เช้าวันนั้น เสียงละครจากวิทยุทรานซิสเตอร์ยังคงดังขึ้นเหมือนอย่างเช่นปรกติ ผมลุกจากที่นอนอย่างเกียจคร้าน โผล่หน้าออกจากห้องนอนมาก็เจอผู้หญิงอายุประมาณ 30 กลางๆ ใช้พัดสานกระพือโหมแรงไฟที่ลุงโพล่งอยู่ในเตาถ่าน บางครั้งก็ก้มลงเป่าลมจากปากเสียงดังฟู่ๆ เป็นอย่างนี้อยู่ทุกวันจนมันกลายเป็นภาพที่ผมเห็นชินตา พอได้ยินเสียงผมงัวเงียออกจากที่นอนก็เงยหน้าขึ้นมอง ใบหน้าเยิ้มเหงื่อยิ้มออกมา ก่อนที่จะพูดว่า
ตื่นแล้วหรือลูกทำไมไม่นอนต่อละ..
นี้แหละคำพูดที่แม่ผมชอบพูดพร้อมกับแววตาแห่งความห่วงหาอาทร
แม่เป็นผู้หญิงธรรมดา ที่ทำหน้าที่แม่บ้านได้อย่างครบถ้วน ก่อนผมเข้าเรียนในโรงเรียนจึงมีเวลาได้อยู่กับแม่มาก กิจกรรมในแต่ละวันของแม่จะคล้ายๆกัน ตื่นเช้าก่อนใคร หุงหาอาหารเตรียมไว้ให้พ่อและลูกๆ ซักผ้า รีดผ้า กวาดบ้าน สารพัดสารพันงานบ้านที่แม่จะทำเป็นกิจวัตรประจำวัน กว่าจะเสร็จจากงานอันจำเจ ก็ปาเข้าไปค่อนสาย พอแดดร่มลมตกถ้าไม่มีใครมาพูดคุยด้วยที่บ้านแม่มักจูงมือผมออกมาเดินเล่น
แม่เป็นที่รักของทุกคนในซอยนั้น เพราะความเป็นกันเองกับทุกคนและเหตุผลสำคัญอีกอย่างหนึ่งที่ไม่มีใครเกลียดแม่ ก็คือแม่ไม่นิยมการนินทาผู้อื่น ทั้งการเริ่มต้นเปิดประเด็นเองหรือว่านั่งฟังอย่างเงียบๆในวงสนทนาก็ตามที บ่อยครั้งที่เพื่อนบ้านปากสว่างเริ่มเรื่องซุบซิบแม่จะลุกเดินหนีเสมอ จนป้าไผ่สมาชิกวงนินทาประจำซอยถึงกับบอกผมอย่างจริงๆจังๆว่า
แม่เอ็งนี้เก่งจริงๆไม่นินทาใครแล้วไม่ยอมร่วมวงนินทาด้วย
วันหนึ่งที่ผมเดินกลับจากตลาดสดกับแม่ ป้าไผ่แกกวักมือเรียกเพื่อถามไถ่ถึงธุระ พูดกันไปสักพักเพื่อนปากสว่างประจำวงก็เริ่มเปิดประเด็น ไม่ต้องเดาแม่ผมเดินหนีทันที
เดี่ยวสิยังไม่ทันนินทาใครเลย ป้าไผ่บอกกับแม่ก่อนจะหันไปปรามเพื่อนปากสว่าง
เอ็งอย่าเพิ่งเริ่ม ให้ข้าคุยธุระเสร็จก่อนสิว่ะ พูดจบแกก็หัวเราะอย่างอารมณ์ดี
วัยเด็กของผมเป็นวัยที่ทั้งดื้อและซนเอาการ เพราะความดื้อความซนระดับมหาบัณฑิตที่สั่งสมอยู่ในตัวทำให้ผมโดนก้านมะพร้าวหวดก้นเอาบ่อยๆ เพราะงั้นไม่ต้องสงสัยเลยว่าลายก้นนี้ผมได้แต่ใดมา ผมเคยถามแม่เหมือนกันว่าตีผมเพราะอะไร แม่บอก
โบราณว่ารักวัวให้ผูกรักลูกให้ตี อยากให้เป็นคนดีไม่ดื้อไม่ซนก็ต้องตีเสียบ้าง
แต่ผมก็ไม่ใคร่จะจำรอยซ้ำๆที่แก้มก้น ไม่ช้าไม่นานผมก็ทำอาการถามหาก้านมะพร้าวอีกจนได้ มีอยู่ครั้งหนึ่งที่ทำเอาผมต้องแปลกใจ เมื่อมีแขกมาเยี่ยมที่บ้าน(แขกที่ว่านี้ไม่ใช่แขกขายถั่วนะครับแต่เป็นป้าแก่ๆที่ธุระมาคุยกับแม่เท่านั้น ) แล้วผมก็เริ่มยุทธการเรียกหาไม้เรียว ทั้ง เอารองเท้าไปซ่อน แกล้งดึงผมแก ผมกะไว้ว่าวันนี้ยังไงๆต้องโดนนาบก้นสักสองสามทีให้หายคิดถึง แต่เปล่า แม่เพียงปรามด้วยสายดาและออกปากต่อว่า ชักไม่ได้การ ถ้าผมไม่ถามวันนั้นตูดคงเหงาน่าดู
แม่ทำไมไม่ตีล่ะ ผมซนแล้วนะ แม่อาจจะกำลังเกรงใจแขก ผมเลยต้องใช้ไม้ตาย ดึงกางเกงตัวเองพรวด แล้ววิ่งไปหยิบมัดก้านมะพร้าวที่พิงไว้กับฝาบ้านมายื่นให้แม่
แม่ตีสิๆ แต่แม่ยังอิดออด ใช่แน่ๆ คงไม่อยากให้แขกเห็นภาพทารุณกรรมเด็กชายวัย 5 ขวบเศษ แต่ผมยังไม่ยอมแพ้ คะยั้นคะยอต่ออีกไม่กี่ครั้งก็สัมฤทธิผล
ป๊าบ ผมสะดุงโหยง ลูบก้นป่อยๆ แต่แปลกผมยิ้มออกมาได้ทั้งๆที่น้ำตาไหลเปรอะแก้มด้วยความแสบร้อน
แม่เป็นคนสอนให้ผมไหว้พระก่อนนอนเสมอ ผมถามแม่อย่างไม่รู้ประสาว่าไหว้พระแล้วจะได้อะไร
แม่บอกว่า ไหว้พระแล้วจะเป็นคนดี มีพระคุ้มครอง
ขออย่างอื่นได้ไหมแม่ผมถามต่อไปด้วยวัยกำลังซน แม่ยิ้มตอบอย่างเอ็นดูพลางลูบหัวผมอย่างช้าๆ
ได้สิลูกถ้าสิ่งนั้นไม่ใช่สิ่งที่ผิด
นับจากวันนั้นเป็นต้นมา ผมมักจะเข้าไปในห้องนอน บนหัวเตียงจะมีหิ้งพระที่ยกสูงขึ้น ผมก้มลงกราบแล้วเริ่มอ้อนวอนถึงสิ่งที่อยากได้ บางวันผมขอขนม บางวันผมขอของเล่น แม่ถามผมว่าขออะไรจากพระท่าน
ขอขนมชั้น ขอข้าวต้มร้อนๆตอนเช้าจากตลาด บางวันก็ขอเงินซื้อของเล่นแม่ยิ้มออกมาอย่างกลั้นขำ แต่ทุกเช้าที่แม่กลับมาจากตลาด ขนมต่างๆที่ผมตั้งจิตอธิษฐานก็จะมาวางตรงหน้าเสมอๆ นั้นยิ่งทำให้ผมมั่นใจว่าพระพุทธรูปบนหิ้งประทานให้ผมได้
ช่วงหลังชักเบื่อขนม ผมเริ่มขอสิ่งใหม่ๆ ซึ่งเป็นสิ่งที่ผมมั่นใจว่าผมอยากได้มากที่สุด ผมนั่งลงแล้วก้มลงกราบพระพุทธรูปสามครั้งอย่างปราณีตที่สุดเท่าที่เด็กวัยก่อนเข้าโรงเรียนจะทำได้ แล้วเริ่มอธิษฐาน พอผมออกจากห้องมาแม่ก็ถาม
ขออะไรพระท่านอีกล่ะ ผมยิ้มอย่างอายๆไม่ยอมบอก แม่เองก็ไม่คะยั้นคะยอถามต่อ จนนานวันเข้าความแปลกใจของแม่ก็เพิ่มพูนขึ้นตามลำดับ
แม่ถามจริงๆ ขออะไรพระท่าน แม่ไม่ดุหรอกบอกมาเถอะ
ผมขอให้แม่มีสุขภาพแข็งแรง มีอายุเป็นร้อยเป็นพันปี...ไม่ตาย พูดจบแม่ดึงผมเข้ามากอด
โธ่...คนเราก็ต้องตายกันทุกคน พระท่านให้ไม่ได้หรอก
พระท่านให้ไม่ได้จริงๆเหรอแม่ แต่ผมอยากอยู่กับแม่ตลอดไป.. ให้ผมขอต่อไปนะ แม่พยักหน้าแล้วกระชับกอดผมแน่นยิ่งขึ้น
แล้ววันที่ทำให้ผมรู้ว่าคำของแม่เป็นความจริงก็มาถึง วันนั้นไม่มีเสียงละครวิทยุจากทรานซิสเตอร์เครื่องเก่า มีแต่เสียงเซ้งแซ่ฟังไม่ได้ศัพท์ของเพื่อนร่วมซอยที่มาออกันเต็มชานบ้าน มีเสียงใครคนนึงบอกผมในขณะที่ยังตื่นไม่เต็มตา
แม่เอ็งตายแล้ว... เท่านั้นแหละผมปล่อยโฮอย่างเต็มกำลัง ต่อจากนั้นมีทั้งเสียงปลอบมีทั้งเสียงสะอื้นตามของเพื่อนบ้านทั้งเด็กและผู้ใหญ่ เราร้องไห้ร่วมกันให้กับบุคคลอันเป็นที่รักของทุกคนในซอย... แม่ของผม
มาถึงบรรทัดนี้บางคนอาจจะจบเรื่องโดยการสัญญาว่าพรุ่งนี้จะไปกราบเท้าแม่ บางคนอาจจะจบด้วยการบอกรักแม่ แต่ผมจบยังนั้นไม่ได้ พรุ่งนี้ของผมไม่มีเท้าของแม่ให้กราบอีกแล้ว พรุ่งนี้ไม่มีแม่ให้บอกคำว่ารัก แต่กระนั้นผมก็ยังจำแกงจืดฝีมือแม่ได้ดี ยังจำอ้อมแขนอันแสนอบอุ่นคู่นั้นได้ และที่สำคัญผมยังไหว้พระอยู่เสมอๆ.... ผมขอให้แม่มีสุขภาพที่แข็งแรงมีความสุขในชาติภพของแม่
*****************
จัดหน้าใหม่ครับ พอดีเป้นเรื่องแรกที่หัดโพสต์ในพันทิพย์ การจัดหน้าเลยทำให้อ่านยากสักหน่อย
แก้ไขเมื่อ 02 ส.ค. 49 14:29:38
จากคุณ :
เราคนจรร่อนเร่มาพบกัน
- [
2 ส.ค. 49 11:47:59
]