มีนา... เสียงของพิมที่ดังขึ้นจากด้านหลังเรียกให้ฉันตื่นจากภวังค์ความคิดของฉัน หลังจากที่กลับมาถึงหอพักแล้วฉันก็มานั่งทบทวนความรู้สึกของตัวเองที่มีต่อเอก มันเป็นแค่ความรู้สึกชื่นชอบธรรมดาทั่วไปหรือว่ามีอะไรมากว่านั้น และในที่สุดฉันก็ได้คำตอบให้กับตัวเอง คำตอบที่ทำให้ฉันรู้สึกตกใจกับตัวเองเล็กน้อย เพราะรู้สึกว่ามันเร็วมากเร็วจนตั้งตัวไม่ติด และไม่รู้ว่ามันเกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อไหร่ เจ้าคำตอบที่ฉันหาได้ก็คือความรัก ฉันไม่ได้รู้สึกกับเอกเพียงแค่ชื่นชอบชื่นชมทั่วไป แต่มันมากกว่านั้น
ฉันหันไปหาพิมที่นั่งลงข้างแล้วจับมือฉันเอาไว้อย่างให้กำลังใจ ฉันกอดพิมเอาไว้เหมือนจะหาที่ปลอบประโลมความรู้สึกของฉันในยามนี้ แกไหวมั้ย อยากร้องไห้ก็ร้องออกมาเลยนะ ฉันจะอยู่กับแกตรงนี้เอง พอได้ยินพิมพูดอย่างนั้นน้ำตาที่ฉันเพียรเก็บเอาไว้ก็ค่อยๆไหลออกมา พิมเอามือมาลูบหลังฉันเบาๆ
ดีขึ้นแล้วล่ะแก ขอบคุณมากนะแก ที่อยู่ข้างฉันอย่างนี้ ฉันดันตัวเองออกจากออ้อมกอดของเพื่อนที่น่ารักของฉัน ฉันส่งยิ้มไปให้ถึงแม้จะไม่ใช่ยิ้มที่สดใสเท่ากับเวลาปกติที่ฉันเคยยิ้ม แต่มันก็เป็นยิ้มที่ดูดีที่สุดในหลายชั่วโมงที่ผ่านมา
แกรู้สึกกับเอกมากกว่าชื่นชมแล้วใช่มั้ย พิมถามขึ้นหลังจากที่นั่งมองฉันเงียบๆสักครู่ ฉันสูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆเพื่อเป็นการเรียกกำลังใจให้ตัวเองก่อนที่จะพยักหน้าให้เป็นคำตอบกับคำถามนั้น ฉันรู้ว่ามันเร็วมาก ตัวฉันเองยังตกใจกับความรู้สึกนี้เลย ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันว่ามันเกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อไหร่ พอมารู้ตัวมันก็เกินความชื่นชมไปแล้ว
โธ่! มีนา... พิมร้องออกมา ฉันรีบบอกกับพิมเพื่อให้คลายความกังวลว่า แต่แกไม่ต้องเป็นห่วงหรอก ฉันจะตัดใจแล้วล่ะ คิดว่าไม่น่าจะยากเพราะมันเพิ่งเกิดไม่นาน แกคอยดูนะว่าฉันต้องทำได้ ประโยคสุดท้ายฉันบอกให้ทั้งพิมและตัวเองฟัง ใช่แล้ว ฉันต้องทำได้ ฉันต้องตัดใจจากเอกได้
ฉันก็เชื่อว่าแกทำได้เพื่อน พิมพูดอย่างเชื่อใจฉันพร้อมกับส่งยิ้มมาให้ ฉันส่งยิ้มกลับไปให้ ฉันจะตัดเจ้าความรักนี้ออกไปจากใจให้ได้ ถึงแม้ฉันจะรู้สึกเจ็บอยู่ลึกๆบ้าง แต่ฉันก็ต้องทำให้ได้
อุ๊ย! ขอโทษค่ะ ฉันร้องออกมาเมื่อเดินไปชนกับคนที่ยืนอยู่ข้างหน้าเป็นเหตุให้เจ้าชามก๋วยเตี๋ยวที่ฉันถืออยู่ในมือเอียงไปโดนเสื้อของผู้ชายคนนั้นเข้า ถึงแม้ว่าจะไม่เยอะมากแต่ก็เห็นได้ชัด ว้าย! ตายแล้วแย่แน่ๆเลยฉัน ทำไมซุ่มซ่ามอย่างนี้นะ
คุณ... ผู้ชายเคราะห์ร้ายคนนั้นหันหน้ามาแล้วกำลังพูดอะไรสักอย่างแต่อยู่ๆก็หยุดเอาไว้อย่างนั้น ฉันที่กำลังจะอ้าปากขอโทษก็ต้องค้างเอาไว้อย่างนั้นเมื่อได้เห็นหน้าผู้ชายคนนี้ ไม่ใช่คนอื่นคนไกลเลย นายพลเพื่อนของเอกนั่นเอง
มีนาเองเหรอ พลพูดออกมาด้วยน้ำเสียงประหลาดใจ ฉันได้แต่ส่งยิ้มแหยๆไปให้เขา พร้อมกับรีบพูดขอโทษเขาทันที เขาเอี้ยวตัวไปด้านหลังพยายามมองรอยเปื้อนแต่ก็ไม่เห็น ฉันเลยรีบบอกเขาว่า นิดเดียวเอง ไปล้างออกเดี๋ยวก็หาย นายพลตาตี่ก็ส่ายหัวอย่างปลงให้กับเสื้อตัวสวยของตัวเอง แล้วนี่มีนามาทำอะไรที่นี่นายตี๋ตาตี่พูดกับฉันหลังจากปลงอนิจจังกับเสื้อของตัวเองเสร็จ
ก็มาเดินเล่นดูนั่นดูนี่ แล้วก็มาดูหนังด้วย ฉันตอบด้วยน้ำเสียงปกติขณะที่สมองก็เริ่มทำงานหลังจากที่หยุดไปชั่วขณะเพราะความตกใจ นายนี่มาเอกก็ต้องมาด้วยสิ ฉันจะทำยังไงดี ฉันยังไม่พร้อมที่จะเจอเอกในตอนนี้ รีบกลับไปที่โต๊ะดีกว่า และแล้วพระเจ้าก็ไม่เข้าข้างฉันเหมือนที่เคยเป็นมาเพราะผู้ชายตรงหน้าฉันเอ่ยปากถามฉันก่อนที่ฉันจะได้เอ่ยขอตัวกลับโต๊ะที่มียัยพิมนั่งรออยู่ มีนามากับใครล่ะ ไปนั่งที่โต๊ะกับเราก็ได้นะ
เรามากับพิมน่ะ ป่านนี้พิมคงรอแย่แล้ว เราไปก่อนนะ ฉันตอบพร้อมกับก้าวขาจะเดินกลับไปที่โต๊ะ แต่นายพลตาตี่ก็ขัดขึ้นมาก่อนว่า ชวนพิมมานั่งด้วยกันก็ได้ ระหว่างที่ฉันกำลังอ้ำอึ้งหาคำปฏิเสธเหมาะอยู่นั้นสายตาของฉันก็สอดส่งไปเจอยัยพิมที่กำลังเดินตรงมาพอดี ฉันเลยบอกกับเพื่อนของเอกว่า พิมมาพอดี พลลองคุยกับพิมชวนพิมดูละกัน
ฉันเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นคร่าวๆให้พิมฟังพร้อมกับส่งสายตาขอร้องให้ช่วยไปให้ ซึ่งพิมก็เข้าใจในความหมายของมัน เลยปฏิเสธออกไปอย่างเด็ดขาดพร้อมกับลากฉันเดินจากมาด้วย แต่ฉันก็สังเกตเห็นแววตาแสดงความสงสัยของพล
ฉันว่านะแก นายตี๋ตาตี่นั่นน่ะต้องงงแน่เลยว่าฉันกับแกเป็นอะไร ฉันบอกกับพิมหลังจากที่เราเดินมาถึงโต๊ะแล้ว พิมเงยหน้าขึ้นมาจากจานข้าวแล้วพูดว่า ฉันก็ว่างั้นแหละ แต่ช่างเขาเหอะ แกกินเข้าไปเหอะอืดหมดแล้ว ประโยคสุดท้ายพูดพลางบุ้ยปากมาทางชามก๋วยเตี๋ยวเจ้าปัญหาที่อยู่ตรงหน้าของฉัน ฉันตักขึ้นมากินสองสามคำแล้วก็วางช้อนลง พิมมองหน้าฉันพร้อมกับส่ายหัวอย่างระอากับพฤติกรรมการกินของฉัน ตั้งแต่วันที่เกิดเรื่องวันนั้นฉันก็กินอะไรไม่ค่อยลง ฉันไม่ได้อยากเป็นเหมือนนางเอกนิยายอย่างนี้หรอกนะ แต่มันกินอะไรไม่ค่อยลงจริงๆ ฉันก็ไม่รู้ว่าตัวเองเป็นอะไรเหมือนกัน
แกผอมลงตั้งเยอะ แกยังจะไม่กินอะไรอีกเหรอไง พิมพูดด้วยน้ำเสียงดุๆ ฉันแก้กลับไปทันที ก็มันไม่หิวนี่ กินไม่ลงด้วย
แกยังคิดมากเรื่องนั้นอยู่อีกเหรอ พิมถามเสียงคลายความดุลง ฉันส่ายหัวปฏิเสธ ไม่แล้วล่ะ แต่เรากินไม่ลงจริงๆ
แกกินน้อยอย่างนี้เดี๋ยวก็ไม่สบายเอาหรอก พิมบ่นออกมาด้วยความเป็นห่วง ฉันก็เป็นห่วงตัวเองเหมือนกันนะ แต่ถ้าฝืนกินเข้าไปมันก็อยากจะออกมา
แกเราไปถามเอกให้เอาป่ะ เรื่องนั้นน่ะเอาให้มันกระจ่างชัดไปเลย อยู่ๆพิมก็พูดขึ้นมาสงสัยจะเห็นฉันนั่งเหม่อออกไปไกลก็เลยเข้าใจว่าฉันคิดเรื่องเอกอยู่ มันก็จริงแหละฉันคิดเรื่องเอกอยู่แต่ฉันไม่ได้คิดถึงเรื่องนั้นหรอก ฉันกำลังคิดว่ากี่วันแล้วนะที่ฉันไม่ได้เจอหน้าเอก เพราะตั้งแต่วันนั้นฉันก็พยายามหลบหน้าเอกอยู่ตลอดซึ่งก็เป็นเรื่องง่ายเพราะตามปกติแล้วฉันแทบไม่มีเรื่องอะไรให้ต้องเดินไปทางคณะของเอกกับพิมเลย พิมก็คงอยากจะช่วยให้ฉันตัดใจได้เร็วขึ้นเลยไม่พูดถึงเอกให้ฉันฟังเลย ซึ่งมันก็ดีอยู่หรอกนะ แต่ใจฉันนี้สิ มันยังคิดถึงเอกอยู่ จนฉันต้องหาอะไรทำเพื่อที่จะไม่ว่างพอที่จะฟุ้งซ่านได้ แต่ถ้าเกิดว่างขึ้นมาความคิดของฉันก็จะวนเวียนไปอยู่ที่เรื่องของเอก นี่ขนาดฉันไม่ได้เป็นอะไรกับเขาฉันยังฟุ้งซ่านได้ขนาดนี้ ไม่อยากคิดเลยว่าถ้าฉันเป็นแฟนกับเขาแล้วเลิกกันฉันจะฟุ้งซ่านขนาดไหน
ไม่ต้องเลยนะแก ความรู้สึกเราเขาก็ไม่ได้รับรู้อะไรด้วย จะไปพูดทำไม ปล่อยมันไปดีกว่า แกน่ะรีบๆกินดีกว่าเดี๋ยวจะได้ไปดูหนังกัน ฉันปฏิเสธเสียงแข็ง ก็เรื่องอะไรล่ะจะไปบอกให้เขารู้ ไม่เอาหรอก
จากคุณ :
Crystal Star
- [
9 ก.ค. 49 16:28:07
]