*

ระหว่างคำสัญญา
*
แม่ผิดสัญญา
เขาอยากจะร้องไห้ น้ำใสๆ ไหลมาเอ่อรอที่ขอบตาแดงช้ำแล้ว หายใจก็ติดขัดไปหมด
ทำไมหนอ? แม่ต้องหวนกลับไปหา มัน ด้วย ทั้งๆ ที่แม่ก็ให้สัญญาเป็นมั่นเป็นเหมาะกับไทไว้แล้ว แม่
ไทสงสัยจริงๆ
บรรยากาศรอบกายแสนจะเย็นยะเยียบ ฝนเพิ่งขาดเม็ดไปไม่นาน ชุดนักเรียนที่ชุ่มน้ำฝนห่อรัดร่างผ่ายผอมของเด็กหนุ่มอย่างไม่ปรานี ความเหน็บหนาวราวกับถูกแช่แข็งรับรู้ได้จนกระทั่งปากเผือดสีสั่นระริก เม็ดฝนเกาะพราวอยู่เต็มใบหน้าจนต้องเผลอเอามือลูบ จึงได้พบน้ำสีแดงเจือจางอยู่กับน้ำฝน
นั่นแหละ
ทำให้เขารู้ทันทีว่าไม่เพียงเฉพาะความหนาวเท่านั้นที่ทำให้เขาสั่นเท่า ทว่ารวมถึงความเจ็บปวดที่ไม่ได้รับรู้มาก่อนด้วย กำหนดให้เขาต้องสั่นสะท้านถึงปานนี้
และอีกนั่นแหละ
เมื่อได้รู้ว่ามีรอยแผลที่ข้อนิ้วมือข้างขวาจากการกระตุกต่อยเสาปูนอย่างแรง ก่อนจะวิ่งเปะปะออกมาจากบ้าน ส่งผลให้ปวดหนึบขึ้นมาจับใจ แสบซ่านจนต้องกัดฟัน
ทว่าแท้จริงแล้ว ความหนาวเหน็บและความเจ็บปวดที่นิ้วมือไปสามารถเรียกร้องความรู้สึกรู้สาจากเขาได้เท่ากับภาพที่แสนทรมานใจ
ภาพของแม่กับ มัน ภาพซึ่งคล้ายประทับติดอยู่ที่เปลือกตา จะหลับก็เห็น จะลืมตาก็นึกถึง และก็เพราะมันนี่แหละที่ทำให้เขาต้องหนีออกมาทั้งๆ ที่ไม่ได้หยิบกระเป๋าหนังสือเรียนมาด้วยอย่างนี้
ไม่ไปมันแล้วโรงรงโรงเรียน
ภาพนั้น
แม่พา มัน ผ่านรั้วเข้ามายังตราแน่น เขาเห็นแล้วตั้งแต่ไกล แม่นั่งลงตรงโต๊ะไม้ตัวที่เขากำลังนั่งสวมถุงเท้าเตรียมตัวจะไปโรงเรียน เสียงฟ้าร้องครืนๆ อยู่เบื้องบน
เขาประจันหน้ากับมันจังๆ แล้ว เด็กหนุ่มรับรู้ถึงความสะใจที่ระบายอยู่ทั่วทั้งตัวของมัน บ่งบอกอย่างชัดเจนว่าธงแห่งชัยชนะโบกสะบัดอยู่ข้างมัน
ไม่ใช่เขา
แม่มีเรื่องจะพูดด้วย
แม่เอ่ยขึ้นหลังจากที่เขาจัดการกับรองเท้าเสร็จ แต่แล้วเขาก็ได้แต่นั่งฟังนิ่งๆ โดยไม่ได้หันหน้าไปมองเลยสักนิด
แม่มีเรื่องจะพูดด้วยได้ยินไหม
ไท
เด็กหนุ่มให้เพียงความเงียบเป็นคำตอบ แต่ครั้งนี้เขาก็หันหน้าไปมองด้วยสายตาเกรียวกราด
ด้วยอารมณ์สุดจะทน เกลียด มัน ที่เยาะเย้ยถากถาง และเขาก็เริ่มไม่มั่นใจในตัวแม่อีกต่อไปแล้ว
หยุดมองแม่ด้วยสายตาอย่างนั้นได้แล้วไท แล้วฟังแม่ให้ดี
ไม่ทันที่แม่จะพูดต่อ เขาก็ลุกขึ้นพรวดและเบือนหน้าหนี จากนั้นความเงียบก็เข้าครอบคลุมทั่วทั้งบริเวณ หลายอึดใจ ในที่สุดเขาก็พูดขึ้น
แม่ผิดสัญญา ไทไม่มีวันจะคุยกับแม่หรอก
เด็กหนุ่มเดินจากบ้านมาช้าๆ ขณะที่ฝนเริ่มลงเม็ด โดยไม่ได้สนใจจะหยิบอะไรติดมือมาและโดยไม่มีเสียงร้องเรียกของแม่ให้หวนกลับ
เขายังฉงนใจไม่หาย ไย มัน จึงมีอิทธิพลต่อแม่ขนาดนี้ แรกทีเดียว มันเข้ามาในชีวิตอันเงียบเหงาของพวกเขาในคราบของ เพื่อน ผู้หวังดีเฝ้าปลอบประโลมแม่ให้คลายจากความเศร้าที่พ่อจากพวกเขาไป แต่แล้วมันก็กลับมีความสำคัญเกินกว่าเขาและน้องจนได้ โดยแม่มักอ้างว่า
แม่ปวดใจ แม่ทนไม่ไหวหรอกไท พ่อทิ้งเราไปมีผู้หญิงอื่น พ่อทิ้งเราไปแล้ว แม่แค่ต้องการอะไรสักอย่าง
อะไรก็ได้มาชดเชย
แม่คงลืม อะไรบางอย่าง ที่อยู่ข้างกายแม่ตลอดเวลาเสียแล้วกระมัง ทั้งเขาและน้องสาวก็ยังอยู่ข้างๆ แต่แม่ไม่เคยชายตาแล ไม่แม้จะคิดถึง แม่จึงได้พยายามไขว่คว้าหาสิ่งอื่นหรือสิ่งที่ดีกว่าอยู่ได้ ยามที่เขาและน้องสาวโหยหาต้องการความรักความเอาใจใส่ เฝ้าเพียรพร่ำเรียกหา แม่นั่นเองก็จะหันมาตวาดใส่พวกเขาอย่างหัวเสีย
แม่ ไทรู้นะว่าความรักที่มีให้พ่อนั้นนะ มันได้จากหายไปแล้ว จากใจของแม่
แล้วแม่ก็หันไปหา มัน ชีวิตอันหงอยเหงาของเขาและน้องเพราะขาดพ่อ ไม่ได้เสริมใส่ความมีชีวิตชีวาจากแม่ทดแทนแม้แต่น้อย กลับกัน แม่ยังทิ้งพวกเขาไปอีก
*
ไทค่อยๆ ลดฝีเท้าลงเป็นเดินทอดน่องไปเรื่อย
เรื่อยไปจนเหมือนจะเดินไปให้สุดโลก น้ำตาชื้นที่ขอบตา บัดนี้ อันตรธานไปหมดแล้ว เสื้อผ้าก็เริ่มแห้ง ท่ามกลางความคิดที่พล่าวนเหมือนวังน้ำที่หมุดตัวไม่หยุดหย่อน เขาต้องการให้ใครมาช่วยฉุดดึงเขาขึ้นไปเหลือเกิน ใครก็ได้ ใครสักคน
เหมือนมือทิพย์ เขาได้ยินเสียงครูสาวดังก้องขึ้นในมโนประสาทส่วนที่ลึกที่สุด แม้จะฟังไม่ได้ศัพท์จับความไม่ได้ คล้ายลมพัดใบไม้ผ่านหน้าแต่เอื้อมคว้าไม่ทัน หากเขาก็แน่ใจว่าต้องเป็นเธอแน่
ผู้ซึ่งเขาแสนฉงนสนเท่ห์ใจตัวเองว่าไยเขาจึงได้นึกถึงเธอ
ครูแก้วใส
เด็กหนุ่มรับรู้และสัมผัสได้ถึงเสียงร้องในใจตนที่ประกาศก้องบ่งบอกความคิดถึงและความผูกพัน เขาเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่ามันเริ่มถักทอ ณ จุดใด ทว่าเขายังสำเหนียกอยู่ถึงเสียงร้องเตือนในสิ่งที่พยายามนึก คิดครวญ เสียงนี้เองห้ามไม่ให้เขาได้มีโอกาสทำอย่างนั้น ทว่าทุกครั้งที่เขาได้อยู่กับครูแก้วใส ยามเสาร์อาทิตย์ที่เขาไปเพลินอยู่ที่บ้านพักครูกับเพื่อนอีกไม่กี่คน ทำอะไรต่างๆ อย่างเล่นกับสุนัข อ่านหนังสือ และครูแก้วใสก็เป็นที่ปรึกษาปัญหาหลายหลากของเขาได้ นั่นทำให้เขาเริ่มรู้สึกผูกพันที่มิใช่ความผูกพันเพียงแค่ลูกศิษย์คนหนึ่งเท่านั้น นั่นแหละ
เขาก็รู้อยู่แก่ใจและทำได้แต่เพียงแสดงความเคารพออกมาให้เห็นเท่านั้น ใครหนอจะมาช่วยไขปริศนาในใจเขาได้ คนที่คิดว่าจะช่วยได้กลับกลายเป็นปัญหาเองเสียนี่
พ่อ
ความคิดของเขาแวบเข้ามาในสมอง
แล้วพ่ออยู่ไหนล่ะ?
*
เท้าของเขาพาเดินมาหยุดที่หน้าบ้านไม้โทรมๆ หลังนั้น
หลังที่เป็นสถานรวมกลุ่มกันในหมู่เพื่อนฝูง เพื่อทดแทนความเปลี่ยวเปล่าเหงาใจที่มีกับอยู่ทุกคน แต่สิ่งที่ทำกันอยู่ก็ไม่อาจจะทำให้ใจชุ่มฉ่ำขึ้นมาได้เลยแม้แต่นิด ทุกคนจึงหันมาพึ่งยาอันสุดแสนวิเศษซึ่งเพื่อนในกลุ่มคนหนึ่งหามาให้ทุกคนลอง ครั้งแรกที่เห็นเขาก็ไม่คิดจะลองเพื่อแก้เหงาอย่างที่เพื่อนว่า เพราะรู้ถึงโทษอันตรายของมันว่าเป็นอย่างไร หากชั่ววินาทีนั้นความคิดที่อยากจะหยุดพ้นไปจากปัญหาต่างๆ ประกอบกับเพื่อนคนนั้นก็ตะล่อมเขาจนเข้ามุม จึงต้องหยิบมันขึ้นมาลองดูว่าเป็นไฉน ใจก็นึกภาวนาขอให้มันชุบใจอันเหี่ยวแห้งก่อนวัยอันสมควรให้กลับคืนสู่สภาพเดิมได้บ้างไม่มากก็น้อย
ใจไทเริ่มปั่นป่วนรวนเร้าขึ้นมาอีกแล้ว เมื่อร่างผอมกะหร่องจนเห็นกระดูกปูดโปนค่อยๆ แง้มประตูอออกมาทำลับๆ ล่อๆ กวักมือเรียกเขา ราวต้องมนตร์ เขาเดินตรงไปทั้งๆ ที่หัวใจไม่ต้องการ
หลุดออกมาจากตะรางได้ไงวะ
เต้ เขาเอ่ยขึ้นเมื่อเข้ามาข้างในแล้ว ลำแสงตะวันยามสายหลังฝนจางส่องทะลุหน้าต่างผุๆ ที่ปิดไว้ตามอัตภาพ คอยอำพรางซ่อนเร้นบางอย่างจากสายตาของคนภายนอกที่มักชอบสอดรู้สอดเห็นเรื่องผู้อื่น แต่มักไม่สนใจที่จะช่วยเหลือหากพบเห็นสิ่งที่ไม่เหมาะไม่ควร
เขากวาดสายตามองเพื่อนสองสามคนที่นอนขดกระจุกกันอยู่บนฟูกเก่าๆ บางแทบติดดิน
น่ากลัวเหลือเกินว่าถ้ามีลมพัดมา มันคงพัดพาเพื่อนๆ ที่เหมือนผ้าขี้ริ้วเน่าๆ ลอยล่องไปตามสายลมแน่นอน ข้างกันนั้น ขวดเหล้าและกระป๋องเบียร์กองสุมอยู่ลวกๆ คราบน้ำเมาจับกับฝุ่นสกปรกไหลเป็นทางมาจนถึงจุดที่เขายืนอยู่
เส้นโว้ย
เส้นใหญ่ซะอย่าง กูเลยออกมาได้อย่างสบาย แหม
แต่ยังเจ็บใจไม่หาย หมาตัวไหนวะมันไปแจ้งตำรวจ ฮึ
ตอนนั้นกูเกือบหนีได้แล้วเชี้ยว
เด็กหนุ่มผอมกะหร่องคนที่เปิดประตูชักชวนเขาเข้ามาตอบน้ำเสียงเอาเรื่องทีเดียว พลางนั่งลงบนโต๊ะหยิบ บางอย่าง จากกระเป๋ากางเกงยีนตัวเก่าที่ขาดวิ่นออกมาจุดสูด กลิ่นเย้ายวนประหลาดลอยมาเตะจมูก ช่างคุ้นแสนคุ้น เพราะมันคือกลิ่นที่เขาเคยลองลิ้มรสชาติอันแสนวิเศษของมันมาก่อน
ไม่ผิดหรอก กัญชา ซึ่งหาได้ยากในสมัยนี้
เพื่อนของเขาคงเริ่มครึ้มขึ้นมาแล้ว
ครั้งนั้นเขาหลงติดในความอัศจรรย์ของมันอย่างไม่ลืมหูลืมตา แต่ลืม
ที่จะกลับบ้าน จนแม่นั่นแหละที่เป็นคนแจ้งตำรวจให้ตามมาจนถึงที่นี่
ภาพพร่าเลือนแต่แจ่มชัดในความคิดวาบขึ้นมา ภาพที่คอยเตือน ตราไว้ไม่มีวันจะถอนจากความจำได้
บานประตูเก่าใหญ่เปิดออกพร้อมแสงจ้าและคนมากมายกรูเกรียวกันเข้ามาเบียบเสียดในบ้านผุร้างหลังนี้อย่างไม่กลัวว่ามันจะพังครืนลงมา
เฮ้ย! ตำรวจ
เสียงใครคนหนึ่งร้องขึ้น ทำให้ร่างกะหร่องร่องแร่งแทบไม่มีแรงต่างหนีออกไปอย่างโกลาหล เหมือนเนื้อส้มที่ปริออกเมื่อถูกบีบ คงเหลือเพียงร่างไร้กำลังของไทกำลังนอนแบ็บติดอยู่กับฟูกเก่าๆ คนเดียว
ไท
ไทลูก
แม่นั่นเอง แม่โผเข้ามาหาเขาที่นอนขดอยู่เหมือนเชือกพันกัน หน้าตาซีดเสียวเพราะหมดแรงและฤทธิ์ของยาวิเศษ เขาค่อยปรือตาเล็กน้อยเพื่อมองหน้าเจ้าของเสียงที่คุ้นแสนคุ้น
แม่
แม่เองเหรอ? แล้วแม่มาทำอะไรที่นี่ไม่ไปทำงานทำการ ไปหมกอยู่กับ มัน แล้วทิ้งให้ไทหงอยเหงาว้าเหว่อย่างที่เคยๆ ทำ
โถ
แม่เป็นห่วงซะแทบแย่ ลูกหายไปสามวันแล้วนะ ครูเค้าก็บอกว่าลูกไม่ไปโรงเรียนเลย แม่ใจหายหมด ฮือ
ต้องเป็นพวกไอ้เด็กเลวนั้นใช่ไหม ที่มันพาลูกเหลวแหลกอย่างนี้
ไม่รู้สิ
ไม่รู้ว่าทำไมเขาถึงรู้สึกว่าที่แม่พูดมามันไม่ได้ออกมาจากใจ
เขาขยับตัวขดกระชับยิ่งขึ้นอีก อยากจะย้อนแม่เสียเหลือเกินหากก็ไม่มีแรง ร่างของเขากระจุกตัวเข้าอีกจนเข่าทั้งสองข้างชนปลายคาง อาการสั่นเทิ้มยังไม่หยุด อาจเป็นเพราะเขาหนาวหรือว่าอะไร?
หนาว หนาวเหลือเกิน ทั้งหนาวทั้งปวดหัว
โอ๊ย
ปวดจี๊ดเลยแม่ แม่ช่วยไททีสิ ไทปวดหัวเหลือเกิน
เอ๊ะ! แม่ร้องไห้ทำไมล่ะ ร้องทำไมกัน? อย่างร้องสิ ถ้าแม่เอาแต่ร้อง แล้วแม่จะช่วยไทอย่างไรล่ะ
อ้อ ไม่เป็นเป็นไร งั้นตามน้องมาสิ น้องรู้วิธีช่วยไทรึเปล่า?
แต่น้องยังเด็ก คงยังไม่รู้ แม้เรื่องบางเรื่องใกล้ตัวยังไม่รู้เลย
งั้นแม่ตามครูมาก็ได้ ครูแก้วใส
เอ่อ
ไท ไม่รู้สิแม่เธอคงช่วยไทได้ รึไม่ได้?
พ่อ
พ่อไงแม่ แต่อย่างว่าแม่คงไม่มีทางไปหาพ่อเด็ดขาด
เอ้า แม่ เอาแต่ต้องไห้อยู่นั่นแหละ หรือว่าใครเป็นอะไร
ใคร
เอ๊ะ! นั่นใครเยอะแยะเต็มไปหมด ตำรวจรึเปล่า? อ๊ะ! ตำรวจจริงๆ ด้วย อย่า
โอ๊ย อย่า แม่อย่าให้เค้ามาจับไทนะ แม่ช่วยไทด้วย
แม่
ร่างผอมๆ แก้มตอบ ตาคล้ำปากคล้ำค่อยๆ คลายตัวแล้วผวา แต่ก็กลับขดกระจุกเข้าไปอีก ผู้เป็นแม่พยายามเข้าไปกอดหากถูกป้องปัดจากร่างนั้นเอง เหมือนกลัวอะไรสักอย่าง แม่ทำได้แต่เพียงนั่งน้ำตาไหลมองดูลูกถูกหามไปขึ้นรถตำรวจที่ส่งเสียงโหยหวน ส่องแสงเป็นลำจ้าแทงทะลุความมืดที่ค่อยๆ กลืนกินแสงสุดท้ายของยามเย็น
*
จากคุณ :
Roy_พิม
- [
17 ก.ค. 49 16:05:09
]