CafeTech-ExchangePantip MarketChatPantownBlogGangTorakhongGameRoom


    โชคดีของโอเล่

    ข่าวเรื่องโอเล่ถูกล็อตเตอรี่รางวัลที่ 1 แพร่สะพัดไปทั่วชุมชนเก่าแก่ริมคลองมอญย่านธนบุรีราวกับไฟลามทุ่ง มันได้เปลี่ยนสถานภาพของชายวัยยี่สิบที่เคยเป็นคนไร้หัวนอนปลายเท้าให้กลายเป็นคุณโอเล่ขึ้นมาในฉับพลัน ดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่ถนนทุกสายจะมุ่งเข้าหาเขาแทบจะตลอดเวลาในระยะนี้

    ที่บริเวณศาลาริมน้ำซึ่งเป็นท่าเทียบเรือโดยสาร โดยมากจะเป็นเรือหางยาวเสียงดังกระหึ่ม แล่นผ่านไปมาเป็นระยะ ๆ โอเล่นั่งอยู่กลางวงเหมือนไข่แดง มีผู้คนหลายสิบพากันห้อมล้อมพูดคุยเอาอกเอาใจราวกับโอเล่เป็นคุณชาย ถ้าเขาไม่ใช่คนหูตึงคงจะรำคาญจนทนไม่ไหว และถ้าเขาไม่ใช่คนใบ้ เขาก็อาจด่าคนเหล่านั้นด้วยความหมั่นไส้ที่พินอบพิเทาเขาผิดกับแต่ก่อน มีเพียงคน ๆ เดียวที่โอเล่อยากให้อยู่ใกล้ก็คือพี่ปกป้อง คนที่ไม่เคยรังเกียจความยากไร้ใบ้บ้าของเขา มิหนำซ้ำยังคอยให้ข้าวปลาอาหารกินอยู่เป็นประจำ

    “โอเล่ เอ็งคิดจะทำยังไงกับเงินสี่ล้านวะ” เจ้าเล็กคอกัญชาประจำท่าน้ำถามด้วยความสงสัย

    “แอะ แอะ...”โอเล่ส่งเสียงออกมาแล้วชี้นิ้วไปที่พี่ปกป้อง พลางทำท่าแสดงให้เห็นว่าจะให้ชายผิวขาวร่างสูงโปร่ง ท่าทางมีความรู้เป็นคนจัดการเรื่องเงินทั้งหมดของเขา

    “ผมตกลงกับโอเล่แล้ว มันให้ผมดูแลเงินที่ได้มา โอเล่มันไม่มีบัตรประชาชนด้วย ผมเลยต้องไปขึ้นรางวัลแทนเมื่อวานนี้ ถ้ามันอยากได้อะไรถึงจะให้ผมไปเบิกเงินให้อีกที” ชายชื่อปกป้องชี้แจงด้วยน้ำเสียงเนิบนาบใจเย็น

    มีเสียงฮือฮาดังจากปากของชาวบ้านที่นั่งห้อมล้อมโอเล่อยู่ หลายคนมองผู้ดูแลผลประโยชน์ของโอเล่ด้วยแววตาอิจฉา

    “เอาล่ะ ผมในฐานะตัวแทนของโอเล่ขอแจ้งให้ทราบกันเสียตรงนี้เลย โอเล่มันจะเลี้ยงทุกคนในชุมชน เลี้ยงแบบอิ่มหมีพีมัน เหล้ายาปลาปิ้งไม่อั้น ตั้งแต่เย็นนี้ยันเช้า ผมไปเบิกเงินมาแล้ว และสั่งโต๊ะจีนที่ร้านเฮียหงวนไว้เรียบร้อย อีกสามชั่วโมงมาฉลองความเป็นเศรษฐีใหม่ของโอเล่มันหน่อยก็แล้วกัน อย่าลืมช่วยบอกต่อ ๆ กันด้วย”

    ไม่มีใครปฏิเสธ ชาวบ้านทุกคนพยักหน้าหงึกหงัก พยายามส่งยิ้มให้กับโอเล่ เขาเห็นแต่แกล้งทำเฉย ในใจรู้สึกไปว่าช่างเป็นวันที่เขาปลื้มอกปลื้มใจและจะไม่ขอลืมไปชั่วชีวิต วันนี้ใครต่อใครล้วนถามหาแต่เขา ผิดกับวันคืนก่อน ๆ ที่โอเล่เป็นได้แค่เครื่องรองรับอารมณ์ บางทีก็รองรับมือตีนของคนที่เห็นว่าเขาเป็นเพียงเศษผ้าขี้ริ้วเก่า ๆ

    ก่อนหน้านั้น โอเล่เคยคิดสงสัยเสมอว่าเขาเกิดมาทำไม อยากจะถามพ่อกับแม่ก็ไม่รู้ว่าจะไปถามที่ไหน ตั้งแต่จำความได้เขาเป็นเพียงเด็กกำพร้า ซึ่งหนีออกจากมูลนิธิเกี่ยวกับเด็กแห่งหนึ่ง หลังจากถูกเด็กโตกว่ารังแกจนทนไม่ไหว เขาได้แต่ร่อนเร่ไปตามถนนอันกว้างใหญ่ แม้จะเต็มไปด้วยผู้คนมากมายเดินกันขวักไขว่ กลับมีเพียงความโดดเดี่ยว จนกระทั่งซมซานมาถึงสนามหลวง เขาอยู่ที่นั่นหลายปี เมื่อถูกเทศกิจขับไล่ก็เปลี่ยนมานอนแถวเชิงสะพานพุทธฯ ฝั่งธนบุรี อาศัยพักพิงที่เก้าอี้ยาวบนทางเดินเลียบแม่น้ำเจ้าพระยา ชีวิตในแต่ละวันวนเวียนอยู่กับการเก็บเศษขยะขายแลกเงินพอประทังความหิว ไม่มีอนาคตอื่นใดให้หวัง เขาแทบจะไม่เคยรู้จักคำว่า “ความหวัง” ด้วยซ้ำ

    จนกระทั่งวันหนึ่ง เขาเตร็ดเตร่เรื่อยเปื่อยอย่างไร้จุดหมายจนมาถึงชุมชนแห่งนี้ ทำให้ได้พบกับพี่ปกป้อง ผู้ซึ่งเรียกเขาว่า “โอเล่”เป็นคนแรก พี่ปกป้องซื้อข้าวผัดกะเพราหมูจานใหญ่ให้เขากิน แถมด้วยโอเลี้ยงอีกแก้วหนึ่ง เขาได้แต่นั่งยอง ๆ กินตรงศาลาท่าน้ำด้วยน้ำตา ด้วยความรู้สึกว่า โลกนี้ยังมีคนเมตตาเขาอยู่บ้าง พระเจ้าไม่ได้โหดร้ายกับเขาจนเกินไปนัก

    และตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา โอเล่ก็ไม่เคยร่อนเร่ไปที่ไหนอีก เพราะมีพี่ปกป้องคอยซื้อข้าวให้กินบ่อย ๆ ความจริงฐานะของพี่ปกป้องไม่ค่อยดีนัก เงินเดือนข้าราชการมักหมดไปกับการซื้อเหล้าดื่มกับเพื่อน ๆ ซึ่งตั้งวงกันแถวศาลาท่าน้ำนี่เอง เพื่อนฝูงที่มาเฮฮาด้วยส่วนใหญ่เป็นคนในชุมชน โอเล่รับหน้าที่คอยวิ่งซื้อเหล้าซื้อน้ำแข็งอยู่เป็นระยะ ตามแต่พี่ปกป้องหรือคนอื่นจะสั่ง แลกกับการได้กินเหล้าสักแก้วสองแก้ว นี่หมายถึงถ้ามีพี่ปกป้องอยู่ในวงด้วย หากวันไหนพี่ปกป้องไม่อยู่ก็ยากนักที่โอเล่จะได้กินเหล้าให้ชื่นใจ มิหน้ำซ้ำบางทียังถูกพวกขี้เมากลั่นแกล้งอย่างเห็นเป็นเรื่องสนุกอยู่เป็นประจำ โดยเฉพาะการบังคับให้เขาสูบกัญชาจากบ้อง เพื่อจะได้แสดงความเพี้ยนออกมาเหมือนเป็นตัวตลกข้างวงเหล้า

    ที่ผ่านมาโอเล่จึงแทบจะกลายเป็นคนติดกัญชา วันไหนนึกอยากต้องมาดักรอขากัญชาเจ้าประจำแถวท่าน้ำเพื่อขอแบ่งปันสูบด้วย ถ้าพอมีเงินจากการเก็บขวดพลาสติกขายสักสิบบาทยี่สิบบาทจ่ายให้ก็ไม่โดนเตะ แต่ถ้ามามือเปล่าไม่พ้นถูกถีบกระเด็นออกมา ถึงอย่างนั้นโอเล่ก็ไม่เคยถือโกรธ เขายอมรับสภาพตัวเองได้ว่าเป็นเพียงคนจร เป็นคนนอกที่ขอเข้ามาอาศัยอยู่ในชุมชน ไม่มีบ้าน ไม่มีญาติ ส่วนใหญ่ถ้าไม่นอนตากยุงที่ศาลาท่าน้ำ เขาจะไปนอนข้างกำแพงวัด เขาเคยชินเสียแล้วกับการนอนเยี่ยงนี้ ราวกับว่ามันเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตที่แยกไม่ออกไปเสียแล้ว
    แต่ตอนนี้ ชีวิตของเขาได้เปลี่ยนไปอย่างชนิดที่เรียกได้ว่า “จากหลังตีนเป็นหน้ามือ” พี่ปกป้องหาซื้อเสื้อผ้าใหม่ให้เขาหลายชุดหลากสีแทนผ้าขี้ริ้วที่เคยสวมอยู่ ส่วนใหญ่เป็นเสื้อยืดโปโลกับกางเกงยีน พี่ปกป้องบอกว่าแต่งให้หล่อสมฐานะสักหน่อย แม้ว่ามันจะไม่สามารถบดบังความกร้านเกรียมที่ชีวิตได้เคยมอบให้ เขายังเป็นคนร่างเล็กดำผมหยิก แก้มตอบตาลึกโหล แขนขาเต็มไปด้วยแผลเป็นและเส้นเอ็นปูดโปน แต่อีกหน่อยคงดีขึ้น พี่ปกป้องบอกเช่นนั้น หลังจากพาเขาไปตัดผมรองทรง โกนหนวดเครา เมื่ออยู่ในเสื้อผ้าชุดใหม่เอี่ยมจึงดูดีขึ้นมาบ้าง

    “สาว ๆ จะตอมโอเล่เพียบ เชื่อเถอะ พี่เห็นโลกมามาก แต่ต้องระวังอย่ามือใหญ่ใจโต มันจะดูดเงินเอ็งจนหมด” พี่ปกป้องบอกกับโอเล่เช่นนั้น แม้ว่าเขาจะไม่เข้าใจทุกถ้อยคำ แต่หลายปีมานี้เขาพอจะอ่านริมฝีปากของพี่ปกป้องออกมากขึ้น เขาพยายามบอกผู้มีพระคุณว่าตัวเองไม่เคยสนใจผู้หญิงอื่นนอกจากชบา คนงามประจำชุมชนแห่งนี้ แม้ชบาจะอายุมากกว่าเขาสองปีก็ตาม

    “โอ๊ย รักใครไม่รัก ไปรักนังชบาเอาเถอะ พี่จะติดต่อให้ มันคงเล่นด้วยหรอก เพิ่งจะเจ๊งไพ่ไปเมื่อสองสามวันก่อน”

    โอเล่รู้ว่าในความคิดของพี่ปกป้องไม่พอใจนักที่เขาไปชอบผู้หญิงคนนี้ ไม่ใช่เพราะชบาเป็นแม่ม่ายลูกติดสองคน แต่เป็นเพราะชบาชอบเล่นการพนันจนติดเป็นนิสัยต่างหาก ถึงอย่างไร โอเล่ก็ไม่เปลี่ยนใจ เขานึกชอบชบามาโดยตลอดตั้งแต่เห็นหน้าครั้งแรก เพียงแต่ไม่เคยกล้าเอ่ยปากฝากรักหรือแม้แต่จะตอแยด้วย ได้เพียงแค่แอบมองอย่างชื่นชมด้วยความเจียมตัว เพราะแค่เดินสวนกันอีกฝ่ายหนึ่งก็แทบจะกระโดดหนีด้วยความรังเกียจในความสกปรกมอมแมมของเขา แต่นั่นมันเป็นอดีตไปแล้ว ถึงแม้เขาจะไม่เคยมั่งมี เขาก็รู้ดีว่าเงินที่ตัวเองฝากไว้ในบัญชีธนาคารของพี่ปกป้องนั้น มันมากพอจะทำอะไรได้หลายอย่าง แม้แต่การซื้อความรัก เพียงแต่ว่าหากเลือกได้ เขาไม่ต้องการความรักแบบนั้น เขาปลอบใจตัวเองว่าเงินทองที่มีอยู่จะทำให้เขาดูดีขึ้น และชบาจะนึกรักเขาด้วยความเต็มใจ

    งานเลี้ยงตอนเย็น โอเล่ขอให้พี่ปกป้องชวนชบามาร่วมกินเลี้ยงด้วย เขาอยากให้หญิงสาวเห็นเขาในสภาพใหม่ และเขาเองก็ต้องการเห็นแววตาแสดงความชื่นชมจากดวงตางามคู่นั้น เธอจะรู้สึกเช่นไรยามที่เห็นผู้คนในชุมชนพากันเอาอกเอาใจเขาอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน นอกจากนี้เขายังมีเรื่องใหม่อยากบอกให้เธอและคนอื่น ๆ รับรู้ด้วยเช่นกัน ทุกคนจะต้องประหลาดใจ เพราะมันเป็นเรื่องที่ก่อนหน้านั้นยากที่เขาจะคิดฝัน แต่เดี๋ยวนี้เขาสามารถทำได้แล้วถ้าหากต้องการ

    ในที่สุด งานเลี้ยงใหญ่บริเวณศาลาท่าน้ำก็เริ่มต้นขึ้นอย่างคึกคัก เสียงเพลงลูกทุ่งคุ้นหูเปิดให้สนั่นก้องไปทั่วชุมชน คนที่มาร่วมงานเลี้ยงพากันเมียงมองโต๊ะจีน ซึ่งตั้งเรียงรายจากศาลาท่าน้ำ ล้นยาวออกไปถึงริมถนนเป็นจำนวนกว่าร้อยโต๊ะ บรรดาแม่ค้ารถเข็นแถวนั้นต้องงดขายอาหารเย็นและเปลี่ยนมาร่วมฉลองแทน โอเล่บอกให้พี่ปกป้องจ่ายเงินชดเชยให้แม่ค้าเหล่านั้นคนละหนึ่งพันบาท เนื่องจากต้องขาดรายได้ไปวันหนึ่ง พี่ปกป้องบอกว่าไม่จำเป็น แต่เขารบเร้าให้ทำตามความต้องการจนได้ ดูเหมือนว่าพี่ปกป้องจะไม่พอใจนักที่เห็นเขาใช้เงินฟุ่มเฟือยอย่างนี้ เขาไม่รู้จะว่าอย่างไร เขาพูดไม่ได้ แค่ไม่อยากทำให้ใครเดือดร้อน บางทีผลบุญอาจช่วยทำให้ความทุกข์ในชาตินี้ของเขาไม่หวนกลับมาอีก โอเล่คิดเช่นนั้น

    เมื่องานเลี้ยงล่วงเลยไปจนมืดค่ำ แต่คนในชุมชนทั้งหญิงชายยังคงดื่มกินกันอย่างสนุกสนาน เหล้าไม่เคยหมด อาหารเต็มโต๊ะเสียงเฮฮาดังไม่ขาดระยะ ส่วนโอเล่นั่งยิ้มแต้ตาเยิ้มอยู่บนเก้าอี้ข้างโต๊ะจีนตัวหนึ่ง โดยมีพี่ปกป้องคอยเฝ้าประกบ สำหรับผู้ร่วมโต๊ะคนอื่น ๆ โอเล่รู้จักมักคุ้นดีเพราะส่วนใหญ่เป็นคอเหล้าประจำศาลาท่าน้ำ เป็นพวกที่เคยใช้ให้เขาวิ่งซื้อของหรือเคยไล่เตะเขามาแล้วนับครั้งไม่ถ้วน ยามที่ทำอะไรให้ไม่ได้ดั่งใจ เจ้าเล็กคอกัญชาก็นั่งอยู่ด้วย มันเคยถีบเขาตอนที่เข้าไปขอสูบกัญชาครั้งหนึ่ง มาวันนี้มันและทุกคนต้องพูดกับเขาด้วยท่าทางยกย่องสยบยอม โอเล่นึกด้วยความขบขัน

    จากคุณ : ธาร ยุทธชัยบดินทร์ - [ 6 ส.ค. 49 18:02:57 A:203.170.228.172 X: TicketID:068305 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | PanTown.com | BlogGang.com