๕ สิงหาคม ๒๕๔๙
แม่ครับ,
แม่ครับ อีกไม่นานก็จะถึงวันแม่แล้ว ที่ผ่านมาผมอาจจะไม่ได้ให้ความสำคัญกับวันนี้มากนัก
ผมเคยมองว่าวันนี้ไม่ต่างจากวันอื่น วันนี้ยังมียี่สิบสีชั่วโมงเท่าวันอื่น และเช่นเดียวกับวันอื่นๆ วันนี้พระอาทิตย์ขึ้นทางทิศตะวันออกและลับขอบฟ้าทางทิศตะวันตก แต่มาตอนนี้ เมื่อผมรู้ว่าสำหรับแม่แล้ววันนี้แม่อยากให้เป็นวันพิเศษ ผมก็จะพยายามทำใหัวันนี้เป็นวันพิเศษสำหรับแม่ครับ
แม่ครับ ผมเลือกที่จะเขียนจดหมายฉบับนี้ขึ้นเพื่อขอบคุณแม่ที่ให้กำเนิดผมมา และได้เลี้ยงดูผมอย่างดีตลอดยี่สิบกว่าขวบปีที่ผ่านมา
แม่ครับ ตอนนี้ในหัวของผมเต็มไปด้วยเรื่องให้คิดมากมาย ผมมีความยุ่งยากลำบากใจประดังประเดเข้ามาในเวลาเดียวกัน โลกของผมเศร้าโศกยิ่งนัก และน้ำตาของผมก็หลั่งไหลออกมาเป็นสาย แต่ผมก็จะไม่ยอมเศร้าไปตลอดหรอกครับ ความลำบากของผมเทียบไม่ได้กับความลำบากทั้งทางกายและใจที่ผ่านมาเยือนชีวิตของแม่ และในเมื่อผมรู้ว่าแม่พร้อมจะอยู่เคียงข้างผมเสมอ ผมก็จะกัดฟันสู้กับความลำบากต่อไปครับ
แม่ครับ แม้แม่จะไม่เคยกอดผม ไม่เคยบอกผมว่าแม่รักผม แม้แม่อาจจะไม่ได้ให้ความอบอุ่นกับผมด้วยการกอดจูบเหมือนที่เพื่อนๆ ของผมได้รับจากแม่ของเขา แต่ความสงบสุข ความร่มรื่นหัวใจ ที่แผ่ซ่านมาสู่ผมทุกครั้งที่ผมได้อยู่ใกล้ๆ แม่ ได้คุยกับแม่ เป็นเครื่องยืนยันได้ดีครับว่าแม่รักและเป็นห่วงผมมากเพียงใด การแสดงความรักของแม่ที่แม้จะแตกต่างจากแม่ของคนอื่นๆ บ้าง แต่ทุกสิ่งที่แม่ได้ทำมาเพื่อผม สำหรับผมแล้วมันยิ่งใหญ่นักครับ และแม้ผมจะรู้ว่าผมคงตอบแทนมันไม่ได้ทั้งหมด แต่ก็ขอให้แม่รู้ด้วยเถิดครับ ว่าแม่ซึ่งเป็นคนสำคัญและคนพิเศษสุดของผมจะมีผมอยู่ข้างๆ แม่ตลอด
แม่ครับ ตอนผมยังเล็กผมยังจำภาพของแม่ได้ดีนะครับ ตอนที่แม่ให้โอกาสผมลืมตาดูโลก แม่คงอายุไม่ต่างจากผมตอนนี้เท่าไร แต่ภาพชีวิตของแม่ตอนที่แม่เลี้ยงผมตอนเด็ก ช่างต่างจากภาพชีวิตของผมตอนนี้มากนัก แม่วุ่นอยู่กับการทำงานหาเลี้ยงปากท้องของผมกับพี่ ชีวิตตอนนั้นของแม่มีความรับผิดชอบมากกว่าผมในตอนนี้มากนัก เพราะแม่มีลูกสองคนที่แม่จะต้องดูแล และให้ความเอาใจใส่ฟูมฟักเลี้ยงดู
แม่ครับ งานที่แม่ทำผมรู้ว่ามันหนักมากครับ แม่เคยบอกผมว่าแม่เคยรับจ้างเย็บรองเท้าบนฟุตบาท เคยซักรีด เคยทำงานเป็นพี่เลี้ยงดูแลลูกของเพื่อนบ้าน ผมรู้ครับว่าแม่ผ่านมางานสารพัด แต่แม่ก็ไม่ได้บอกเล่าถึงความยากไร้ ถึงความทุกข์ที่แม่เคยผ่านมา แม่เพียงเล่าเตือนสติผมกับพี่นนท์ ในวันที่เราดื้อรั้นไม่เชื่อฟังแม่ว่า กว่าจะมีวันนี้ได้แม่กับพ่อผ่านชีวิตลำบากมามาก และแม่อยากให้ผมกับพี่ฟังแม่บ้าง แม่อยากให้ผมกับพี่มีชีวิตที่ดีกว่า
แม่ครับ ผมจำได้ครับว่าครอบครัวเราเคยลำบากมามาก ตอนผมยังเด็กผมอาจจะมองข้ามเหตุการณ์เหล่านั้นไปโดยไม่ใส่ใจ แต่มาตอนนี้เมื่อผมได้นึกย้อนไป ผมเข้าใจครอบครัวเรามากขึ้นครับ ผมเข้าใจดีว่าแม่ต้องสู้มากขนาดไหนเพื่อลูกๆ
แม่ครับ ผมเคยไม่พอใจที่แม่บอกว่าเราคงต้องกินข้าวต้มรองท้อง เพราะพ่อกับแม่ไม่มีเงินซื้ออย่างอื่นให้เรากินได้ ผมเคยหงุดหงิดใจที่เมื่อครั้งหนึ่งผมอยากได้ธนบัตรใบละ ๑๐๐ บาทไปถ่ายเอกสาร เนื่องจากครูมอบหมายให้เราถ่ายเอกสารธนบัตรแล้วระบายสีลงไปในธนบัตรฉบับถ่ายเอกสาร แต่แม่บอกว่าแม่ไม่มี ทำให้ผมต้องบอกเพื่อนให้เพื่อนถ่ายเผื่อผม ตอนนั้นผมอายมากครับ เพราะเพื่อนคงรู้ว่าบ้านของเรายากจน ไม่มีแม้แต่ธนบัตรใบละ ๑๐๐ บาทอยู่ติดบ้าน แต่แม่ครับ แม่รู้มั้ยครับว่าผมไม่อายใครแล้ว ตอนนี้ผมภูมิใจกับครอบครัวเรามากครับ ผมภูมิใจที่พ่อกับแม่สู้ไม่ย่อท้อต่อความยากลำบากของชีวิต ถ้าไม่ได้พ่อกับแม่เป็นตัวอย่างที่ดีของเรา ผมกับพี่นนท์คงไม่ประสบความสำเร็จ และยืนหยัดด้วยลำแข้งของตัวเองได้อย่างนี้
แม่ครับ แม่อาจจะไม่เคยตามใจผม แม่อาจจะเตือนผมแรงๆ บ่อยๆ และไม่เคยอวดผมกับเพื่อนๆ ของแม่ แม้ว่าผมจะเรียนดีกว่าลูกของเพื่อนๆ แม่มาก เมื่อเพื่อนๆ แม่ชมว่าผมเป็นเด็กดี ตั้งใจเรียน ไม่สร้างความลำบากใจให้กับพ่อแม่ แม่ก็ตอบรับว่า "ยังไม่รู้จักไอ้แนคมันดีล่ะสิ มันดื้อจะตาย อย่าไปชมมันเลย" ผมเคยน้อยใจนะครับที่แม่ไม่พูดให้กำลังใจผม แต่ตอนนี้ผมรู้แล้วครับ ว่าแม่ไม่อยากให้ผมหลงระเริง เหลิงไปกับคำชม แม่อยากให้ผมมองหาข้อผิดพลาดของตนเอง เพื่อปรับปรุงแก้ไขตัวเองให้ดียิ่งๆ ขึ้นไป
จากคุณ :
pasternak
- [
6 ส.ค. 49 17:56:26
]