CafeTech-ExchangePantip MarketChatPantownBlogGangTorakhongGameRoom


    รัก..........สุดท้าย (gay story)

    โดย  ภูผากานต์

    วันนี้ที่ไม่มีเธอมันช่างทรมานจริง  ๆ  เหมือนร่างกายมีแต่วันโหวง ไปหมด ไม่มีอะไรอยู่รอบกาย อากาศมันผ่านเข้ามาในตัวฉัน แล้วมันก็เลยออกไปทางลมหายใจ ฉันอยู่ไปเพื่อมีชีวิตไปวัน ๆ หนึ่งหรือนี่ สาระชีวิตของฉันอยู่ตรงไหน………

    เธอจากฉันไป  ในวันที่เรายังไม่เข้าใจเลย  วันนั้น เราทะเลาะกันอย่างรุนแรง เธอโกรธฉันมาก …. “วิทย์ นายไม่เคยเข้าใจเราเลย แล้วเราจะคบกันต่อไปทำไม นายเข้าใจไหมว่า ถ้านายหัดที่จะไว้ใจคนอื่นบ้างนายจะมีความสุขมากกว่านี้”

    “เอ็ด เราก็ไม่เข้าใจนายเหมือนกัน สิ่งที่นายทำอยู่คิดว่า ถ้าเป็นคนอื่นเขาจะไว้ใจนายได้เหรอ นายรู้ไหมว่าเรานะพยายามเข้าใจนายเสมอว่า เวลาที่ใครเขาเอาเรื่องนายกัน ไอ้อ้นมาพูดให้เราฟัง เราก็ไม่เชื่อ แต่วันนี้ไม่ใช่อย่างนั้นแล้ว เราเห็นมากับตาเราเองนายจะพูดแก้ตัวว่าอะไรอีก”

    ความไม่เข้าใจกันมันมาเริ่มก่อตัวกับเราสองคนตั้งแต่เมื่อไรนะ  ใช่ซิ ตั้งแต่หมิงเข้ามาในชีวิตของพวกเราสองคน หมีงเป็นรุ่นน้องของเอ็ดที่มหาวิทยาลัย เอ็ดดูจะเอ็นดูน้องคนนี้เป็นพิเศษมากแต่ไม่รู้ว่าเพราะอะไร เวลาที่ฉันเห็นเขาทำดีกับหมิงมากเท่าไร ฉันจะรู้สึกถึงการถูกกีดกันออกนอกวงสนทนามากเท่านั้น

    “พี่เอ็ดครับ วันนี้หมิงไปบ้านพี่เอ็ดนะครับ ไอ้โม มันเอาแฟนมันมาเที่ยวที่ห้อง ผมไม่อยากรีบกลับไปเป็น กอ ขอ คอ นะครับ”
    “ได้ซิ แล้วจะกินอะไรไหมพี่จะได้ซื้อไปเผื่อ”
    “ ไม่รบกวนพี่แน่นะครับ แล้วพี่บอกพี่วิทย์ หรือยังครับ ไม่รู้พี่วิทย์จะว่า ว่าผมไปรบกวนหรือเปล่า ดู ๆ เหมือนพี่วิทย์ไม่ค่อยจะชอบหน้าผมเท่าไรนะครับ”
    “อย่าคิดมากน่า พี่วิทย์เขาไม่ได้เป็นอะไรหรอก เขาเป็นคนของเขาแบบนั้นเอง นะครับ มาเถอะ ดี พี่มีเรื่องจะคุยกับเราอยู่พอดีเลย”


    ความรู้สึกโดดเดี่ยวมันเกาะในใจฉันทุกทีที่เห็นหมิงมาที่บ้านฉัน ดูเหมือนว่าฉันจะกลายเป็นคนอื่นไปทันที ฉันไม่ใช่คนที่จบมาจากสถานบันเดียวกันกับพวกเขา ฉันไม่ได้เรียนวิชาเดียวกันกับพวกเขา ฉันไม่รู้จักอาจารย์ที่พวกเขารู้จัก แล้วฉันเป็นตัวอะไรในบ้านของฉันละ ฉันไม่เข้าใจเลย

    “หมิงครับ อาจารย์ศิวพร แกลาออกแล้วนะ แกจะไปเล่นการเมือง นะครับ เห็นว่าเตรียมตัวจะลงเป็น ส.ว. อะไรเทือกนี้นะ เสียดายเหมือนกันเนอะ แกเป็นอาจารย์หัวสมัยใหม่ที่สอนให้พี่ยอมรับตัวตนของพี่เอง และทำให้พี่เข้าใจคำว่า “เพศสภาพที่พี่เป็น” แต่ก็อีกนะแหละ ชีวิตทุกคนก็มีทางเดินของตัวเอง แล้วเราละทำงานเป็นไงบ้างเห็นว่าพึ่งได้งานที่สถานฑูตเหรอ”
    “ครับพี่ ก็ยังต้องเรียนรู้อีกเยอะครับ แต่ก็จะพยายามครับว่าจะเข้ามาได้มันยากแสนยาก  พูดถึงอาจารย์ศิวพรผมก็ว่าน่าเสียดายนะครับ ท่านเป็นคนดีจริง ๆ”………………

    ฉันพยายามข่มความรู้สึกแย่ ๆ ทุกครั้งที่ฉันเห็น ได้ยิน แต่อย่างไรสีหน้าของฉันมันก็ไม่เคยปิดได้อยู่เลยซักครั้ง และทุกครั้งที่หมิงกลับบ้านไปแล้ว ฉากการทะเลาะกัน ก็เริ่มต้นขึ้นทุกครั้ง จนฉันไม่เข้าใจว่า ใครกันแน่ที่เอ็ดควรแคร์ ฉันหรือน้องคนนั้นของเขา
    “วิทย์ วันอาทิตย์นี้ไปไหนหรือเปล่า กลับบ้านไหม”
    “ไม่นี่ เอ็ดจะชวนไปเที่ยวไหนเหรอ ดีเหมือนกัน เราไม่ได้เที่ยวด้วยกันนานแล้ว ขับรถไปเที่ยวหัวหินไหม เราจะได้บอกให้เพื่อนเปิดห้องที่คอนโดไว้ให้”
    “เปล่าหรอก เราว่าจะชวนวิทย์ไปเที่ยวกันที่บ้านหมิงนะ เขาบอกว่าบ้านเขาน่าอยู่มากเลย เป็นบ้านกลางสวนแถว ๆ ดำเนินสะดวก ไปด้วยกันนะเราอยากให้นายไปกับเรา”

    ถ้าเป็นคำพูดแบบนี้ในเวลาอื่น ๆ ที่ไม่มีชื่อหมิงเข้ามาอยู่ในบทสนทนา ฉันคงปลื้มมาก ๆ ที่เขายังคงคิดถึงฉัน อยากให้ฉันไปในที่ต่าง ๆ ที่เขาอยากไป แต่ครั้งนี้ฉันไม่ได้รู้สึกอย่างนั้นเลย ฉันคงไม่กล้าไปหรอก คงไม่ด้านที่จะเข้าไปเป็นก้างขวางคอเขาอีกต่อไป มันคงอาจจะจบกันแค่ตรงนี้ก็คงเป็นไปได้ทีเดียว

    …….และครั้งนั้นก็คงเป็นครั้งสุดท้ายที่เขาชวนฉันไปเที่ยวด้วยกัน มันไม่มีโอกาสอย่างนั้นอีกแล้ว  

    “วิทย์  แก่รู้ไหมเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมาฉันเห็นใคร”
    “อะไร แกเป็นอะไร ไอ้อ้น ไอ้บ้า แกเห็นใครก็เรื่องของแก ฉันจะไปรู้กับแก่เหรอ”
    “เออพูดอย่างนี้ แสดงว่าไม่อยากรู้ ก็ดี ให้มันอวัยวะเพิ่มซะให้เข็ดก็ดี”
    “แกหมายความว่าไงวะ  เอาจะเล่าอะไรก็เล่ามาฉันจะทำงานต่อ หัวหน้าสั่งงานบานเลย เห็นไหมต้องรีบปิดต้นฉบับแล้วด้วย”
    “ฉันก็เห็น เอ็ดนะซิ  มันงี้สวีท หวานแหวว กับหนุ่มที่แกเคยเอารูปมาให้ดูนะ ที่เป็นรุ่นน้องเอ็ดนะ ชื่ออะไรนะ จีน ๆ หน่อยนะ”
    “หมิง!!!”
    “เออ ใช่ นั่นแหละ  แล้วรู้ไหมฉันเห็นมันที่ไหน ที่โรงแรมแถวหัวหินนะแก โหเดินเกี่ยวแขนกันเข้าประตูโรงแรมไปเลย  ไหนแกว่าแฟนแกไปธุระที่ราชบุรีไงวะ”

    ฉันพูดอะไรไม่ออก ไม่รู้อะไรจุกอยู่ที่คอของฉัน ครึ่งวันในช่วงเช้าของวันนั้น ฉันนั่งตาเหม่อลอยออกไปนอกกระจกใส ๆของออฟฟิซ ฝนเจ้ากรรมกันก็เป็นใจเสียเหลือเกิน ฝนที่เกาะอยู่ตรงกระจก เหมือนเป็นภาพสะท้อนของน้ำตาของฉันที่เกาะอยู่ข้างขอบตา ฉันพยามกั้นไม่ให้มันไหลออกมา แต่มันก็รื่นๆ อยู่ที่ตาเหมือนจะพังทำนบที่กั้นเอาไว้ให้พังทลายลงมา  ความขมที่อยู่ในคอของฉันคงไม่เท่ากับความขมที่เกิดขึ้นในใจของฉันที่มันมากเท่าทวีคูณ

    จากคุณ : mukamuka - [ 31 ก.ค. 49 13:35:22 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | PanTown.com | BlogGang.com