CafeTech-ExchangePantip MarketChatPantownBlogGangTorakhongGameRoom


    *** Allan Quatermain *** จอมพรานสุดขอบฟ้า*** บทที่ ๑๐ ดอกกุหลาบไฟ

    แปลจากเรื่อง  Allan Quatermain  ของ SIR  HENRY  RIDER  HAGGARD

    บทที่ ๑๐
    ดอกกุหลาบไฟ

    เราล่องลอยไปตามกระแสน้ำอันเชี่ยวกราก        จนในที่สุดข้าพเจ้าสังเกตว่าเสียงจากกระแสน้ำดังกึกก้องไม่ถึงครึ่งหนึ่งของที่เคยได้ยิน       จึงสรุปเอาว่าที่เป็นอย่างนี้ต้องเป็นเพราะมีพื้นที่กว้างใหญ่ให้เสียงสะท้อนกระจายออกไป         ตอนนี้ข้าพเจ้าได้ยินเสียงอัลฟองเซร้องโหยหวนได้ชัดเจนขึ้น       มันผสมผสานกันระหว่างการร้องวิงวอนต่ออำนาจอันยิ่งใหญ่กับชื่อของผู้อันเป็นที่รักของเขาแอนเนตซึ่งไม่มีทางที่จะได้ยิน      กล่าวอย่างสั้น ๆ ให้อำนาจศักดิ์สิทธิ์ปกป้องพวกเขาให้พ้นจากความผิดบาปทั้งปวง       อย่างน้อยก็พูดได้ว่าน่าทึ่งมาก        ข้าพเจ้าหยิบพายขึ้นมากระทุ้งเข้าไปที่ซี่โครงของเขา       ซึ่งเขาคิดว่าวาระสุดท้ายมาถึงแล้วส่งเสียงโหยหวนดังขึ้นกว่าเดิม        จากนั้นอย่างช้า ๆ และระมัดระวังข้าพเจ้ายกตัวขึ้นด้วยหัวเข่าเหยียดมือสูงขึ้นไป      แต่สัมผัสได้กับความว่างเปล่า         ต่อมาข้าพเจ้าใช้พายชูขึ้นไปเหนือหัวให้สูงที่สุดเท่าที่จะทำได้และก็ได้ผลเช่นเดียวกัน          ข้าพเจ้าดันใบพายออกไปทางด้านข้างทั้งซ้ายและขวาไม่สัมผัสกับสิ่งใดเลยนอกจากน้ำ        ทันใดข้าพเจ้านึกขึ้นมาได้ว่าสัมภาระที่เหลืออยู่ในเรือมีตะเกียงตาวัวพร้อมกับกระป๋องน้ำมันติดมาด้วย         ข้าพเจ้าคลำหามันจนพบใช้ไม้ขีดไฟจุดมันขึ้นมาอย่างระมัดระวัง       ทันทีที่ไส้ตะเกียงติดไฟดีแล้วข้าพเจ้าหันไปที่ท้องเรือ       ภาพที่ปรากฏขึ้นสิ่งแรกที่แสงสว่างส่องไปเห็นคือใบหน้าขาวซีดและตื่นตระหนกของอัลฟองเซ      ผู้ซึ่งคิดว่าวาระสุดท้ายมาถึงแล้ว      และเขากำลังอยู่เบื้องหน้าปรากฏการณ์แห่งสวรรค์        แหกปากร้องด้วยความหวาดกลัวแม้แต่ด้ามพายก็ยากที่จะเรียกสติกลับคืนมา        สำหรับอีกสามคน      กัปตันกู๊ดนอนหงายเหยียดไปข้างหลังแว่นตายังติดแน่นอยู่กับดวงตาของเขา       มองขึ้นไปอย่างว่างเปล่ายังความมืดมิดเบื้องบน        เซอร์เฮนรี่พาดหัวพักอยู่บนกระทงเรือใช้มือพยายามทดสอบความเร็วของกระแสน้ำ        แต่เมื่อแสงไฟส่องไปที่ร่างของผู้เฒ่าอัมสโลโปกาสข้าพเจ้าเกือบจะหัวเราะออกมา        ข้าพเจ้าคิดว่าได้เคยกล่าวไปแล้วว่าเรานำเนื้อกวางย่างหนักหนึ่งควอเตอร์ขึ้นเรือมาด้วย        เมื่อตอนที่พวกเราหมอบลงเพื่อไม่ให้ปากเพดานถ้ำกวาดพวกเราตกลงไปในน้ำ         หัวของอัมสโลโปกาสก้มลงมาอยู่ใกล้เนื้อกวางย่างนี้       และเมื่อเขาหายตกใจปรากฏว่าเขาหิว      ด้วยเหตุนั้นเขาจึงค่อย ๆ ตัดชิ้นเนื้อย่างอย่างเยือกเย็นด้วยขวานอินโกสีกาสและจัดการกินเสียจนพอใจ        และเขาอธิบายในภายหลังว่าเขาคิดว่ากำลังอยู่ระหว่างการเดินทางไกล      จึงอยากจะกินเสียให้อิ่มก่อน     เรื่องนี้ทำให้ข้าพเจ้านึกถึงคนที่กำลังจะถูกนำไปแขวนคอ        และมีรายงานในหนังสือพิมพ์รายวันของอังกฤษว่าได้รับอาหารมื้อพิเศษ

    ทันทีที่คนอื่นเห็นข้าพเจ้าจุดตะเกียงขึ้นมา       พวกเขาช่วยกันผลักอัลฟองเซให้ไปอยู่ท้ายเรือพร้อมกับขู่ให้เขาสงบลงได้อย่างน่าประหลาด       ด้วยการบอกว่าถ้าเขายังขืนทำให้ความมืดมิดน่าหวาดหวั่นด้วยเสียงร้องของเขา       พวกเราจะทำให้เขาพ้นไปจากอันตรายอันน่าหวาดเสียวนี้ด้วยการส่งเขาให้ไปอยู่กับชาวแวควาฟี่และรอพบกับแอนเนตที่โลกหน้า       แล้วปรึกษากันถึงสถานการณ์เท่าที่จะทำได้       อย่างแรกเลยจากคำแนะนำของกัปตันกู๊ด        เรามัดพายสองเล่มไว้ที่หัวเรือเหมือนกับเสากระโดงเรือ       เพื่อที่มันจะเตือนเราเมื่อเพดานถ้ำลดต่ำลงหรือทิศทางน้ำ       เป็นที่เข้าใจของพวกเราว่ากำลังอยู่ในแม่น้ำใต้ดินหรืออย่างที่อัลฟองเซให้ความเห็นอันเฉียบคมว่าเป็นท่อระบายน้ำหลักของทะเลสาบที่จะระบายน้ำส่วนเกินออกไป       แม่น้ำเช่นนี้รู้กันดีว่ามีอยู่มากมายในหลายส่วนของโลก        แต่มีไม่บ่อยนักที่นักสำรวจผู้โชคร้ายต้องอาศัยมันเดินทาง         แม่น้ำแห่งนี้กว้างมากเรารู้สึกได้อย่างชัดเจนเพราะแสงจากตะเกียงตาวัวไม่สามารถส่องไปถึงฝั่งแต่ละข้างได้        ในบางครั้งกระแสน้ำเหวี่ยงเราจากข้างหนึ่งไปยังอีกข้างหนึ่ง      เราจึงพอจะสังเกตผนังหินของอุโมงค์ได้        เท่าที่เราพอจะประมาณได้ส่วนโค้งของเพดานอยู่สูงจากหัวเราขึ้นไปยี่สิบห้าฟุต        สำหรับความเร็วของกระแสน้ำกัปตันกู๊ดประมาณว่าเร็วอย่างน้อยแปดน็อต        และเป็นโชคดีของพวกเรากระแสน้ำเหมือนกับทั่ว ๆ ไปเชี่ยวกรากรุนแรงที่สุดตรงกึ่งกลางของสายน้ำ        สิ่งที่เรากระทำเป็นอย่างแรกคือจัดการให้มีพวกเราคนหนึ่งพร้อมกับตะเกียงและไม้ถ่อที่มีอยู่ในเรือไปเตรียมพร้อมอยู่ที่หัวเรือ       เพื่อป้องกันไม่ให้เรือของเรากระแทกกับผนังถ้ำหรือก้อนหินที่ยื่นออกมา       อัมสโลโปกาสกินอิ่มแล้วรับหน้าที่เป็นคนแรก        สิ่งนี้สมบูรณ์พอที่จะปกป้องพวกเราให้ปลอดภัยได้ยกเว้นอีกเรื่องหนึ่ง        พวกเราอีกคนหนึ่งไปประจำที่อยู่ท้ายเรือพร้อมกับพายเพื่อคอยคัดท้ายไม่ให้เรือปะทะกับผนังถ้ำ       พร้อมกันนั้นเราแบ่งเนื้อกวางย่างที่เย็นแล้วสำรองเอาไว้ (เพราะไม่รู้ว่าอีกนานเท่าใดพวกเราจึงจะถึงวาระสุดท้าย)       และเมื่อรู้สึกว่าจิตใจดีขึ้นบ้างแล้วข้าพเจ้าก็ให้ความเห็นอย่างจริงจังตามสถานการณ์ที่เกิดขึ้น       ข้าพเจ้าไม่คิดว่าพวกเราจะอยู่ในสภาพที่สิ้นหวัง        นอกเสียจากว่าพวกพื้นเมืองจะพูดถูกว่าแม่น้ำไหลลงไปสู่ก้นบาดาลใต้โลก        ถ้าไม่เป็นเช่นนั้นมันจะต้องโผล่ออกไปที่ไหนสักแห่ง        บางทีอาจเป็นอีกด้านของภูเขา        และถ้าเป็นอย่างนั้นพวกเราควรรักษาชีวิตเอาไว้จนกว่าพวกเราจะไปถึงที่นั่น          แต่ถ้าเป็นอย่างที่กัปตันกู๊ดให้ความเห็นอย่างเศร้าสลดในทางตรงกันข้ามเราจะต้องเผชิญหน้ากับความน่ากลัวอีกเป็นร้อยเรื่อง---หรือแม่น้ำไหลวนเวียนอยู่ใต้ผิวโลกจนเหือดแห้งไป        ไม่ว่าจะเป็นอย่างไหนพวกเราก็จะพบกับชะตากรรมอันน่ากลัว

    “ถ้าอย่างนั้นพวกเราควรตั้งความหวังทางด้านดี และเตรียมตัวให้พร้อมกับเรื่องร้ายเอาไว้”    เซอร์เฮนรี่พูดขึ้น      ผู้ซึ่งคอยให้คำปลอบใจและเข้มแข็งอยู่เสมอ---เสาหลักที่แข็งแกร่งในยามที่อยู่ในความยากลำบาก         “พวกเราเคยรอดกันมาแล้วอย่างหวุดหวิดหลายครั้ง      ทำให้ผมเชื่ออย่างจริงจังว่าครั้งนี้พวกเราก็จะรอดไปได้”    เขากล่าวเสริมขึ้น

    จากคุณ : Sv - [ 19 ก.ค. 49 12:04:18 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | PanTown.com | BlogGang.com