
ตอนที่ ๑-๒
http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W4741162/W4741162.html

ครั้งนั้น ยังมีพราหมณ์เนสาท (พรานป่าผู้มีวรรณะพราหมณ์) คนหนึ่ง มีบุตรชายชื่อโสมทัต อาศัยอยู่ใกล้ประตูเมืองพาราณสี ยังชีพด้วยการล่าสัตว์ ดักสัตว์ด้วยหลาวยนต์และบ่วงแร้วแล้วฆ่าสัตว์น้ำเนื้อไปขาย วันหนึ่งพรานป่ากับบุตรชายล่าสัตว์อะไรๆ ไม่ได้เลยแม้เพียงสัตว์เลื้อยคลานสักตัวหนึ่ง พรานกล่าวกับบุตรว่า ลูกโสมทัต ถ้าเรากลับบ้านมือเปล่าแม่ของเจ้าจะต้องโกรธเอา เราต้องล่าอะไรให้ได้สักอย่างนะลูก พากันเดินแสวงหาสัตว์ไปทางจอมปลวกที่พระโพธิสัตว์นอนอยู่ พบรอยเท้าเนื้อหลายตัวลงไปดื่มน้ำที่แม่น้ำยมุนา จึงบอกบุตรว่า เจ้าจงถอยไป พ่อจะซุ่มยิงเนื้อที่มาดื่มน้ำพวกนี้แหละ
พราหมณ์ซ่อนกายแอบโคนไม้ต้นหนึ่งเตรียมธนูคอยอยู่ ในเวลาเย็น กวางตัวหนึ่งผ่านมาเพื่อไปดื่มน้ำ พราหมณ์ยิงศรถูกมันแต่มันมิได้ล้มในที่นั้น บาดเจ็บและตกใจวิ่งหนีไป บิดาและบุตรตามรอยเท้าและรอยเลือดไปจนกระทั่งมันล้มลง จึงได้เนื้อนั้นพากันจะออกจากป่า ในเวลาอาทิตย์อัสดงได้เดินมาถึงต้นไทร เห็นว่าบัดนี้เย็นย่ำค่ำแล้วไม่ใช่เวลาที่สมควรจะเดินป่าออกไป เราควรจะพักแรม ณ ที่นี้ก่อน ทั้งสองวางเนื้อไว้ที่สมควรแล้ว พากันขึ้นนอนบนคาคบไม้ไม่ไกลนั้นเอง
ครั้นใกล้เวลาปัจจุสมัย ดาวเลือนเดือนลับแล้วพราหมณ์ก็ตื่นขึ้น คอยฟังเสียงมฤคและสัตว์ต่างๆ อยู่ ในเวลานั้นเอง นางนาคมาณวิกาทั้งหลายได้ขึ้นมาจากภพนาค พากันมาตกแต่งอาสนะเพื่อพระโพธิสัตว์ พระภูริทัตกลายร่างจากนาค เป็นร่างทิพย์ของบุรุษ ประดับพระองค์ด้วยเครื่องอลงกรณ์อันวิจิตร ทรงงามดั่งองค์เทวราชา นางนาคมาณวิกาแวดล้อมถวายเครื่องหอมและดอกไม้ต่างๆ บูชาพระองค์ แลบรรเลงดุริยะสังคีตอันประณีตในระหว่างนั้น
พราหมณ์เนสาทสดับเสียง สงสัยเป็นกำลังว่าเสียงใด ปลุกบุตรชายขึ้นให้ช่วยฟังด้วยบุตรก็ไม่ตื่น พราหมณ์นั้นจึงคิดว่าเมื่อวานบุตรคงเหนื่อย ให้นอนไป ตนเองลงจากต้นไม้ เดินเข้าไปตามเสียงเพียงลำพัง
เมื่อเข้าไปใกล้ที่ประทับของพระโพธิสัตว์ เหล่านางนาคมาณวิกาแลเห็นมนุษย์มาก็ตกใจ พากันหายลงไปในแผ่นดินกลับสู่ภพนาคกันหมด เหลือพระโพธิสัตว์ประทับอยู่เพียงพระองค์เดียว พราหมณ์เข้าไปหาพระองค์ พิจารณาพระลักษณะอันงามและการห้อมล้อมของนางบริจาริกาแล้ว ตื่นเต้นอัศจรรย์ใจใคร่รู้ว่านี่คือผู้ใด
ก็พระภูริทัตนั้นมีพระวรกายงามดั่งทองคำ ดวงตาสีทับทิมสุกปลั่งดั่งมีเปลวอัคคีเต้นรำโชนแสงอยู่ สะท้อนแววงามดังมณีเจียระไน พระอุระผึ่งผายสง่างาม พระพาหาเลิศลักษณะราวจะทำให้ปวงช่างปั้นต้องพิศวง แล้วยังทรงประดับกายด้วยวิวิธภูษา นางผู้แวดล้อมก็ล้วนตกแต่งเครื่องประดับสูงค่า คงจะเป็นผู้มีฤทธานุภาพมากเป็นแน่ ด้วยความงุนงงสงสัยใจพราหมณ์จึงได้ถามขึ้น
ท่านคือใครใคร่แจ้ง นามขนาน
เนตรดั่งแสงสูรย์ตระการ ก่องกล้า
มณีปัทมราชจะราน แสงสลด แล้วเอย
อ่าพระองค์โอ่หล้า เอกท้าวนามใด
จรัสในไพรพฤกษ์พร้อม พะงางาม
อลงกตสุวรรณวาม รัตน์รุ้ง
อสุรเทพ ฤ นาคขาม ใจคิด อยู่นา
เรืองเดชดุจไฟฟุ้ง เฟื่องฟ้าเฟือนแสง
ท่านนั้นมีนามใด มีนัยน์ตาแดง รัศมีกายผึ่งผาย นั่งอยู่ท่ามกลางไพรพฤกษ์อันดารดาษด้วยมวลบุปผา สตรี ๑๐ นางนั้นคือใครหนอ จึงล้วนประดับด้วยเครื่องประดับทองคำ ห่มอาภรณ์วิจิตร ยืนรายรอบนอบน้อมวันทนาท่านอยู่ ท่านผู้มีแขนใหญ่ รุ่งเรืองกลางป่าลึกราวเปลวไฟเปล่งแสง คงจะเป็นยักษ์หรือนาคผู้สูงศักดิ์และมีอานุภาพผู้ใดผู้หนึ่ง
พระโพธิสัตว์ตรัสตอบว่า
เราคือนาคราชผู้ เพ็ญฤทธิ์
ปรปักษ์ยากจะลิด ล่วงได้
แม้มีวิโรธจิต จรูญเดช แล้วพ่อ
ชนบทอาจมอดไหม้ เดือดด้วยเดชา
สมญามาตุเรศไท้ สมุททชา
ธตรฐท้าวชนกา ปิ่นเกล้า
สุทัสสนะภาดา พสกเรียก เราฤๅ
ว่าภุชค์ภูริทัตเจ้า ธิรท้าววิษธร
เราเป็นนาคผู้เรืองเดช ยากหาใครหมิ่นได้ หากแม้เราโกรธแล้ว เพียงคมเขี้ยวตกต้องแผ่นดิน ชนบทอันกว้างขวางพร้อมด้วยหมู่ชนก็จะมอดไหม้กลายเป็นธุลีไป ชนทั้งหลายในนาคพิภพเรียกเราว่าภูริทัต วิทูผู้มีปัญญายิ่ง
แม้หากพระองค์จะทรงบอกว่า ทรงเป็นท้าวสักกะ พราหมณ์นี้ก็คงจะเชื่อ แต่พระองค์ทรงศีลตรัสแต่สัจจะวาจาเท่านั้น ทรงดำริว่า พราหมณ์นี้ท่าทางดุร้าย กิริยาหยาบ ไม่อาจวางใจ เขารู้ว่าเราเป็นนาคแล้วอาจนำความไปบอกแก่หมองู พากันมาทำลายศีลของเรา ถ้าอย่างไรเรานำพราหมณ์ผู้นี้ไปเมืองนาคด้วย บำรุงเขาให้อยู่สุขสบาย เราก็จะสามารถมาถือศีลที่นี่ต่อไปได้โดยปลอดภัย ดำริแล้วจึงกล่าวแก่พราหมณ์ว่า
ท่านพราหมณ์ ท่านได้เคยเห็นสมบัติในนาคพิภพอันน่ารื่นรมย์ยิ่งหรือไม่เล่า เราจะมอบทรัพย์และความสุขสบาย ให้ท่านเป็นอยู่อย่างผู้มียศ หากท่านจะไปกับเรายังภพนาค ท่านจะยินดีไปกับเราหรือ ?
พราหมณ์ตอบว่า ข้าแต่ท่าน ข้าพเจ้ามีบุตรมาด้วยคนหนึ่ง หากท่านยินยอมให้บุตรไปด้วยกันกับข้า ข้าจึงจะไป
ได้สิพราหมณ์ ท่านจงนำบุตรของท่านมา...
ยลยมุนาน่านน้ำ นิลวน
เวียนวัฏฏ์เป็นวังชล ลึกล้ำ
ร้อยชั่วบุรุษตน ต่อหยั่ง ถึงฤๅ
เชี่ยวกรากหลากเกลียวกล้ำ กร่อนแกล้วกมลมาน
ห้วงละหานน่าหวั่นแท้ ธารา เรือนเอย
คือนิเวศน์นครา นาคแผ้ว
ไหลผ่านจากพนา ไพรรื่น รุกข์นา
มวลมยุระโกญจาแจ้ว เรื่อยร้องซ้องเสียง
เพียงเพลาใจหวาดว้ำ วานคลา
สู่พิภพชลธา สถิตน้ำ
ภูมิภาครื่นหัทยา เขษมสุข
สถานแห่งนระผู้ล้ำ วัตรล้ำจริยา
ลำน้ำสีเขียวเข้ม ลึกยากหยั่งถึง ยมุนานี้ ไหลผ่านมาแต่กลางพนาพฤกษ์ซึ่งหมู่นกยูงและนกกระเรียนส่งเสียงร้องก้องอยู่เสมอทุกเมื่อ ห้วงน้ำอันเป็นวังวนน่ากลัวนั้นเป็นที่อยู่อันเรืองงามของเรา ท่านอย่ากลัวไปเลย
แก้ไขเมื่อ 26 ก.ย. 49 09:32:57
จากคุณ :
ศรีสุรางค์
- [
24 ก.ค. 49 16:00:51
]