ้าม่านสีขาวในห้องโบก
    สะบัด เธอเหม่อมองออกไปจนไกลสุดสายตา หรี่ตา
    มองออกมาจากตึกสูงไปยังเหล่าตึกระฟ้าเบื้องหน้า ภายใต้
    ท้องฟ้าที่กว้างใหญ่แห่งนี้ กลับไม่มีบ้านให้เธอกลับไปอีก
    ต่อไปแล้ว


        "ปล่อยฉันสิ ฮือๆๆๆๆ พาฉันมาที่นี่ทำไม ทำไมไม่
    ปล่อยให้ฉันตายไปซะเล่า"


        เสียงกรีดร้องดังแทรกไอสงบที่เคยอบอวลอยู่ในห้อง
    ไม่นานนักประตูห้องก็ถูกเปิดผางออกมาพร้อมๆกับนาง
    พยาบาลและบุรุษพยาบาลในชุดขาวที่พากันกึ่งลากกึ่งจูง
    เด็กสาวที่มีเค้าของความสดสวย แต่เปรอะเปื้อนไปด้วย
    คราบน้ำตาและสายตาที่มีแววความเกลียดชังคนทั้งโลก


        เธอถูกจับมัดลงกับเตียง ไม่นานนักก็ถูกฉีดยากล่อม
    ประสาทให้หนึ่งเข็ม จึงทำให้อาการทุกอย่างสงบลงได้


       "ฝากหน่อยนะป้า ไม่รู้ทำไมถึงอยากจะตายนัก" บุรุษ
    พยาบาลที่คุ้นตาหันมายิ้มกว้างให้เธอ ก่อนที่จะพากันเดิน
    จากไป


       ร่างบอบบางที่ถูกมัดแน่นไว้กับเตียงเมื่อสิ้นฤทธิ์ ก็ได้
    แต่เปล่งเสียงร่ำไห้และถอนสะอื้นมาไม่ขาดระยะ ไม่สนใจ
    แม้กระทั่งว่าจะมีใครอีกคนที่นั่งร่วมกันอยู่ในห้องนั้น


       "เจ็บมากไหม"


        หญิงสาวสูงวัยพูดขึ้นก่อน พลางพยายามพาสังขารตัว
    เองมาที่ขอบเตียงของเด็กสาว เพื่อที่จะปลดพันธนาการให้


       "หนูอยากตาย" เสียงนั้นพูดออกมาเป็นคำแรกก่อนที่จะ
    ร้องไห้หนักขึ้น "ทำไมถึงไม่มีใครยอมให้หนูตายไปซะ หนู
    อยากตาย"


       "นี่ชั้น 7" คนที่ได้แต่นั่งฟังพูดขึ้นช้าๆ "เหล็กที่กั้นไว้สูง
    หน่อย แต่ถ้าปีนดีๆก็กระโดดลงไปได้ไม่ยาก"


       ขาดคำหล่อน หญิงสาวอ่อนวัยก็ทำท่าจะหยัดตัวลุกขึ้น
    อีกครั้ง แต่ด้วยฤทธิ์ของยาเมื่อครู่ ทำให้หล่อนต้องล้มตัว
    ลงนอนต่ออย่างช่วยไม่ได้


       "ทำไมถึงอยากจะตายนักนังหนู อายุยี่สิบรึยังล่ะเรา"


       "17 จ้ะ" หล่อนตอบเสียงสะอื้น "แฟนหนูเขาทิ้งหนูไป
    กับอีนังเมียใหม่ ขนาดหนูบอกมันว่าหนูจะฆ่าตัวตาย มันยัง
    ไม่กลับมาดูดำดูดี มัวไปพะนอลูกใหม่เมียใหม่มัน หนู
    อยากจะตาย อยากจะตายให้เป็นแผลอยู่ในใจมันบ้าง ให้
    มันเจ็บไปจนตาย ให้เมียใหม่มันลูกมันเจ็บไปจนตายด้วย"


       เสียงนั้นประกาศกร้าวอย่างเจ็บแค้นพร้อมๆกับก้อน
    สะอื้นที่ถูกปลดปล่อยตามมา


       "หนูขาดเขาหนูก็ไม่เหลือใครอีกแล้ว ไม่เหลือใครอีก
    แล้ว หนูอยากตาย"


       "ตกลงเอ็งอยากตายเพราะอยากแก้แค้นเค้า หรือเพราะ
    รักเค้ากันแน่วะ"


        หญิงสูงวัยถามด้วยน้ำเสียงที่บ่งชัดถึงความไม่เข้าใจ
    พร้อมขมวดคิ้วยุ่ง


         "โอ๊ยยย ป้าจะไปเป็นบ้าที่ไหนก็ไปเถอะ หนูอยาก
    ตายเข้าใจมั๊ย อย่ามายุ่งกับหนูเลย ฮือๆ หนูไม่ได้บ้านะ
    หนูแค่อยากจะตาย แค่อยากจะตาย"


             เสียงนั้นตวาดแว้ดขึ้นมาอีกครั้งพร้อมทั้งปล่อยโฮ
    เสียงดังขึ้นกว่าเดิม มีเพียงหญิงชราที่ถูกขับไล่ไสส่งที่ได้
    แต่ยิ้ม


          "ก็เห็นว่าคนถูกส่งมาที่นี่ก็บอกว่าตัวเองไม่บ้าสักคน
    นี่มันโรงบาลบ้านี่หว่า" เสียงแหบแห้งของคนสูงวัยยังคงต่อ
    ความอย่างไม่เข้าใจ


         "เออ เอ็งมีแรงแล้วก็รีบๆตายไปซะก็ดี ข้าจะได้อยู่
    สงบๆคุยกับเพื่อนข้า"


            ขาดคำหล่อน เด็กสาวบนเตียงก็ต้องเป็นฝ่ายขมวด
    คิ้วบ้าง


           "เพื่อน? ที่ไหนป้า"


           "ที่นี่" หญิงชราใช้นิ้วชี้ชี้ไปในศีรษะสีดอกเลาของตัว
    เอง


          "ฮะๆ ป้านี่ท่าจะบ้าจริงๆ" เด็กสาวหัวเราะเสียงใสทำ
    เอาหญิงชราถึงกับหรี่ตามองอย่างขุ่นเคือง


       "เออ ไม่มีใครเข้าใจหรอก ยิ่งเด็กรุ่นใหม่มันจะไปเข้าใจ
    อะไร ความเจ็บปวดสูญเสียเล็กน้อยยังทนไม่ได้เลย ที่ข้า
    มาอยู่ที่นี่เพราะไม่อยากจะออกไปอยู่ในเมืองที่ข้าไม่รู้จัก
    หรอกโว้ย เมืองบ้าๆที่ตกเป็นเมืองขึ้นของไอ้พวกฝรั่งมังค่า
    และพวกยุ่นกันหมด พวกเอ็งเสียเอกราชไปยังทนได้
    แปลกใจว่ะ ทำไมกับอีแค่สูญเสียเล็กๆน้อยๆอย่างเอ็งถึง
    จะทนไม่ได้ขึ้นมาซะอย่างนั้น ความตายน่ะ มันมีค่ากว่าที่
    เอ็งคิดไว้เยอะนักนังหนู โอ๊ย ข้าล่ะเห็นเด็กอย่างพวกแกใช้
    ชีวิตแล้ว อยากจะเดินเข้าไปตบมันให้กบาลแยกเรียงตัว
    เลยทีเดียว รู้ไหมว่ามีกี่ร้อยกี่พันกี่หมื่นชีวิตที่สละแลกทุกๆ
    อย่างมาให้พวกเอ็งจนทุกวันนี้ ยังไม่สำนึก"


              -------------------------------------


       "เป็นยังไงบ้างคะ" พยาบาลพิเศษร้องถามหญิงสาววัย
    17 ด้วยน้ำเสียงแจ่มใส ขณะเดินประกบหล่อนลงมาเดิน
    เล่น ณ สวนเขียวชะอุ่นเบื้องล่าง หล่อนดีใจที่งานพยาบาล
    พิเศษครั้งนี้ไม่ยากเหมือนกับครั้งก่อนๆ เพราะคนไข้ของ
    เธอเป็นเพียงโรคจิตขั้นอ่อนๆที่ต้องอยู่ภายใต้การดูแลของ
    แพทย์เท่านั้น เมื่อไหร่ที่หล่อนอารมณ์ดี คนไข้ของเธอคน
    นี้ก็เป็นเหมือนเด็กสาวแจ่มใสทั่วไป และโดยเฉพาะวันนี้ ที่
    เด็กสาวตรงหน้าก็ดูว่าจะไม่ออกฤทธิ์เหมือนแต่ก่อน


       "ป้าที่อยู่ในห้องเป็นใคร ทำไมป้าแกน่ากลัวจัง"


       "น่ากลัวยังไงเหรอคะ" เธอเลิกคิ้วถาม พร้อมกับอมยิ้ม
    นิดๆ นึกขำก็ตรงนี้ คนไข้โรคจิตส่วนมากแล้วมักรู้สึกกลัว
    อาการของคนอื่นเสมอ โดยหารู้ไม่ว่าตอนตัวเองมีอาการ
    ขึ้นมาบ้างนั้น ก็น่ากลัวไม่หยอกทีเดียว


       "พอเริ่มเข้าวันใหม่ แกยืนนิ่งอยู่ริมระเบียงไม่พูดไม่จา
    กับใคร ไม่ไปไหน จนถึงตอนนี้เลย"


       "อ๋อออ" พยาบาลสาวลากเสียงยาวเป็นการตอบรับ
    ความเข้าใจ


       "วันนี้วันที่ 14 ตุลา แกยืนไว้อาลัยให้เพื่อนๆ พี่ชาย
    และคนรักของแกน่ะค่ะ น่าสงสารนะคะ เหตุการณ์ผ่านมา
    ก็ 32 ปีแล้ว ผ่านมาจนตำนานแบบนี้ คนรุ่นหลังอย่างเราๆก็
    ไม่ค่อยได้สนใจกันเท่าไหร่ แต่น่าแปลก..ที่อย่างน้อยก็ได้
    รู้ว่ายังมีคนกลุ่มเล็กๆ ที่หวนคิดถึงมันอย่างจริงจังเสมอ"


        จบคำพยาบาลสาว หญิงสาววัยรุ่นก็ได้แต่เงยหน้าไป
    มองภาพหญิงชราอายุราวห้าสิบกว่าปี ที่ยืนเกาะลูกกรง
    เหล็กของระเบียงนิ่ง สายตามองเหม่อไปไกลแสนไกล


        "สมัยนั้นแกเข้าป่าไปกับพวกพรรคคอมมิวนิสต์เหมือน
    กัน แกไปอยู่ในนั้นกับพวกคอมมิวนิสต์ของจีนอยู่นานที
    เดียว กลับออกมาอีกทีทุกอย่างที่นี่ก็เปลี่ยนไปหมดแล้ว
    คนที่พาแกมาส่งที่นี่เล่าให้ฟังว่าเห็นป้าแกเดินไม่มีสติอยู่ที่
    ถนนราชดำเนิน แกอยู่ที่นั่นมาตลอดเพื่อรอคอยให้ถึงทุก
    วันที่ 14 ตุลา เพียงเพื่อจะกลับมาตามหาดูว่าพี่ชาย คนรัก
    และเพื่อนรักของเธอเป็นอย่างไร มีรายชื่ออยู่ในผู้สูญหาย
    บ้างไหม หรืออย่างน้อยที่สุด จะพบเบาะแสถึงตัวพวกเขา
    หรือเปล่า"


       "แล้วป้าแกพบไหมคะ"


       "ไม่พบค่ะ" พยาบาลสาวส่ายหน้าน้อยๆ "กาลเวลาผ่าน
    ไป เรื่องเหล่านี้ก็เป็นได้เพียงประวัติศาสตร์ เหตุการณ์ครั้ง
    นั้นผู้สูญหายเป็นร้อยเป็นพัน ไม่พบ..แม้กระทั่งชื่อว่าเป็น
    ใครบ้าง ยิ่งนานวัน ครอบครัวและญาติผู้เสียชีวิตก็ยิ่งทด
    ท้อ ปล่อยการสูญหายของญาติพี่น้องตัวเองให้เป็นเรื่อง
    ของโชคชะตา เหนื่อยล้าเต็มทีกับการเรียกร้องให้ค้นหา
    เพราะคงยากยิ่งกว่างมเข็มในมหาสมุทรอีกแล้ว"


       "แล้วญาติๆของแกล่ะค่ะ"


       "แม่แกน่ะ ตรอมใจตายไปตั้งแต่ย่างเข้าปีที่สี่ของ
    เหตุการณ์แล้ว"


       "ถ้าเป็นหนู คงอยากจะตาย"


       "แกตายไม่ได้หรอก เพราะแกบอกไว้เสมอว่า คนอื่นๆ
    รอบตัวแก ทั้งพี่ชาย คนรักและเพื่อนสนิท ทุกคนต่างตาย
    เพื่อประโยชน์ของประชาธิปไตยทั้งนั้น ถ้าแกจะตัดช่อง
    น้อยแต่พอตัว เพียงเพราะการสูญเสีย แกก็ไม่รู้ว่าจะกลับ
    ไปมองหน้าคนเหล่านั้นได้ยังไง แกขออยู่เพื่อที่จะ
    ตายอย่างมีประโยชน์ดีกว่า คนสมัยก่อนนั้น จะยอมแลก
    ความตาย..เข้ากับเรื่องที่ควรค่าเท่านั้น เพียงแต่ที่เธออยู่ที่
    นี่ เพราะจิตใจในส่วนที่บอกให้เธอรอคอยพวกเขา ยังคงย้ำ
    วนอยู่ในจิตใจจนกลืนความคิดเธอไปหมดแล้ว"


        จบประโยคคำตอบที่ทิ่มแทงใจเหล่านั้น หญิงสาวในชุด
    คนไข้ตรงหน้าถึงกับนิ่งงันไปชั่วครู่ นิ่ง..จนได้ยินทุกเสียง
    จังหวะของหัวใจตัวเอง


       "แล้วถ้าพี่ให้แกอยู่ที่นี่ แกจะได้ช่วยเหลือคนอื่นอย่างที่
    แกหวังเหรอ"


       "น้องเลิกคิดจะฆ่าตัวตายได้รึยังล่ะ"


        พยาบาลสาวยิ้มบางๆให้กับเด็กสาวตรงหน้าที่มีแววตา
    สับสนป่นไปด้วยความคิดมากมายของตนเอง


         หญิงชราผู้นั้นไม่ได้บ้าเหมือนที่ใครกลายคนเข้าใจ หัว
    หน้าพยาบาลของที่นี่และคนเก่าแก่จะรู้เสมอว่า คนไข้ราย
    ใดที่เป็นโรคจิตอ่อนๆที่ไม่สามารถต่อสู้กับโลกภายนอกได้
    นั้น หากนำไปอยู่กับหญิงชราผู้นั้น เธอเต็มใจที่จะช่วยและ
    ตีแผ่ความเข้มแข็งในประสบการณ์ของเธอเสมอ


         ในสภาพไร้บ้านและไร้จุดหมายทางความคิดของเธอ
    เธอถูกนำพามาที่นี่...เพียงเพื่อช่วยคนรุ่นหลังอีกครั้ง ใน
    การที่จะบอกเล่าถึงประสบการณ์ และให้กำลังใจพวกเขา


        หญิงสูงวัยช่วยผู้อื่นมามากมาย..จนเธออดภาวนาให้
    หญิงชราผู้นั้น ได้ค้นพบที่แห่งอดีตที่ตนเองใฝ่หาที่นั้นของ
    เธอจริงๆสักที ที่แห่งอดีต..ที่ยังคงติดอยู่ในความทรงจำ
    ของเธอ อย่างไม่มีวันเปลี่ยนแปลง หากคนในอดีตคนนี้..
    หาที่ยืนในปัจจุบันของเธอพบเมื่อไหร่ เธอคงจะช่วยผู้คน
    ได้อีกมากมายทีเดียว


       ...หรือว่าเธอจะพบที่แห่งนั้นแล้วก็ไม่รู้...ที่แห่งนั้น ณ
    ปลายสุดสายตาของหญิงชราผู้นั้น อาจเป็นภาพเหล่าคน
    รู้จักในอดีตของเธอ ที่ยังยืนหยัดปกป้องอนุเสาวรีย์
    ประชาธิปไตยแห่งนั้น


       จะมีคนรุ่นใหม่สักกี่คน..ที่จะเข้าใจถึงรอยแผลแห่งการ
    ต่อสู้เพื่อช่วงชิงประชาธิปไตยในอดีตของคนกลุ่มนี้ แล้วมี
    ใครสักกี่คนกัน..ที่จะระลึกถึงมัน เหมือนดังที่หญิงชราผู้นั้น
    เฝ้าระลึกถึง..ตลอดชั่วชีวิตของเธอ

    (จบตอน)

    แก้ไขเมื่อ 05 ก.ค. 49 23:29:37

    จากคุณ : ฟองคลื่น คืนจันทร์ พันดาว - [ 5 ก.ค. 49 21:48:07 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | PanTown.com | BlogGang.com