http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W4415906/W4415906.html
ตอนที่แล้ว
==========
ตอนที่ 7
ผู้จัดการไร่เอนตัวพิงพนักระเบียง สายตาเลื่อนลอยมองพระอาทิตย์กำลังขึ้นจากเหลี่ยมเขาด้านตะวันออก ท้องฟ้าเป็นสีชมพูจาง ดาวศุกร์เป็นดาวดวงสุดท้ายที่คอยบอกลาท้องฟ้าเพื่อเข้าสู่เช้าวันใหม่ 3-4 วันมานี้เขาไม่รู้เป็นอะไร รู้สึกไม่ค่อยสดชื่นเลย มันเงียบเหงายังไงชอบกล จนมีหลายคนทักว่าเป็นอะไรรึเปล่า เขาไม่อยากจะเชื่อจริง ๆ ว่าตัวเขาเองจะดูแย่ขนาดนั้นเชียวหรือ เป็นเพราะอะไร เขาพยายามค้นหาสาเหตุ ทุกอย่างในชีวิตของเขาเหมือนเดิมทุกประการ ไม่ว่าจะเป็นการกิน การนอน การทำงาน การพักผ่อน ไม่มีอะไรแตกต่างกัน ผู้ร่วมงานก็เหมือนเดิม ทีมเดิม เพียงแต่
.
ระบิลสะดุ้งเมื่อขนนุ่ม ๆ มาคลอเคลียอยู่ที่หน้าแข้งไปมา จึงก้มลงมอง เห็นแมวหนุ่มขนฟูกำลังอ้อนประจบเขาอยู่ พอก้มลงมอง มันก็ส่งเสียงแหลมร้องทักทาย สบตาเขาด้วยนัยตาสีเหลืองสดใส
ว่าไงฟักทอง เขาทักทายแมวน้อยขนสามสีเหมือนเปลือกฟักทองตัวกลม แล้วขยับตัวลงมานั่งบนพื้นลูบหัวมันเบา ๆ อย่างเอ็นดู
เมื่อคืนเที่ยวดึกล่ะสิ! เกเรนะเรา ยกมะเหงกเขกกะบาลมันเบา ๆ อย่างหมั่นเขี้ยว
เจ้าสี่ขาเอนตัวลงล้มแผละนอนเรียกร้องความสนใจ อันเป็นนิสัยเฉพาะตัว ไม่ว่าเจอใครก็ตามจะเที่ยวล้มแผละใส่เขาอ้อนไปทั่ว ทำให้คนที่มองมันอดเอ็นดูปนหมั่นไส้ไม่ได้
หน้าฉันดูเซ็งมากเลยเหรอฟักทอง ทำไมมีแต่คนถามว่าฉันเป็นอะไร
แง้ว
. ฟักทองรับคำเสียงยาวเหมือนจะบอกเจ้านายว่า แม่นแล้วเจ้านาย
ไม่เอาน่า
ฟักทอง เป็นแมวห้ามโกหกรู้มั้ย เขาเอานิ้วจิ้มที่หน้าผากเจ้าเหมียวเบา ๆ
แง้ว
. เจ้าเหมียวร้องอีกราวกับจะถามว่า เป็นเพราะอะไรล่ะ เจ้านาย ก่อนจะคลานขึ้นมานั่งบนตักชายหนุ่มอย่างออเซาะ โดยปกติเขาจะลุกหนีเมื่อมันทำท่าจะถือวิสาสะขึ้นมานั่งบนตักเขา แต่วันนี้เขาปล่อยให้มันขึ้นมานั่งได้ แถมยังช่วยเกาคอให้มันอีกต่างหาก เจ้าเหมียวคอยืดคอยาวให้เขาเกาคอให้อย่างสบายอกสบายใจ
เพราะอะไรน่ะเหรอ นั่นสิ!
เจ้าฟักทองวางคอบนหน้าขาของเขาอย่างมีความสุข หลับตาพริ้มเชียว
คิดถึงใครบางคนมั้ง? เขาบอกมันในใจ ไม่อยากจะยอมรับตัวเองเลยว่าเป็นอย่างนั้นจริง ๆ ยิ่งเห็นเจ้าฟักทองก็ยิ่งทำให้คิดถึงใครคนนั้น เพราะเธอจะต้องหยุดเกาคอให้แมวหนุ่มทุกครั้งที่เจอกันแบบที่เขากำลังทำอยู่นี้ ตั้งแต่คุณหนูตะเกียงตามคุณท่านไปเยี่ยมญาติในเมือง ทำไมเขากลับรู้สึกเงียบเหงายังไงไม่รู้ ทั้ง ๆ ที่น่าจะดีใจที่ไม่มีตัวยุ่งก่อความวุ่นวายให้ปวดหัว ชีวิตกลับสู่ความเงียบ ความสงบอีกครั้ง น่าจะสบายใจที่ไม่ต้องคอยติดตามคอยดูแลใคร น่าจะรู้สึกดีที่ไม่ต้องมีภาระ มีคนติดสอยห้อยตามไปทุกหนทุกแห่ง มันน่าจะดีนะ แต่
เฮ้อ
.ไม่เข้าใจตัวเองเลย ทำไมไม่เหมือนเดิม
เสียงรถขับเข้ามาทำให้เขาหันไปมอง
ฟักทองใครมาน่ะ ไปดูซิ ชายหนุ่มตบสีข้างเจ้าเหมียวให้ลุกขึ้น มันก็ไม่ยอมลุก จนเขาต้องเขย่าตัวแมวหนุ่มแรงๆ
เจ้าเหมียวค่อย ๆ ลุกขึ้นอย่างขี้เกียจ ยืดขาหน้ายาวไปข้างหน้า กางกงเล็บออกเต็มที่ ก่อนอ้าปากหาวอย่างกว้างสุด ๆ
แง้ว
เจ้าฟักทองเดินกลับมา ราวกับจะบอกว่า คนที่เจ้านายคิดถึงไงมาแล้ว
บ้าน่า
..ทำเป็นรู้ดี เขาเขกกะโหลกแมว รู้สึกเหมือนตัวเองก็บ้าที่นั่งคุยกับแมวอยู่ได้ พูดเองเออเองหมด แต่ก็รู้สึกดีขึ้นที่ได้คุยได้ระบายอะไรออกไปบ้าง ถึงแม้มันจะไม่รู้เรื่อง แต่รู้สึกดีเหมือนมันคอยอยู่เป็นเพื่อน แค่นั่งเงียบ ๆ ก็รู้สึกเหมือนกับคอยปลอบใจ คอยให้กำลังใจ คอยรับฟังโดยไม่มีข้อโต้แย้งคัดค้านใด ๆ ที่สำคัญมันจะไม่เอาความในใจของเขาไปเที่ยวบอกใครแน่นอน
ภาพหลานสาวเจ้าของไร่ปรากฏขึ้นมาให้หัวสมอง วันที่เขาพาเธอไปช่วยดำนา กลางแดดจัดจ้าของยามเที่ยงวัน เห็นเธอทำงานไม่มีหยุดเลย ถ้าเขาไม่หยุดก็ดูเหมือนเธอจะไม่ยอมหยุดด้วยเช่นกัน แม้ว่าเธอจะไม่เคยทำมาก่อน ท่าทางเก้งก้างของหลานสาวเจ้าของไร่น่าขำระคนน่าเอ็นดู ก้ม ๆ เงย ๆ ปักดำต้นกล้าไปเรื่อย ๆ คุณหนูอย่างเธอที่เขาเคยดูถูกว่า คงจะไม่มีความอดทนซักเท่าไหร่ คงจะทำอะไรได้ไม่กี่น้ำ ร่างบอบบางอย่างนั้น คงทำงานหนักไม่ได้ แต่เธอทำให้เขาต้องทึ่ง ไม่นึกว่าเธอจะอึดมีน้ำอดน้ำทนได้ถึงเพียงนี้
พอเสร็จงาน คุณหนูตะเกียงจอมเฮี้ยวแทนที่จะหมดแรง กลับทำตัวเป็นหัวหน้าเด็ก พาเด็ก ๆ เล่นปาโคลน แล้วเขาหรือจะรอด กลับกลายเป็นเป้าเคลื่อนที่ที่วิ่งหนีแทบไม่ทัน เนื้อตัวเปรอะเปลื้อนมอมแมมเลอะขี้โคลนดำเมี่ยมไปตาม ๆ กัน วิ่งหนีวิ่งหลบกันเป็นพัลวัลอย่างสนุกสนาน พวกเด็ก ๆ ก็เหลือเกินน่าจับมาตีนัก ทั้งซนยังกะลิง วิ่งไล่จับกันจนล้มลุกคลุกคลานไปกับขี้โคลน ครั้งหนึ่งคุณหนูตะเกียงถูกเด็ก ๆ ชนจนเซมากระแทกเขาเสียหลักล้มไปทั้งคู่ ไม่วายเด็ก ๆ กรูกันเข้ามากระโดดกอดพร้อม ๆ กันเป็นสิบยังกับเล่นลักบี้ยังไงยังงั้นแหละ มองหน้าแต่ละคนแล้วอดหัวเราะไม่ได้ ดูไม่แตกต่างกันเลย
ผู้จัดการหนุ่มไม่เคยรู้สึกสนุกสนานเต็มที่อย่างนี้มาก่อนเลย นานแล้ว
ชีวิตที่ต้องรับผิดชอบตัวเองตั้งแต่เด็ก ช่วยแม่ทำงานหาเงิน หาเลี้ยงตัวเอง ไม่มีเวลาไปวิ่งเล่นเหมือนเด็ก ๆ คนอื่น ๆ ใบหน้ารู้สึกชาวาบขึ้นมาอย่างไม่มีสาเหตุ เมื่อนึกถึงแก้มเปื้อนขี้โคนของคุณหนูที่ห่างปลายจมูกของเขาไปนิดเดียว ไออุ่นจากตัวเธอที่มีโอกาสได้ใกล้ชิดเป็นพิเศษในวันนั้น คิดถึงทีไร หน้าเขามันแดงขึ้นมาทุกที เช้าวันรุ่งขึ้นได้ยินเธอบ่นปวดเมื่อยเนื้อตัวราวกับสายตัวแทบขาด คงจะปวดระบมไปหมด ป่านนี้อาการปวดเมื่อยเนื้อตัวของเธอจะหายดีหรือยัง
เขาคิดถึงเธอ
.เป็นห่วงเธอ
ระบิล!! ฉันกลับมาแล้ว เสียงใสแจ๋วดังมาก่อนที่ตัวจะมาถึงเสียอีก
ชายหนุ่มสะดุ้งสุดตัว หันขวับไปตามเสียง กำลังงงว่า ตัวเองหูแว่วหรือเปล่า กำหนดการเธอจะไปตั้งห้าวัน นี่เพิ่งสามวันเอง
เมื่อหลานสาวเจ้าของไร่ก้าวเท้าพ้นบันไดขั้นสุดท้ายมองเห็นผู้จัดการไร่ รู้สึกดีใจเหลือเกินที่ได้เห็นหน้าชายหนุ่ม กลัวว่าจะไม่เจอกัน ถ้าเขาออกไปไร่เสียก่อน เลยรีบให้คนรถบึ่งมาถึงแต่เช้า อยากจะบอกเขาว่าคิดถึงจังเลย แต่ก็พูดตามอย่างใจนึกไม่ได้
กลับมาแล้วหรือครับ เขารู้สึกดีใจเช่นกันที่เห็นเธอกลับมา ใบหน้าชายหนุ่มที่เคยเรียบเฉยอมยิ้มเล็กน้อย แต่แววตาคู่นั้นเป็นประกายแจ่มใส ไม่อาจปกปิดความรู้สึกดีดีที่บ่งบอกออกมาทางแววตา มองใบหน้าเด็กสาวที่แดงจัดเนื่องจากถูกแดดแผดเผาในวันที่เขาพาไปดำนาเมื่อ 3 วันก่อน รอยไหม้เกรียมยังไม่จางไป
ฉันขอกลับมาก่อนน่ะ ไม่ชอบคนเยอะ ๆ วุ่นวายไงไม่รู้สิ พลางเหลือบมองเห็นฟักทองนั่งอยู่ข้าง ๆ ผู้จัดการไร่
อ้าว!! ฟักทอง คิดถึงจังเลย สาวน้อยรีบสาวเท้าเดินเข้าไปหา ย่อตัวลงลูบหัวเจ้าเหมียว ใจอยากบอกเขาเหลือเกินว่าคิดถึงมากมายแค่ไหน ได้แต่บอกเจ้าเหมียวแทน
คิดถึงกันบ้างหรือเปล่า อยากจะถามเขาจัง ได้แต่แกล้งถามเจ้าแมวเหมียวตัวกลมไปอย่างนั้นเอง
คิดถึงครับ
เด็กสาวชะงัก! อย่างงง ๆ กระพริบตาปริบ ๆ
เฮ้ย! หูฝาดไปป่าวเนี่ย!!
ไม่อยากจะเชื่อหูตัวเองเท่าไหร่ เงยหน้ามองชายหนุ่มทันที
สายตาของเธอทำให้เขาผงะเล็กน้อย สติกลับคืนมาจากการลืมตัวสุด ๆ
เอ่อ
ฟักทองครับ มัน
คง
คิดถึงคุณ เขาตอบตะกุกตะกักแก้ตัวที่เผลอหลุดปากพูดออกไปอย่างนั้น ทั้ง ๆ ที่ตั้งใจจะบอกเธออยู่ในใจต่างหาก แต่ดันหลุดเป็นถ้อยคำออกไปได้ยังไงกัน
ใช่มั้ย
ฟักทอง
จริงเหรอ
ฟักทอง
เธอกับเขาพูดขึ้นพร้อมกันอย่างไม่ได้นัดแนะ พลางเอามือลูบหัวแมวแก้เก้อพร้อมกันอย่างไม่ได้นัดหมาย มีผลทำให้มือของเขาบังเอิญวางอยู่บนหลังมือของเธออย่างไม่ได้ตั้งใจ
เหมือนกระแสไฟฟ้าวิ่งแปล๊บเข้ามาที่หัวใจ ทำไงดีเนี่ย
ราวกับจะทำอะไรไม่ถูก แต่แล้วรีบทำไม่รู้ไม่ชี้เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น คุณหนูตะเกียงรีบเลื่อนมือออกจากฝ่ามืออุ่นของบุรุษ รีบอุ้มเจ้าฟักทองขึ้นมาหันไปทางอื่นโดยที่ไม่กล้าแม้แต่จะมองหน้าผู้จัดการไร่ตะเกียงไพรแม้แต่น้อย
โชคดีที่คุณหนูตะเกียงอุ้มเจ้าฟักทองหันไปทางอื่น มิฉะนั้น! คงได้เห็นใบหน้าผู้จัดการไร่กำลังแดงจัด ชายหนุ่มผ่อนลมหายใจออกยาว ๆ เพื่อควบคุมการเต้นของหัวใจที่กำลังรัวเป็นกลองชุดอยู่ข้างใน
คิดถึงจริงเหรอฟักทอง
คิดถึงจริง ๆ กั๊บ ผู้จัดการไร่ดัดเสียงแมวเดินตามไป
รวิวารหัวเราะอย่างขำสุดขีด ผู้จัดการไร่ตะเกียงไพรที่ชอบเก๊กหน้าเคร่งขรึมจนเฉยชา มีอารมณ์นี้ด้วยหรือ ทำให้เขาเองก็กลั้นหัวเราะไม่ไหวขำตัวเองเช่นกัน
วันนี้นายมีโปรแกรมทำอะไรบ้างล่ะ หลานสาวเจ้าของไร่ถามโดยยังไม่ยอมเงยหน้ามองผู้จัดการหนุ่ม มือยังคงวนเวียนอยู่กับการลูบไล้ขนนุ่ม ๆ ของเจ้าฟักทองเล่น
วันนี้เรามีงานช่วยกันฟาดข้าวครับ จะมีการทำอาหารเลี้ยงกันในตอนเช้า ตอนสายเราก็จะเริ่มฟาดข้าวกันเลย ผมว่ากำลังจะออกไปพอดี
ฉันไปด้วยนะ เธอมองหน้าผู้จัดการหนุ่มราวกับจะขออนุญาต
ว่าแต่หายปวดเมื่อยแล้วหรือครับ ไหวหรอ ชายหนุ่มถามไถ่อย่างห่วงใย
หายแล้วล่ะ เธอบอกเขาด้วยน้ำเสียงแจ่มใส แม้จะยังไม่หายดีก็ตาม
งั้นไปกันเลยนะครับ
ผู้จัดการไร่ตะเกียงไพรพาหลานสาวเจ้าของไร่เดินผ่านแปลงนาต้นข้าวสีเขียวสดใสกำลังงาม ลมพัดพริ้วเย็นสบาย แดดอุ่นยามสายสีทองแผ่รังสีโอบกอดพื้นปฐพีและทุกสิ่งบนพื้นโลกไว้ด้วยความรัก ฟ้าสีฟ้าครามแจ่มใส นกสีขาวบินเหนือทุ่งนาเขียวขจีดูโดดเด่นตัดพื้นนาอย่างสวยงาม
สวยจังเลยระบิล เธอชอบสีเขียวสดใสของต้นข้าวเหลือเกิน กวาดสายตามองไปจนสุดลูกหูลูกตาอย่างตื่นเต้นกับความงามของต้นข้าว พร้อมกับสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ อย่างสดชื่นจนเต็มปอด
ระบิลยืนมองเด็กสาวเพลิดเพลินมองโน่นมองนี่อย่างสนอกสนใจในความเป็นธรรมชาติ เขาชอบรอยยิ้มของเธอที่สดใสเหมือนแสงแดดสีทอง เสียงหัวเราะของเธอมีชีวิตชีวาเหมือนต้นข้าวเขียวขจี สายตาเธออ่อนโยนบริสุทธิ์ดุจนกสีขาวที่โบยบินเหนือท้องนาอย่างอิสระเสรี
แล้วต้นข้าวที่ฉันปักดำไปวันก่อนเป็นไงบ้าง โตขึ้นรึยัง
ชายหนุ่มยิ้ม อืม
ก็ยังเป็นต้นข้าวอยู่ครับ ยังไม่ได้กลายเป็นต้นอื่น สายตาคู่นั้นมองเธออย่างเอ็นดู เธอเพิ่งปลูกไปเมื่อสามวันก่อนเอง จะให้มันรีบโตไปถึงไหน
ไม่ใช่
อย่าตอบกวนดิ เธอเริ่มส่งเสียงดัง พลางขมวดคิ้วย่น
เดี๋ยวนี้ชักมุขนะ!
เด็กสาวจ้องหน้าเขาเอาเรื่อง แต่เห็นใบหน้าแต้มยิ้มบาง ๆ แววตาอ่อนโยนคู่นั้นทำให้โกรธเขาไม่ลง
ยิ้มอะไรไม่ทราบ แต่ยังแกล้งเก๊กเสียงหาเรื่อง
เขาไม่ได้ตอบแต่รอยยิ้มอบอุ่นนั้นกลับชัดเจนขึ้นจนคลี่คลายเป็นรอยยิ้มละไม ลมพัดเส้นผมของเธอไหวเบา ๆ ไรผมคลอเคลียไปกับผิวข้างแก้มใส
ยิ้มเยาะหัวเราะฉันหรือไง
เปล่าครับ
แล้วอะไรล่ะ เธอไม่ยอม
อยากรู้เหรอครับ
เสียงนุ่ม ๆ ของเขาอบอุ่นเป็นพิเศษกับประโยคนี้ ทำให้เธอลังเล ชักกลัวคำตอบ หัวใจหวิว ๆ ชอบกล
ไม่เห็นจะอยากรู้เล้ย! เธอไหวไหล่ แกล้งทำเป็นไม่สนใจ
แน่ใจนะ เขาถามย้ำ
อยากบอกก็บอกมาสิ! เธอแกล้งทำหน้าตายเหมือนไม่อยากรู้ แต่จริง ๆ ในใจอยากรู้มากเหลือเกิน
ไม่บอกแล้ว
อ้าว
!!
อะไรกันเนี่ย!! ทำให้อยากรู้แล้วไม่ยอมบอกเอาดื้อ ๆ ร้ายจริง ๆ
รีบไปกันเถอะครับ เดี๋ยวสาย ชายหนุ่มรีบก้าวยาว ๆ เดินนำไปก่อนไม่รอเธอ กลัวเธอจะเซ้าซี้ถามอีก
คนบ้า! เธอรีบจ้ำฝีเท้า พลางบ่นอุบตามหลังเขาไป แต่ก็อดยิ้มไม่ได้ ไม่ว่าสิ่งที่เขาไม่บอกนั้นคืออะไรก็ตาม แต่การที่ได้มีเขาอยู่ใกล้ ๆ เวลานี้ก็พอใจแล้ว
แก้ไขเมื่อ 11 ก.ค. 49 23:52:32
จากคุณ :
ริเศรษฐ์
- [
วันเข้าพรรษา 23:47:42
]