ใครบอกว่าหล่อนไม่เจ็บ... ใช่... เจ็บ... เจ็บทุกครั้งที่คำพูดเหล่านั้นออกมาจากริมฝีปาก เหมือนใบมีดคมเฉือนกรีดเข้าไปถึงในเนื้อหัวใจ...แต่ครั้นจะกรีดร้องโวยวาย มันก็ย่อมเปล่าประโยชน์เสียสิ้น... คนพาลก็คือคนพาล... จะพูดดีอย่างไร ก็เหมือนเอามีดบางๆ ไปกรีดหิน... ไม่... แม้แต่จะเป็นรอยด้วยซ้ำไป
รถเมอซิเดสสีเงินคันงามแล่นเข้ามาจอดหน้าคฤหาสน์หลังใหญ่อย่างนุ่มนวล เสียงปิดประตูกระแทกดังสะท้อนก้องไปตามเสาหินอ่อนสไตล์โรมันที่สร้างขึ้นเพื่อรับน้ำหนักในด้านหน้า สาวใช้ทุกคนต่างกรูถอย เมื่อเห็นเจ้านายของตัวเองเดินลงมาด้วยสีหน้าไม่รับบุญ
คุณภัทร... พี่เลี้ยงของหยาดรุ้งเดินออกมาจากด้านในด้วยสีหน้าเป็นกังวลใจ ครั้นไม่เห็นเจ้านายคนเล็กของตัวเองตามมาด้วย ก็ค่อยคลายสีหน้า...
ยังปลอดภัย...แสดงว่ายังปลอดภัย...เหลือแต่เพียงธีรวัชและพี่สาวของเขาที่ดูท่าว่าจะแย่...
แน่อยู่หรอกแม้จิรภัทรจะโกรธที่น้องสาวของตัวเองหนีงานหมั้นครั้งนี้ไปแค่ไหน แต่ไม่มีทางที่เขาจะทำร้ายน้องสาวของตัวเองแน่... คนอยู่รอบข้างต่างหาก อันตราย มีภัยโดยไม่รู้สึกตัว
เมื่อเที่ยงวานหยาดรุ้งยังลอบโทรศัพท์มาอย่าง เงียบๆ... บอกแค่ข่าวว่าสบายดี...ไม่เดือดร้อน...และมีความสุขใจยิ่งกว่าเดิม... หากกำลังกังวล.. พี่ชายลงไปทำร้ายนลิน พี่สาวของคนรักที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่อะไรแม้แต่น้อย
นลิน... ป้านิ่มยังจำผู้หญิงคนนั้นได้... ตัวเล็ก บอบบาง หากเหมือนซ่อนความแข็งแกร่งอยู่ด้านใน...แข็งแกร่งจนนึกชอบชมอยู่ลึกๆ ... กระนั้น ถึงแม้จะ แกร่ง ขนาดไหน...เจอฤทธิ์จิรภัทรเข้าไปสักครั้งแล้วจะสู้ไหวหรือ ขนาดป้านิ่มเห็นกันมาตั้งแต่เล็กตั้งแต่น้อย ยามมองหน้าก็ยังมองได้ไม่ค่อยเต็มตา...แบบนี้...
รุ้งโทรศัพท์มาที่บ้านบ้างหรือเปล่า?
เปล่าค่ะ ป้านิ่มบอกเสียงอ่อน โมทนาสาธุในใจให้ความรู้สึกดีที่ได้ช่วยเหลือเจ้านายคนเล็กของตัวเองมาไกล่เกลี่ยกับบาปที่ต้องโกหกนับไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง
เดี๋ยวสักพักเดือดร้อนทนไม่ไหวก็ต้องซมซานกลับมาแน่...ลำบากลำบนแบบนั้นจะอยู่ไปได้นานสักเท่าไหร่เชียว คำบอกนั้นฟังหมิ่นหยามอยู่ในน้ำเสียง ดวงตาสีเข้มคู่งามวาวโรจน์ดุจเป็นเปลวไฟแผดเผาจนคนอยู่ใกล้รู้สึกอึดอัดใจ
คุณภัทรไม่สงสารคุณรุ้งบ้างเหรอคะ....เธอลำบากขนาดนั้นแล้ว
มันคนละเรื่องกัน...อยากสุขสบายก็กลับมาที่บ้าน
แต่เธอรักกับคุณธีรวัชนี่คะ บอกเสียงอ่อนแล้วมองเสี้ยวหน้าแข็งกระด้างนั้นอย่างกลัวเกรง ถึงป่านนี้แล้ว คุณน่าจะเห็นใจเธอบ้างนะคะ ปกติคุณรุ้งไม่ใช่คนหัวแข็ง แต่นี่เธอคงเล็งดูแล้วว่าอยู่ต่อไปไม่มีความสุขจริงๆ ถึงได้กล้าหนีคุณออกจากบ้านไป
ป้านิ่มไม่ต้องมาแก้ตัวให้รุ้งหรอก เขาตัดบทด้วยความหงุดหงิด งุ่นง่าน เราตามใจรุ้งจนเสียนิสัยมามากแล้ว อยากได้อะไรก็ต้องได้ตลอด ไม่เคยคิดให้รอบคอบบ้างเลย
คุณรุ้งเธอโตแล้วนะคะคุณภัทร
โตยังไงก็ยังคิดแบบเด็กได้...คนเราพอความรักเข้าตาก็มืดบอดไปหมดไม่ว่าจะอายุสักเท่าไหร่ก็เถอะ คนแก่แทบตายยังถูกเด็กหลอกออกข่าวตามหน้าหนึ่งหนังสือพิมพ์บ่อยจะตายไป
คุณภัทรมองในแง่ร้ายเกินไปหรือเปล่าคะ... ธีรวัชอาจจะไม่ใช่คนแบบนั้นก็ได้
เฮอะ ไหล่หนายักสูง น้ำหน้าอย่างไอ้ธีรวัชมันจะดูแลหยาดรุ้งได้ดีสักเท่าไหร่เชียว คร้านพอได้แต่งงานสมใจแล้วจะทิ้งขว้าง ไถเงินเมียไปละลายในวงเหล้า ส่วนรุ้งก็ได้แต่นอนร้องไห้ฟูมฟายอยู่กับบ้าน...ผมดูคนออกน่ะ อย่างไอ้หมอนั่น ไม่มีทางรักหยาดรุ้งจริง ไม่มีทางดูแลน้องสาวผมได้แน่ๆ
โธ่...คุณก็ดูแบบตั้งอยู่บนอคติส่วนตัวเป็นพื้นฐาน... ที่จริงเขาจะเป็นอย่างนั้นแน่หรือยังไงก็ไม่เคยได้พิสูจน์รู้ ป้าเชื่อนะคะ ว่าคุณรุ้งรอบคอบ คุณปล่อยเธอไปบ้างเถอะค่ะ
ผมต้องได้รุ้งกลับมา คนเป็นพี่ประกาศก้องประกาศิตชัด...ด้วยเกียรติของตนก็ต้องไม่ยอมให้ใครมาหมิ่นหยาม โดยเฉพาะคนต๊อกต๋อยไร้หัวนอนปลายเท้าอย่างธีรวัช วิศวกรไส้แห้งๆ คนนั้น
ผมต้องเอาตัวรุ้งกลับมาให้ได้ ไม่ว่าทางใดก็ทางหนึ่ง!
ร่างสูงเดินย่ำขึ้นบันไดโค้งครึ่งวงกลมยาวตั้งแต่ชั้นสองโค้งจรดลงมาถึงชั้นหนึ่งอย่างงุ่นง่านหงุดหงิด ตรงดิ่งเข้าไปยังห้องนอนของตัวเองแล้วกระแทกประตูปิดตามหลังอย่างไม่ปรานีปราศรัย
ในห้องใหญ่โตกว้างขวางนั้น สลัวเพราะม่านหนาหนักบังจากด้านนอก เจ้าของไม่ใส่ใจจะเปิดให้สว่าง ยืนอยู่ท่ามกลางแสงที่ลอดเข้ามาสลัว ทอดตาออกไปยังสนามหญ้าหน้าบ้านที่มีคนสวนกำลังขับรถตัดหญ้าทำความสะอาด นึกถึงวันเวลาเก่าๆ ที่เคยวิ่งเล่นอยู่กับน้องสาวและพ่อแม่แล้วเจ็บปวดขึ้นมาในใจจนต้องกำมือเกร็งแน่น...
ธีรวัช...แกเป็นใคร ถึงได้บังอาจมาแย่งหยาดรุ้งไปจากพี่ชายที่หวงแหนน้องสาวยิ่งกว่าไข่ในหินอย่างเขา... ไม่เพียงแกจะได้ตัว แต่แกยังได้หัวใจ... หยาดรุ้งหลงไหลจนกระทั่งยอมเชื่อทุกอย่างที่แกพูด ไม่ยอมเชื่อคำพูดคำเตือนของพี่ชายที่หวังดีมาตลอดคนนี้อีกเลย
อย่างแกจะดูแลน้องสาวของฉันได้เหรอ?... คิดแล้วริมฝีปากบางก็เหยียดยิ้มหยัน... ภาพชายหนุ่มหน้าตาหม่นๆ หมองๆ ปรากฏขึ้นมาในห้วงความคิด...ภาพใบหน้าหยิ่งผยอง ยึดมั่นในศักดิ์ศรี... ศักดิ์ศรีหรือ?... กี่คนแล้วที่ถือศักดิ์ศรีแล้วล้มลุกคลุกคลานจนแทบเอาตัวไม่รอด กี่คนแล้วที่เปลี่ยนไปเป็นคนละคนยามที่ขัดสนเงินทอง
ทำเป็นเชิดหน้า...ทำเป็นปากดี...ทั้งพี่และน้อง...กินข้าวกับไข่ต้มน่าอนาถาแต่ก็ยังมาตีฝีปาก...ต่อหน้าทำว่าอยากจ่ายเงินเสียเต็มประดาแต่ในใจคงชอบได้อยู่ในห้องพักแสนหรูหราสะดวกสบาย ... ใช่...ห้องพักห้องนั้นมันสุขสบายยิ่งกว่าบ้านรังหนูหลังนั้นไม่รู้กี่เท่า... หลังจากนี้แม่นั่นก็คงได้ใจ เอาไปจีบปากจีบคอเล่าให้เพื่อนฟังทั่วหมู่บ้านแน่ว่าได้มีโอกาสไปอยู่บนคอนโดมิเนียมหรูหรา...
โถ...ขนาดผู้หญิงธรรมดาที่เขาเคยพาไปกกกอดนอน ลับหลังยังแจ้นเอาไปป่าวประกาศในหมู่เพื่อนเสียแทบไม่ทัน...แล้วผู้หญิงที่เกิดมายังมองไม่เห็นแม้แต่โอกาสว่าจะได้แตะที่นอนหรูๆ ผ้าปูนิ่มๆ อย่างนั้นจะมิรีบทำเร็วยิ่งกว่าเป็นสองเท่าหรอกหรือ...
...เกลียดทั้งพี่ทั้งน้อง...คนพวกนี้รู้หน้าไม่รู้ใจ....เมื่อไหร่ได้หยาดรุ้งคืนมาจะต้องรีบไล่ออกไปให้เร็วที่สุด!...
(โปรดติดตามตอนต่อไป)
แก้ไขเมื่อ 14 ก.ค. 49 23:39:18
แก้ไขเมื่อ 14 ก.ค. 49 23:38:53
แก้ไขเมื่อ 14 ก.ค. 49 23:38:29
แก้ไขเมื่อ 14 ก.ค. 49 23:38:20