บันทึกของคนเดินเท้า
เรื่องของความตาย
เมื่อนานมาแล้วมีศาสตราจารย์นายแพทย์ท่านหนึ่ง ได้เขียนหนังสือไว้ว่า คนเราตายได้กี่วิธี ท่านบรรยายถึงสาเหตุการตายไว้หลายสิบเรื่อง
ทำให้ชาวบ้านที่ไม่ค่อยประสีประสา ในเรื่องโรคภัยไข้เจ็บ ได้มีความรู้เพิ่มขึ้นตามสมควร แต่ในภายหลังมีชื่อโรคที่ไม่ได้อยู่ในสารบบ ของนายแพทย์ท่านนั้น คือโรคระบบการหายใจล้มเหลว ก็ทำให้ชาวบ้านธรรมดางุนงงกันพอสมควร เพราะต่างก็ทราบกันเป็นอย่างดีว่า เมื่อไม่หายใจก็ต้องตายแน่ แต่เพราะเหตุใดเล่าที่ทำให้เลิกหายใจ
การหายใจนี้เป็นเรื่องสำคัญที่สุดในชีวิตของคนเรา พระท่านว่าหายใจเข้าไม่หายใจออกก็ตาย หายใจออกแล้วไม่หายใจเข้าก็ตาย ท่านจึงให้พิจารณาลมหายใจเข้าออกเป็นหลักของการทำสมาธิ ส่วนจะใช้สิ่งใดประกอบการพิจารณานั้น ก็แล้วแต่อาจารย์แต่ละท่าน ซึ่งท่านชำนาญในวิธีไหน
ส่วนผู้ที่ฝึกทำสมาธิก็เลือกเอาได้ ตามอัธยาศัยของตน
แต่โรคระบบการหายใจล้มเหลวนี้ ได้เกิดเป็นข่าวใหญ่ขึ้นมาเมื่อหลายปีมาแล้ว เหตุเกิดเมื่อ วันที่ ๓๐ เดือนกรกฎาคม เวลา ๑๓.๕๐ น. นายร้อยเวรสถานีตำรวจนครบาลบางยี่เรือ ได้รับแจ้งว่า เกิดเหตุชุลมุนขึ้นที่สมาคมพุทธสมาคมปทุมรังษี ถนนอิสรภาพ แขวงหิรัญรูจี เขตธนบุรี และขอกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจจาก สถานีตำรวจนครบาลตลาดพลู บุปผาราม บางกอกใหญ่ บางกอกน้อย และสมเด็จเจ้าพระยา มาช่วยควบคุมสถานการณ์
เมื่อเจ้าหน้าทั้งหลายมาถึงที่เกิดเหตุ ก็พบว่ามีประชาชนหลายพันคน กำลังชุลมุนกันอยู่เนื่องจาก แย่งกันรับแจกข้าวของ จากทางสมาคม ซึ่งได้เคยปฏิบัติมาเป็นประจำทุกปี เจ้าหน้าที่ต้องช่วยกันเคลียร์พื้นที่ เพื่อควบคุมความวุ่นวายและจัดระเบียบ
เมื่อควบคุมสถานการณ์ไว้ได้แล้ว ก็ปรากฏว่ามีประชาชนเสียชีวิตในที่เกิดเหตุ ๔ ศพ ในข่าวว่าเป็นหญิงแก่ ๒ คน แต่คนหนึ่งมีอายุเพียง ๔๔ ปี และอีกคนหนึ่งก็มีอายุเพียง ๔๗ ปีเท่านั้น อีกคนหนึ่งเป็นชายอายุประมาณ ๓๐ กว่าปี ส่วนอีกคนเป็นเด็กชายอายุประมาณ ๑๐ กว่าปี
นอกจากนี้แล้วเจ้าหน้าที่ยังพบคนเจ็บอีกเป็นจำนวนมาก จึงได้ช่วยกันนำส่งโรงพยาบาลต่าง ๆ เช่นโรงพยาบาลมิตรภาพ ซึ่งอยู่ใกล้ที่เกิดเหตุที่สุด ๑๕ คน โรงพยาบาลตากสิน ๓๑ คน โรงพยาบาลศิริราช ๑๓ คน โรงพยาบาลพระปิ่นเกล้า ๒ คน รวม ๖๑ คน
ในเวลาต่อมาคนเจ็บเหล่านี้ได้ตายเพิ่มขึ้นอีก ๑๕ ศพ รวมแล้วมีคนตายทั้งหมด ๑๙ ศพ นอกนั้นบาดเจ็บสาหัส ๔๖ คน
เจ้าหน้าที่จึงห้ามแจกจ่ายของเด็ดขาด แล้วนำตัวนายกสมาคม ไปสอบสวน ได้ความว่าสมาคมแห่งนี้ได้ตั้งมา ๒๑ ปีแล้ว ปกติทุกปีในช่วงนี้สมาคมจะจัดให้มีการแจกสิ่งของ รวมทั้งข้าวสารอาหารแห้งให้กับประชาชนทั่วไป
และนายกสมาคมจะอยู่ในตำแหน่งได้คราวละ ๒ ปี สำหรับปีนี้ทางสมาคมได้จัดงานในวันที่ ๓๐ กรกฎาคม โดยแจกข้าวสารหนัก ๕ ก.ก. ผ้าขาวม้า ๑ ผืน เงิน ๑๐ บาท เส้นหมี่ ๑ ห่อ ขนมอีก ๑ ห่อ และร่มกันแดด ๑ คัน จากนั้นก็จะมีการแสดงงิ้วให้ชมฟรี
ก่อนที่จะมีการแจกของ นายกสมาคมซึ่งเป็นคนเชื่อเรื่องเข้าเจ้าเข้าทรง จึงได้ทรงและเจ้าบอกว่าควรจะแจกใน เวลา ๑๓.๓๐ น. จึงให้ประชาชนที่ทยอยกันเข้ามาในบริเวณที่ทำการของสมาคมตั้งแต่ ๐๙.๐๐ น. จนกระทั่งเต็มพื้นที่ของสมาคม
จากนั้นทางสมาคมก็ได้สั่งให้ปิดประตู ให้ผู้ที่อยู่ภายนอกคอยก่อน เมื่อได้เวลาทางสมาคมก็เปิดการแจกสิ่งของดังกล่าว แต่เนื่องด้วยประชาชนอีกเป็นจำนวนนับพันคนซึ่งคอยอยู่ด้านนอก ไม่พอใจในการกระทำของเจ้าหน้าที่สมาคม และต่างก็หวังว่าจะได้รับของแจกในครั้งนี้ด้วย จึงช่วยกันพังประตูของสมาคมเข้าไป
เมื่อคลื่นมนุษย์ฮือเข้าไปจากด้านนอก เพื่อจะแย่งเอาของแจก จึงทำให้ประชาชนที่เข้าไปนั่งอยู่ก่อนแล้ว ลุกไม่ทัน จึงถูกผู้ที่เข้าไปใหม่เหยียบย่ำเอาจนได้รับบาดเจ็บล้มตายอย่างน่าอนาถ
เพราะส่วนใหญ่แล้วเป็นเด็กที่ตามมากับพ่อแม่และญาติ ๆ เพื่อช่วยกันรับของแจก ซึ่งในภาวะเศรษฐกิจเช่นนี้ ของที่ได้รับแจกนี้มีความหมายกับชีวิตของเขาเหล่านั้นเป็นอันมาก ซึ่งในจำนวนที่ตายเพิ่มนั้นเป็นเด็กถึง ๑๒ คน
ต่อมารองอธิบดีกรมประชาสงเคราะห์ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่อีกสิบกว่าคน ได้เดินทางไปยังสถานีตำรวจนครบาลบางยี่เรือ เพื่อรับแจ้งจากครอบครัวของผู้ตายและบาดเจ็บ ว่าทางราชการจะช่วยเหลืออะไรได้บ้าง
ส่วนนายกสมาคมที่เป็นต้นเหตุได้บอกว่า เรื่องการให้ความช่วยเหลือนั้น ทางสมาคมจะช่วยเหลือคนตาย ตั้งแต่เรื่องพิธีทางศาสนา และด้านอื่น ๆ กับชี้แจงว่าโดยปกติแล้วทุกปีจะมีผู้มารับแจกของเพียงแค่พันกว่าคนหรือน้อยกว่านั้น
แต่มาปีนี้คนที่มารอรับของแจก ได้แห่กันมาเป็นเรือนหมื่น คลื่นมนุษย์จึงยัดเยียดถึงกับเหยียบกันดังกล่าว แม้ทางสมาคมจะประกาศว่า มีการเหยียบกันจนบาดเจ็บและตาย แต่คนข้างหลังก็ยังไม่หยุด คงทยอยไหลตามกันเข้ามาอีก
ซึ่งครอบครัวของผู้เคราะห์ร้ายเหล่านี้ ทางสมาคมจะรับผิดชอบทุกประการ
ผู้เสียหายรายหนึ่งคือนางสุ อายุ ๔๑ ปี ขายของอยู่ที่สี่แยกบ้านแขก ซึ่งหอบลูกมารอรับของแจกกับเขาทุกปี และคราวนี้ต้องสังเวยด้วยชีวิตของบุตรสาววัย ๗ ขวบ ได้เล่าให้ผู้สื่อข่าวฟังด้วยน้ำตานองหน้าว่าตนเองได้มารับของแจกที่สมาคมนี้ทุกปี
ปีนี้ ตนพาลูกสองคนไปนั่งรอรับแจกแต่เช้า ขณะเกิดเหตุตนอุ้มลูกชายอยู่กับตัวมือหนึ่ง ส่วนอีกมือหนึ่งจูงลูกหญิง เมื่อคลื่นมนุษย์ไหลเข้ามาทำให้ตนและลูกหญิงล้มลง ตนพยายามจะเข้าไปช่วย แต่เข้าไม่ถึงลูกหญิงจึงถูกเหยียบหายไปต่อหน้าต่อตา
อีกรายหนึ่งคือนางกี่ อายุ ๓๔ ปี อยู่ที่ถนนตากสินแขวงและเขตธนบุรี ได้มารอรับแจกของตั้งแต่เช้าพร้อมด้วยลูกสี่คน เป็นเด็กหญิงสอง เด็กชายสอง ขณะเกิดเหตุตนเองและลูก ๆ ต่างพยายามหนีเอาตัวรอด แต่ทุกคนก็ได้รับบาดเจ็บทั้งนั้น โดยเฉพาะลูกหญิงคนโตบอบช้ำมากมีเลือดออกที่ใบหน้า นางกี่บอกว่าเท่าที่ตนเองและลูก ๆ รอดมาได้ก็บุญแล้ว
ที่ทำเนียบรัฐบาลเมื่อเช้าวันที่ ๓๑ กรกฎาคม นายกรัฐมนตรีได้ตอบข้อซักถามของ ผู้สื่อข่าวก่อนเข้าประชุมคณะรัฐมนตรีว่า กรณีเหยียบกันตาย ๑๙ ศพในการแย่งรับแจกของเมื่อวานนี้ มีความเศร้าสลดใจต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นอันมาก
ได้สั่งการให้ทางกระทรวงมหาดไทยพิจารณาเรื่องนี้ โดยหามาตรการในการป้องกันเกี่ยวกับการแจกของ และต้องร่วมมือกับเจ้าหน้าที่บ้านเมืองด้วย เมื่อเกิดเรื่องขึ้นมาก็รู้สึกน่าเสียดายมาก ที่ต้องได้รับความกระเทือนใจกันทุกฝ่าย
ทางด้านรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย พร้อมด้วยรองอธิบดีกรมประชาสงเคราะห์ ได้ไปเยี่ยมบรรดาผู้บาดเจ็บจากเหตุการณ์นี้ ที่โรงพยาบาลศิริราช
ในโอกาสดังกล่าวผู้อำนวยการโรงพยาบาลได้เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า สาเหตุของการตายครั้งนี้เกิดจากการเบียดเสียดแย่งของแจก จนล้มทับกันถึงสามชั้น ผู้ถูกทับด้านล่างไม่มีอากาศหายใจก็เสียชีวิตทันที
บางรายโดนกระแทกล้มลงคอหัก แต่อย่างไรก็ตามไม่มีการถูกทุบตีแต่ประการใด ส่วนบรรดาผู้บาดเจ็บตอนนี้โรงพยาบาลพร้อมรับมือเต็มที่ เนื่องจากมีนักศึกษาแพทย์ให้ความช่วยเหลืออยู่แล้ว
ในด้านการช่วยเหลือนั้น ผู้เสียชีวิตจะได้ค่าทำศพคนละ ๒,๐๐๐ บาท ผู้บาดเจ็บจะได้รับการรักษาพยาบาลตามความเป็นจริง รายละไม่เกิน ๕,๐๐๐ บาท ซึ่งถ้าหากรักษาในโรงพยาบาลของรัฐ ก็จะไม่ต้องเสียค่ารักษาแต่อย่างใด
สรุปว่าผู้ที่เสียชีวิตในเหตุการณ์นี้ ส่วนใหญ่จะถูกทับจนขาดอากาศหายใจ ซึ่งเป็นเรื่องที่ได้ยินครั้งแรกในเวลานั้น แล้วก็เพิ่งจะมาได้ยินสาเหตุของการตายเช่นนี้อีก เมื่อไม่นานมานี้หลังจากเหตุการณ์ครั้งนั้นได้ผ่านมาแล้วถึง ๒๐ ปี
เพราะเหตุการณ์ครั้งนั้น ได้เกิดขึ้นเมื่อวันที่ ๓๐ กรกฎาคม ๒๕๒๗ โน่น และยังจะมี ผู้ใดจำได้บ้าง หรือว่าพากันลืมไปหมดแล้วก็ไม่รู้
ขณะนี้ก็กำลังจะเข้าพรรษา เป็นฤดูที่มีการแจกของแบบนี้อีก ซึ่งเรียกกันทั่วไปว่าการทิ้งกระจาด
จึงได้นำเรื่องนี้มาลงไว้เป็นอุทาหรณ์.
##########
จากคุณ :
เจียวต้าย
- [
วันอาสาฬหบูชา 17:51:11
]