CafeTech-ExchangePantip MarketChatPantownBlogGangTorakhongGameRoom


    *-*-*-*-แ น บ เ นี ย น-*-*-*-*

    แนบเนียน (21 มิ.ย. 49)

    เอมอรนั่งรับประทานบะหมี่อยู่ในร้านข้างทาง ถัดจากแฟลตที่หล่อนพักอยู่ไม่ไกลนัก พลางนึกย้อนไปถึงเรื่องเก่าๆ หลังจากที่สูญเสียบิดามารดาอันเป็นที่รักไปแล้ว หกเดือนต่อมา พี่ชายของหล่อนก็หายตัวไปอีกคน จะด้วยเหตุผลใดก็ไม่ทราบ แม้แต่ตำรวจยังควานหาตัวไม่พบ หล่อนแทบเป็นบ้าเมื่อพบว่าญาติที่เหลืออยู่เพียงคนเดียวก็ยังมาสูญหายไป  ความเครียดถาโถมดั่งคลื่นซัด หล่อนกลายเป็นคนเก็บตัว ไม่เสวนากับใครเกินความจำเป็น  ปลงตกกับการใช้ชีวิตไปเพียงลำพัง

    เสียงเบรครถดังเอี๊ยดปลุกเอมอรตื่นจากภวังค์ หล่อนหันไปมอง เห็นรถคันนั้นแล่นผ่านเลยไป เสียงตะโกนโหวกเหวกจากคนขับดังขึ้นแล้วค่อยๆแผ่วลง เป็นภาพที่ชินตาสำหรับเอมอร เมื่อแลเห็นชายต้นเหตุยืนโบกไม้โบกมือด้วยสติอันไม่สมประกอบอยู่กลางถนน เสื้อผ้าติดกายสีเทาซึ่งครั้งหนึ่งคงเคยเป็นสีดำขาดหลุดรุ่ย หนวดเครายาวรุงรัง ผมเผ้าแข็งกรังกระเซอะกระเซิงเต็มไปด้วยฝุ่นละอองปรกลงมาปิดหน้าตาบางส่วนไว้ เนื้อตัวส่วนที่โผล่พ้นเสื้อผ้าออกมานั้น คาดเดาไม่ถูกเลยว่าปราศจากการอาบน้ำมากี่เดือนหรือกี่ปี

    เสียงคนโต๊ะข้างๆวิจารณ์ว่า

    “ไอ้บ้านี่มันคงอยากตายเร็วๆ วันๆเห็นมันเดินตัดหน้ารถคนเล่นอยู่เรื่อย ใครเบรคไม่ทันคงได้เสยมันเข้าสักวัน”

    ยามหล่อนเห็นชายสติวิปลาสผู้นี้ทีไร หล่อนได้กำลังใจขึ้นอีกมากโข แม้ว่าหล่อนกับพี่ชายต้องขายบ้านเดิมทิ้งเพื่อชดใช้หนี้สินจำนวนมากหลังจากบิดามารดาเสียชีวิตลง ย้ายมาอยู่แฟลตเล็กๆกลางเก่ากลางใหม่แห่งนี้ แต่หล่อนก็ไม่เคยอดมื้อกินมื้อ ถึงขนาดต้องไปคุ้ยเขี่ยถังขยะตามบ้านเรือนเพื่อหาเศษอาหารที่ถูกทิ้งแล้วมาประทังชีวิตเหมือนชายผู้นี้

    จ่ายเงินค่าอาหารแล้ว เอมอรก็เดินเอื่อยๆกลับแฟลต ก่อนจะก้าวเท้าขึ้นบันไดไปยังห้องพักชั้นบน สำเนียงจีนปนไทยของเจ๊สี่เจ้าของแฟลตดังลอดแหวกอากาศมารั้งหล่อนไว้เสียก่อน

    “เดี่ยวสิ...อาเอมอร” เจ๊สี่เดินเร็วตรงมาที่หล่อน

    “มีอะไรคะเจ๊”

    “อั๊วมีรูปภาพวิวสวยๆจะให้ลื๊อ สมนาคุณในฐานะที่ลื๊อเป็นลูกค้าอั๊วมาเกินหนึ่งปี แถมยังจ่ายค่าเช่า ค่าน้ำ ค่าไฟตรงเวลาทุกงวด ลูกค้าชั้นดีอย่างลื๊อ อั๊วต้องสมนาคุณซักหน่อย”

    เอมอรยิ้มพลางกล่าวขอบคุณ นึกในใจว่าอย่างนี้ก็มีด้วย

    “เอางี้ดีกว่า พรุ่งนี้ตอนลื๊อออกไปทำงานแล้ว อั๊วจะให้คนของอั๊วขึ้นไปติดไว้ในห้องลื๊อเอง ลื๊อเก็บของมีค่าใส่ลิ้นชักล็อคไว้ ถ้ากลัวอะไรหาย คนของอั๊วไว้ใจได้ อีกอย่างอั๊วคอยคุมอยู่ทั้งคน สบายใจหายห่วง”

    เอมอรกล่าวขอบคุณอีกรอบ ก่อนจะสาวเท้าขึ้นบันไดไป  หล่อนไม่กลัวของในห้องหายหรอกเพราะไม่มีอะไรเลยนอกจากของใช้จำเป็น  ถ้ามีเงินก็ฝากอยู่ในธนาคาร ถ้ามีเครื่องเพชรเครื่องทองก็คงอยู่โรงจำนำหมดแล้ว ลำพังเงินเดือนจากการทำงาน ตัดรายจ่ายค่าห้อง ค่าน้ำ ค่าไฟ ก็เหลือกินพอครบเดือนพอดี ไม่มีให้ฟุ่มเฟือยอย่างอื่นได้หรอก

    เย็นวันรุ่งขึ้น  หล่อนกลับจากทำงาน เห็นตำรวจนอกเครื่องแบบสองนายเดินออกมาจากห้องรับลูกค้าด้านล่างของแฟลต โดยมีเจ๊สี่ตามออกมาส่ง แกเหลือบมาเห็นหล่อนเข้าพอดีจึงบอกว่า

    “อาเอมอร อั๊วให้คนไปติดรูปให้ลื๊อแล้วนะ ตามหลักฮวงจุ้ยด้วย ลื๊ออย่าไปเปลี่ยนทิศมันเสียล่ะ”

    “ขอบคุณค่ะเจ๊ ว่าแต่เมื่อกี๊นี้ตำรวจสองคนนั้นมาทำไมเหรอคะ มีเรื่องอะไรกัน” หล่อนอดไม่ได้ที่จะถาม

    “โอ๊ย จะไปมีเรื่องอาไร๊  อีก็มาดูแลความเรียบร้อยเท่านั้นเอง”

    แต่ไหนแต่ไรมา หล่อนไม่เคยเห็นตำรวจย่างกรายมาที่นี่สักราย จู่ๆเกิดจะมาตรวจความเรียบร้อย แสดงว่าต้องมีกลิ่นตุๆเล็ดลอดออกไปแน่ๆ

    เมื่อเปิดประตูเข้ามาในห้อง หล่อนเดินไปสำรวจรูปภาพที่เจ๊สี่ให้คนนำมาแขวนไว้ข้างผนังเป็นอันดับแรก รู้สึกว่ามันดูผิดมุมอย่างไรพิกล แต่จำได้ว่าแกอ้างว่าติดตามหลักฮวงจุ้ย คนจีนก็แบบนี้ ทำอะไรต้องคำนึงถึงหลักฮวงจุ้ยไว้ก่อน ก็ดีเหมือนกัน โชคลาภอาจลอยมา จะได้เจริญรุ่งเรื่องกับเขาเสียที

    เอมอรนอนหลับ และมักจะฝันเสมอว่า พี่ชายของหล่อนอยู่กับหล่อนไม่ใกล้ไม่ไกล บางครั้งหล่อนสะดุ้งตื่นขึ้นมากลางดึก รู้สึกหนาวเยือก และคิดถึงเขาเป็นที่สุด เหตุการณ์เหล่านี้ทำให้หล่อนไม่แน่ใจว่าพี่ชายของหล่อนยังมีชีวิตอยู่หรือเปล่า

    ดังเช่นคืนนี้ หล่อนนอนคิดถึงพี่ชายท่ามกลางความเงียบสงัด  ได้ยินเสียงข้างห้องเปิดปิดประตูเป็นระยะ ไม่มีเสียงพูด มีแต่เสียงฝีเท้าคนเบาๆ หล่อนจะได้ยินแทบทุกครั้งที่ตื่นขึ้นมาในยามวิกาล นึกอยากลุกขึ้นไปแง้มประตูดูให้รู้แล้วรู้รอด แต่คิดๆแล้วมันไม่ใช่วิสัยที่หล่อนจะไปยุ่งเรื่องของใคร เขาจะทำอะไรก็ช่างเถอะ เพียงแค่ไม่รบกวนกันก็พอ

    เอมอรหลับไปอีกในที่สุด ไม่รู้ว่านานเท่าใด มาสะดุ้งตื่นอีกที เมื่อได้ยินเสียงเปรี้ยงปร้างคล้ายเสียงปืนดังขึ้นบริเวณระเบียงหน้าห้อง ทีแรกคิดว่าฝันไป แต่เสียงดังสามนัดรัวติดกันทำให้หล่อนรู้ว่านี่คือเรื่องจริง!

    ด้วยความตระหนกปนความอยากรู้อยากเห็น พาร่างของเอมอรถลาไปที่ประตูห้อง จังหวะที่หล่อนกำลังค่อยๆแง้มประตูออกดูนั้น ร่างสูงใหญ่กระแทกบานประตูเข้ามาอย่างแรง ประตูเปิดผางออก เอมอรกระเด็นไปชนตู้เสื้อผ้าทางขวามือ พยายามจะทรงตัวลุกขึ้นด้วยความงุนงง แต่แล้วมือแข็งแรงราวคีมเหล็กก็กระชากหล่อนเข้าไปในวงแขน พร้อมด้วยอาวุธปืนจี้อยู่ที่ขมับซ้ายของหล่อน

    “แกปล่อยผู้หญิงแล้ววางอาวุธลงซะ พวกของแกถูกจับหมดแล้ว หนีไปก็ไม่รอดหรอกไอ้น้องเอ๊ย”

    เจ้าของเสียงนั้นเป็นนายตำรวจนอกเครื่องแบบที่เอมอรเห็นเมื่อตอนเย็น คราวนี้มาด้วยเครื่องแต่งกายเต็มยศ ในมือถือปืนหมายเล็งมาที่ศีรษะชายที่จับหล่อนเป็นตัวประกัน หล่อนอยากตายเสียให้ได้ ใจเต้นระรัว ด้วยไม่เคยพบเจอเหตุการณ์แบบนี้มาก่อน

    “แกนั่นแหละที่ต้องวางปืน ไม่งั้นข้าจะเป่าสมองนังผู้หญิงคนนี้เสีย”

    เสียงสั่นๆ รวมทั้งกิริยาลนลานนั้น ทำให้สารวัตรยิ้มอย่างได้ใจ

    “แกเสียเลือดมากเลยนะนั่น เมื่อกี๊คนของฉันยิงถูกใช่ไหม  ขืนปล่อยไว้แบบนี้แกจะเสียเลือดจนตายนะ”

    “แกหุบปาก เลือกเอาระหว่างเก็บศพอีนังนี่ กับทิ้งปืนแล้วปล่อยข้าไป”

    เอมอรไม่คาดคิดว่าสารวัตรจะทิ้งปืนลงบนพื้น ยอมจำนนต่อข้อต่อรองง่ายๆแบบนี้ หล่อนแทบอยากจะร้องไห้ออกมากับความเลวร้ายที่ประสบพบเจอ ไฉนโชคชะตาจึงขีดมาให้หล่อนพบเจอแต่ความอับโชคเช่นนี้

    “ยกมือทั้งสองข้างขึ้นชูให้ข้าเห็นด้วย” ชายข้างหลังหล่อนได้ทีข่มขู่ต่อ

    สารวัตรค่อยๆชูมือทั้งสองข้างขึ้นเหนือศีรษะ ดวงตาจับนิ่งต่ออากัปกิริยาฝ่ายตรงข้าม เอมอรเห็นเหมือนเขาจะสะกิดยิ้มออกมาเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ยเสียงเรียบๆว่า

    “ถ้าแกคิดจะหนี ไม่ยอมมอบตัว แกหนีให้รอดแล้วกัน คนของฉันไม่หมูอย่างที่แกคิด ที่เห็นว่าเป็นไอ้บ้าอยู่ข้างถนน มันก็ส่งกระสุนไปฝังไว้ในแขนแกแล้วหนึ่งนัด  ขอให้โชคดีนะเพื่อน”

    เอมอรไม่เข้าใจที่สารวัตรพูด ทันใดนั้น ใครคนหนึ่งเข้ามายืนซ้อนหลังชายที่จับหล่อนเป็นตัวประกัน แล้วใช้ด้ามปืนทุบเข้าที่ศีรษะเต็มแรง ร่างใหญ่นั้นทรุดลงกับพื้น  แขนที่พันธนาการเอมอรไว้หลุดออก  หล่อนจึงรีบกระโจนหนีไปทางที่สารวัตรยืนอยู่  ตอนนี้เองหล่อนจึงเข้าใจว่า”คนของฉัน” นั้นหมายถึงใคร

    ชายสติวิปลาส เนื้อตัวโสโครก ชอบวิ่งตัดหน้ารถที่ขับผ่านไปมา อาศัยอยู่ข้างถนนใกล้ๆแฟลต  บัดนี้ถือปืนเล็งไปที่ชายร่างใหญ่ที่ถูกเขาทุบศีรษะเมื่อครู่ นอนสลบกองอยู่กับพื้น

    “เรียบร้อยแล้วครับสารวัตร”  ชาย”บ้า”หันมาพูดกับสารวัตรราวกับคนรู้สติดี

    เริ่มมีไทยมุงกลุ่มย่อยเกิดขึ้นบริเวณหน้าห้อง  เสียงเจ๊สี่บ่นเอะอะมาแต่ไกลทำนองว่าน่าจะจัดการเรื่องให้เงียบกว่านี้  รอบข้างต่างวิพากษ์วิจารณ์กันเสียงดังอื้ออึง  เอมอรได้แต่ยืนงง มองสารวัตรเดินเข้าไปใส่กุญแจมือผู้ต้องหา ก่อนจะประกาศขึ้นดังๆให้ทราบทั่วกัน

    “สถานการณ์กลับสู่ภาวะปกติแล้วครับ ขอให้ทุกคนแยกย้ายกันไปพักผ่อนจะดีกว่า รายละเอียดทั้งหมดเดี๋ยวท่านทั้งหลายก็คงจะทราบกันเองทางสื่อต่างๆ”

    ใครคนหนึ่งในกลุ่มไทยมุงตะโกนถามขึ้นว่า ”แล้วไอ้บ้านั่น มันมาช่วยคุณตำรวจจับผู้ร้ายด้วยหรอครับ”

    “คนของผมเอง  เขาสติดีเหมือนเราๆนี่ล่ะ  เขาเป็นสายสืบให้ผม”

    ถึงบางอ้อกันแล้ว ไทยมุงก็สลายตัวเดินกลับห้องของตน เว้นเจ๊สี่ที่ยังยืนอยู่ต่อ  เอมอรมองหน้าคนโน้นทีคนนี้ทีอย่างสับสน  สารวัตรจึงขยายความเรื่องทั้งหมดให้หล่อนฟัง โดยมีเจ๊สี่และชายเคย”บ้า”ยืนอยู่ด้วยเงียบๆ

    “เราตามคนกลุ่มหนึ่งที่เกี่ยวข้องกับคดียาเสพติดมานานแล้ว แต่จับไม่ได้คาหนังคาเขาเสียที พวกมันย้ายที่ไปเรื่อยๆ จนกระทั่งมาอยู่ที่แฟลตนี้ มันใช้ที่นี่ก็คือห้องข้างๆคุณนั่นแหละเป็นที่ติดต่อลูกค้าและก็เป็นที่จัดเก็บบางส่วน พวกมันจะทำกันในตอนกลางคืน  มันกบดานอยู่ที่นี่นานมาก คงนึกว่าเราเลิกตามกลิ่นมันไปแล้ว ผมส่งคนของผมมาเฝ้าสังเกตการณ์อยู่เงียบๆ โดยให้ปลอมตัวเป็นคนบ้าอยู่แถวๆนี้ จนแน่ใจว่าพวกมันไม่ระแคระคาย จึงวางแผนเข้าจับกุม อ้อ อีกอย่างนึง ผมขอหลักฐานชิ้นสุดท้ายที่อยู่ในห้องคุณด้วย” เขาชี้ไปยังรูปภาพที่เจ๊สี่สมนาคุณแก่หล่อน” ต้องขอบคุณเจ๊สี่ที่ให้ความร่วมมือแก่เราเป็นอย่างดี รูปภาพนี้เราซ่อนกล้องไว้ด้านหลัง เจาะรูกำแพงจากห้องคุณเมื่อเช้านี้ตอนที่พวกมันไม่อยู่ เพื่อบันทึกภาพพวกมันไว้เป็นหลักฐานอีกชิ้นนึง”

    “มิน่า ฉันเองก็แปลกใจแต่แรกแล้วว่าทำไมถึงเอาไปติดมุมนั้น” เอมอรเริ่มมีสีหน้าคลายกังวล

    “เรื่องสุดท้ายที่ผมจะแจ้งให้คุณทราบ ขอให้คุณทำใจให้ดีก่อนจะฟัง เรื่องพี่ชายของคุณ”

    ถึงแม้ความหวังในอันที่จะพบเจอไม่มีเหลือแล้ว แต่ก็อดใจหายวาบไม่ได้

    “พี่ชายของฉันเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ใช่ไหมคะสารวัตร เขาตายแล้วใช่ไหมคะ”

    สารวัตรถอนหายใจ ทำสีหน้าอธิบายยาก

    “พี่ชายของคุณรักคุณมาก  อยากจะทำอะไรสักอย่างนึงให้คุณได้อยู่สบาย หลังจากที่พวกคุณตกที่นั่งลำบาก เขาอุทิศตัวเข้ามาช่วยงานผมจนสำเร็จลุล่วงด้วยดี ได้รับค่าตอบแทนจำนวนมากทีเดียว ไม่ต้องห่วงครับ เขายังมีชีวิตอยู่ และอยู่ใกล้ๆคุณด้วย เพียงแต่คุณจำเขาไม่ได้เท่านั้นเอง เสร็จงานของเขาแล้ว คุณจะได้พบเขาในฐานะที่เขาเป็นพี่ชายของคุณ ไม่ใช่คนบ้าอีกต่อไป คุณคงมีอะไรอยากจะถามไถ่เขามากมาย แต่แนะนำว่าตอนนี้ให้เขาไปสลัดคราบคนบ้าออกก่อน จะได้คุยกันสะดวกน่ะครับ”

    สายตาทุกคู่พุ่งตรงไปที่ใบหน้าของเอมอร ซึ่งตอนนี้อยู่ในอาการ...ช็อค!
    ------------------------
    *****ยินดีรับคำติชมทุกประการค่ะ*****

    จากคุณ : รีรีข้าวสาร - [ 12 ก.ค. 49 20:24:04 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | PanTown.com | BlogGang.com