ตอนที่ 4...
จารวียืนกอดอกมองจิระประภาที่ท่าทางจะกำลังหลับสบายอยู่ในรถ ก่อนจะส่ายศีรษะเล็กน้อยกับสิ่งที่เห็น
เธอเคาะกระจกเบา ๆ ทำให้จิระประภาถึงกับสะดุ้งตื่นจากฝันหวาน
ใครแซววะ ! แม่จอมอู้คิดอย่างอารมณ์เสีย แต่เมื่อเธอหันหน้าไปมองคนที่บังอาจแซวเธอ ก็พบจารวียืนกอดอกมองเธออย่างผิดหวัง คนทำผิดรีบฉีกยิ้มหวานให้เพื่อนสาวเพื่อเป็นการเอาใจเอาไว้ก่อน
"กี่โมงแล้วจ๊ะจ๋า"
"บ่ายแล้วจ้ะ หลับสบายดีมั้ยจ๊ะ"
เมื่อถูกเพื่อนสาวประชด จิระประภาก็ได้แต่หัวเราะแหะ ๆ ก่อนจะแก้ตัวอุบอิบ
"ก็ตาหมอหมานั่นมันน่าเบื๊อน่าเบื่อนี่ ไม่เห็นมันจะไปไหนเลยนอกจากร้านก๋วยเตี๋ยวโน่น"
"อื้ม...พอเบื่อมากนัก จิ๋วก็เลยนอนเล่นในเวลางานยังงั้นสิ"
"โธ่...จิ๋วแค่พักสายตาหน่อยเดียวเอง นิ๊ดเดียวจริง ๆ นะ"
จารวีขี้เกียจจะฟังคำแก้ตัว เธอเลยรีบตัดบท "เอาล่ะ ๆ อย่ามัวมาแก้ตัวเลย ถึงเวรจ๋าแล้ว จิ๋วรีบกลับไปเฝ้าร้านเถอะ"
เปลี่ยนเวรเรียบร้อย คราวนี้ก็กลายมาเป็นจารวีที่มานั่งจ๋องอยู่ในรถ เธอมองไปรอบ ๆ อย่างเบื่อ ๆ
แหม...เริ่มจะเข้าใจแล้วว่าทำไมจิ๋วถึงได้หลับ นี่เธอน่าจะเอาไหมกับโครเชต์ติดมือมาด้วยนะ จะได้ถักไปเพลิน ๆ แก้เบื่อได้
อุ้ย...ร้านนั้นมีไหมพรมขายด้วย
เธอมองตรงไปยังคลินิกที่ยังไม่มีความเคลื่อนไหวใด ๆ แล้วตัดสินใจอย่างรวดเร็ว
'ไปซื้อมานั่งถักเล่นดีกว่า'
จารวีข้ามถนนไปยังร้านขายไหมพรมที่อยู่ติดกับร้านของเป้าหมาย ขณะกำลังเลือกสีเพลิน ๆ เธอก็ได้ยินเสียงทุ้ม ๆ ของผู้ชายคนหนึ่ง
"ป้านิ่มครับ รบกวนหน่อยนะครับ"
"ได้สิจ๊ะ เอ...แว่นป้าอยู่ไหนล่ะเนี่ย"
หญิงสาวไม่มีนิสัยที่ชอบสอดรู้สอดเห็นเรื่องของชาวบ้านอยู่แล้ว เธอจึงไม่สนใจเจ้าของร้านและผู้ชายที่เข้ามาใหม่เลยสักนิด เธอยังคงเลือกสิ่งที่เธอต้องการอย่างใจเย็น
จนในที่สุด เธอก็เลือกไหมซัมเมอร์สีฟ้าเข้มออกไปวางที่เคาน์เตอร์เตรียมจ่ายเงิน
"หนู...ป้าวานช่วยเย็บกระดุมเสื้อให้ป้าทีได้มั้ยจ๊ะ พอดี...ป้าหาแว่นตาไม่เจอน่ะจ้ะ" หญิงชราผมขาวทั้งศีรษะยื่นเสื้อตัวยาวสีขาวมาให้เธอ จารวีเกือบจะปฏิเสธอยู่แล้วเชียว ถ้า...
"ช่วยนิดนะจ๊ะ เดี๋ยวป้าจะลดราคาให้"
พอรู้ว่าเงินในกระเป๋าจะเหลือมากขึ้น จารวีก็ยิ้มหวานให้หญิงชรา "ได้สิคะ เย็บเม็ดไหนล่ะคะ"
"เม็ดที่สามครับ พอดีเจ้าพุงโรมันออกฤทธิ์กระชากกระดุมผมหลุด"
จารวีไม่เหลือบมองเจ้าของเสื้อเสียงทุ้มที่พูดกับเธอเสียด้วยซ้ำ เธอรับกระดุมสีขาว เข็ม และด้ายจากหญิงชรามา แล้วลงมือทำงานอย่างรวดเร็ว
เป็นเพราะเธอถนัดงานฝีมือแบบนี้อยู่แล้ว จึงใช้เวลาเย็บไม่นานก็เสร็จ
เธอพับเสื้อสีขาวตัวยาวให้เรียบร้อย ก่อนวางเอาไว้ที่เคาน์เตอร์
"ขอเข็มโครเชต์เบอร์หกด้วยนะคะ"
อธิปมองหญิงสาวที่ยืนอยู่ข้างเขาอย่างพินิจ ไม่รู้ว่าทำไมเขาถึงได้รู้สึกคุ้นหน้าเธออย่างประหลาด
ผู้หญิงที่มีผมตรง ยาวประบ่า แต่ไม่ยักกะทำสีผมเหมือนพวกสาว ๆ สมัยใหม่ทั้งหลาย ซึ่งนั่นก็ดีแล้ว เพราะผมของเธอดูสวยมาก ดำขลับเชียว เขาชอบ...ชอบจริง ๆ
"เท่าไหร่คะ" จารวีเตรียมหยิบกระเป๋าเงินออกมาจ่าย
"ผมจ่ายให้เองครับ ถือเป็นการขอบคุณที่คุณช่วยเย็บกระดุมให้"
เพราะประโยคนี้นี่เอง สาวผมสวยถึงได้เงยหน้าขึ้นมาให้เขาเห็นได้ถนัด
สาวคนแรกในประเทศไทยที่งามโดยไม่ต้องพึ่งเครื่องสำอาง แม้แต่ลิปสติกเธอก็ยังไม่ทา ริมฝีปากบางเป็นสีชมพูระเรื่อตามธรรมชาติ สวยจริง สวยราวกับสาวสมัยโบราณ...เหมือนนางในวรรณคดี
เหมือน...ภาพวาดในห้องนอนของเขา !
ให้ตายสิ ! ที่เขาคุ้นหน้าของเธอก็เพราะว่าเธอคนนี้มีเค้าหน้าเหมือนภาพวาดนางในวรรณคดี ของขวัญวันเปิดคลินิกจากน้องสาวที่เขาเลือกแขวนเอาไว้ที่ปลายเตียงในห้องนอนของเขานั่นเอง
จารวีตกใจพอสมควรที่เห็นเป้าหมายในการสะกดรอยตามมายืนอยู่ตรงหน้า
โอ๊ย...ตายแล้ว ตายจริง ถ้าเป็นนักสืบมืออาชีพเขาจะทำอย่างไรกับความบังเอิญแบบนี้นะ
"เอ่อ...ขอบคุณค่ะ" สัญชาตญาณนักสืบบอกเธอให้รีบเผ่นโดยเร็ว
อธิปมองสาวที่เดินเร็ว ๆ ออกจากร้านไปด้วยรอยยิ้ม เธอคนนี้ถูกตาถูกใจเขาเสียจนอดไม่ได้ที่จะมองเธอไปจนลับตา นึกเสียดายขึ้นมาครามครันที่ไม่มีโอกาสได้รู้จักกับเธอ
เสียดายที่ไม่มีโอกาสได้รู้จักอย่างนั้นเหรอ !
ชายหนุ่มถอนหายใจ ถึงจะมีโอกาสได้รู้จักกันแล้วยังไง เขาเป็นผู้ชายที่มีพันธะไปครึ่งตัวแล้วนี่ เขาถอนใจอีกครั้ง นี่ไม่ใช่ครั้งแรกนะที่เขารู้สึกว่ากณิกา เด็กผู้หญิงที่เขาเคยเห็นมาตั้งแต่ยังตัวกะเปี๊ยก เด็กหญิงที่เขาเอ็นดู และรักใคร่เหมือนน้องสาวคนนั้นเป็นภาระ แถมยังเป็นพันธะที่เขาอยากจะสลัดให้พ้นตัวเสียด้วย
- - - - - - - - - -
เช้าวันนี้จารวีทำข้าวต้มกุ้ง อาหารเช้าที่เจนจิราเรียกร้องอยากจะทานมาหลายวันแล้ว กลิ่นอาหารหอมกรุ่นเรียกให้จิระประภาที่เพิ่งกลับมาจากการวิ่งออกกำลังกาย ต้องเดินตามกลิ่นเข้ามาถึงในครัว
"หอมจัง ๆ ข้าวต้มอะไรจ๊ะนี่" เธอไม่รอให้จารวีตอบ แต่ชะโงกดูทัพพีที่เพื่อนสาวตักกุ้งตัวสีชมพูขึ้นมาโชว์
"โห...ข้าวต้มกุ้ง"
"ทานเลยมั้ยจ๊ะ เดี๋ยวจ๋าจะตักให้"
"ก็ดีจ้ะ แต่นิดเดียวพอนะ ขอแค่ชิม เดี๋ยวไปอาบน้ำแต่งตัวก่อนแล้วค่อยลงมากินจริง ๆ"
จารวีอมยิ้มกับความตะกละของเพื่อน แต่ก็ยอมตักข้าวต้มชามเล็ก ๆ ให้จิระประภาชิมแต่โดยดี
"เดี๋ยวจ๋าขึ้นไปเรียกเจนตื่นก่อนนะ"
เธอบอกกับจิระประภาที่ดูเหมือนจะไม่สนใจอะไรอีกแล้ว นอกจากชามข้าวต้มน้อย ๆ ตรงหน้า
กลิ่นหอมฉุยของข้าวต้มปลุกเจนจิราให้ตื่นนิทราอย่างแสนสุขนานแล้ว แต่เธอยังคงนอนบิดขี้เกียจอยู่บนเตียงนอนแสนนุ่ม เมื่อได้ยินเสียงเคาะประตูเบา ๆ
"เจน...ตื่นได้แล้วจ้ะ วันนี้มีข้าวต้มกุ้งที่เจนอยากทานด้วยนะจ๊ะ"
เจนจิราบิดขี้เกียจอีกครั้ง "จ้า...เดี๋ยวลงไปจ้ะ"
เมื่อได้ยินเสียงขานรับ จารวีจึงเดินไปล้างหน้าล้างตาอีกรอบ และเปลี่ยนเครื่องแต่งตัวตัวเตรียมพร้อมไปทำงาน
เธอถือกระเป๋าหนังสีขาวยี่ห้อดัง ที่ได้รับมาจากเพื่อนรักทั้งสองเนื่องในวันเกิดครบรอบสามสิบปีลงมาที่ห้องครัว
"อ้าว...จิ๋ว นี่ยังทานอยู่อีกเหรอจ๊ะ"
จิระประภาเงยหน้าจากชามข้าวต้มมายิ้มแหะ ๆ "ก็มันอร่อยจนอดใจไม่ได้นี่ เลยขอเติมอีกสองชาม" สาวตัวจิ๋วลูบท้องที่พองออกมาน้อย ๆ ของเธอ ก่อนจะขอตัวขึ้นไปอาบน้ำแต่งตัวบ้าง
หลังจากจิระประภาขึ้นไปไม่นานนัก เจนจิราที่แต่งตัวสวยปิ๊งอย่างเคย ก็ค่อย ๆ ยุรยาตรลงมาที่ห้องครัว
เธอสูดกลิ่นหอมของข้าวต้ม แล้วรีบตักมาทานที่โต๊ะร่วมกับจารวีที่นั่งทานอยู่ก่อนแล้ว
"เมื่อคืนนี้เป็นยังไงบ้างจ๊ะ" จารวีเริ่มบทสนทนา
เจนจิรายักไหล่ "ก็ไม่เป็นไง นายหมอหมานั่นพอกลับไปถึงบ้านแล้วก็ไม่ได้ออกไปไหนเลย เจนเลยเซ็งสุด ๆ ต้องนั่งทรมานอยู่ในรถ ยุงก็กัด เมื่อยก็เมื่อย"
จารวีคิดครู่หนึ่งก่อนจะสารภาพ "แต่จ๋ามีเรื่องที่ต้องบอกเจนกับจิ๋ว"
เพื่อนสาวของเธอเลิกคิ้ว แต่ยังไม่ทันที่เธอจะบอกอะไร จิระประภาก็วิ่งตุ๊บตั๊บลงมาจากชั้นบนเสียก่อน
"ตายแล้วนังจิ๋ว หัวหูนี่เปียกลู่มาเชียวนะยะ" ถึงแม้ว่าประโยคแรกของเจนจิราจะออกมาในแนวตำหนิเพื่อนสาว แต่เธอก็ยังตบท้ายด้วยประโยคที่แสดงความห่วงใย "เดี๋ยวก็ไม่สบายไปอีกหรอก แกนี่น้า...กระหม่อมบางแล้วยังไม่รู้จักระวังตัวเองอีก"
"ก็ไดร์เป่าผมมันพังนี่แก" จิระประภานั่งลงที่เก้าอี้ประจำ ก่อนจะใช้ผ้าขนหนูเช็ดผมง่วน
"เอ๊ะ...จ๋าเพิ่งซื้อให้ใหม่ไม่ใช่เหรอจ๊ะ ทำไมมันพังซะแล้วล่ะ" จารวีถาม
"นั่นสิ แค่จิ๋วทำตกพื้นครั้งเดียวเองก็เจ๊งละ ห่วยอ่ะ"
"โธ่...นังซุ่มซ่าม !" เจนจิราด่า ก่อนหันไปถามจารวี "เมื่อกี้จ๋าบอกว่ามีเรื่อง...เรื่องอะไรจ๊ะ"
"ก็...จ๋าบังเอิญเจอแฟนคุณกิ๊บเข้าน่ะ"
"ไม่เห็นจะแปลก จิ๋วก็เจอ เราไปสะกดรอยตามเค้า ก็ต้องเจอเค้าอยู่แล้วนี่ ไม่เจอดิแปลก"
"จ๋าไม่ได้เจอเค้าแบบนั้น แต่เจอแบบ...ประจันหน้ากันเลย" จารวีมองเพื่อนทั้งสองของเธอที่ต่างก็จ้องเธอเป็นตาเดียว แล้วรีบขยายความต่อ "จ๋าเบื่อที่ต้องนั่งอยู่ในรถเฉย ๆ น่ะจ้ะ...ก็เลยแว๊บไปซื้อไหมมาถักอะไรเล่น พอดี...เค้าก็มาให้จ๋าช่วยเย็บกระดุมให้"
"แล้วเค้ารู้มั้ยว่าจ๋าตามเข้าอยู่" จิระประภาถาม
จารวีส่ายหน้า "ไม่น่าจะรู้นะ ก็จ๋าเข้าไปซื้อของก่อน เค้าตามเข้าไปทีหลัง แถม...ยังออกเงินจ๋าให้ด้วย"
เจนจิราหัวเราะเบา ๆ "นายหมอหมานั่นจีบจ๋าเหรอ"
คราวนี้เจนจิรากลับตกเป็นเป้าหมายให้เพื่อนทั้งสองมองแทบตาถลน
"บ้าน่าแก" จิระประภาพูดขึ้นก่อน
"คงไม่ใช่หรอก...มั้ง เค้าเจอจ๋าแค่แป๊บเดียวเท่านั้นเอง" จารวีแก้
"แหม...ไม่เคยได้ยินเรื่องรักแรกพบรึไงจ๊ะ แต่...ถ้านายนั่นปิ๊งจ๋าก็ดีนะ"
"บ้าเหรอแก ดีกะผีอะไรล่ะ เดี๋ยวก็ได้วูดูคุงมาดูเล่นอีกตัวหรอก" จิระประภาพูดพลางทำท่าขนลุกขนพอง
"แกมันก็เอาแต่กลัวผีขึ้นสมองนั่นหละนังจิ๋ว แกลืมไปแล้วรึไงยะว่าพวกเรามาตามติดนายหมอหมานี่ทำไม" เมื่อเห็นจิระประภายังทำหน้าฉงน เจนจิราจึงเฉลย "เพราะเราต้องหาข้อพิสูจน์ว่านายนี่ไม่ใช่เกย์ไงยะ"
จิระประภาร้องอ๋อ...ยาว แต่จารวีกลับทำหน้าประหลาด
"จ๋าน่าจะลองอ่อยนายนั่นดูนา ถ้ามันสนจ๋า เราก็จะได้ไม่ต้องนั่งเฝ้านายหมอหมาผู้น่าเบื่อนั้นอีกตั้งสี่วันไง" เจนจิราเชียร์
"บ้า !...ไม่ตลกเลยนะเจน"
เมื่อเห็นจารวีทำหน้าเครียด ทุกคนก็หมดสนุก
"เอาล่ะ ๆ ไม่พูดเรื่องตลกแล้วก็ได้ เอาเป็นว่าเราทุกคนก็ทำตามหน้าที่ตามเดิม ส่วนจ๋า...ต้องระวังให้มาก อย่าให้นายหมอหมานั่นเจอจ๋าอีก เดี๋ยวเขาจะสงสัยเอาได้" เจนจิราเตือนเพื่อนรัก
"ไม่ต้องห่วงจ้ะ วันนี้จ๋าจะเปลี่ยนที่ซุ่มมองใหม่ ไม่ไปนั่งที่หน้าร้านเค้าอีกแล้วล่ะ"
- - - - - - - - - -
จากคุณ :
(liz)
- [
8 ก.ค. 49 00:14:21
]